ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 534 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 10661 - 10680 จากข้อมูลทั้งหมด 124213 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10661 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๖๔ คน ประกอบด้วย
๑. กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๖ คน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอุตตม สาวนายน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) และปลัดกระทรวงการคลัง (นายประสงค์ พูนธเนศ) เป็นกรรมาธิการในสัดส่วนที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ สำหรับจำนวนกรรมาธิการที่ยังไม่ระบุรายชื่ออีกจำนวน ๑๓ คน ให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อแจ้งรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีให้สำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป ๒. กรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๒๗ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๑ คน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10662 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระดับสูงผ่านระบบการประชุมทางไกลว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง : การต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน | กต | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระดับสูงผ่านระบบการประชุมทางไกลว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง : การต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (High-level Video Conference on Belt and Road International Cooperation : Combating COVID-19 with Solidarity) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และร่วมให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ โดยร่างถ้อยแถลงฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมที่จะร่วมมือกันในการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10663 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2563) | นร04 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10664 | ขอความเห็นชอบร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - รัสเซีย สมัยพิเศษว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) | กต | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) (Statement of the Special ASEAN-Russia Foreign Ministers’ Meeting on Coronavirus Disease (COVID-19) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองและออกถ้อยแถลงของการประชุมฯ โดยร่างถ้อยแถลงของการประชุมฯ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียนและสหพันธรัฐรัสเซียจะร่วมให้การรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมดังกล่าวผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์เพื่อร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ทั้งในด้านการป้องกัน เฝ้าระวัง และรักษา ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัส เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน การดูแลและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับของคนชาติประเทศสมาชิกอาเซียนและรัสเซียที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ รวมทั้งแสดงความมุ่งมั่นในการรับมือกับผลกระทบในด้านต่าง ๆ จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนยินดีต่อการจัดตั้งกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙ โดยใช้เงินจากกองทุนการเงินความเป็นหุ้นส่วนคู่เจรจาอาเซียน-รัสเซีย เพื่อดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขร่วมกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในประเด็นการจัดตั้งกองทุนและการจัดสรรงบประมาณจากกองทุน ควรพิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดถึงที่มาของแหล่งงบประมาณ และรายละเอียดของกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินการของทั้งสองฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงของการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10665 | การระงับการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา - บูกิตกายูฮิตัม เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เป็นการชั่วคราว | นร08 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการระงับการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง เป็นการชั่วคราว โดยให้เปิดทำการตามเวลาเดิม คือ ระหว่างวันที่ ๐๕.๐๐-๒๓.๐๐ น. ของทุกวัน ๒. มอบหมายให้จังหวัดสงขลาประชาสัมพันธ์เรื่องการระงับการทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมง เป็นการชั่วคราว ให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชนทราบ เพื่อวางแผนการดำเนินธุรกิจและการขนส่งสินค้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10666 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์) | กต | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10667 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง | นร09 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ (เรื่อง การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง) ตามนัยมาตรา ๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมการ ๒. นายนันทวัฒน์ บรมานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายนพดล เฮงเจริญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายบุญอนันต์ วรรณพานิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประสงค์ วินัยแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายฤทัย หงส์สิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายอธิคม อินทุภูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10668 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร | นร04 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตำรวจโท ประหยัชว์ บุญศรี เป็นกรรมการภาคเอกชนในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10669 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 23 [Joint Ministerial Statement of the Twenty Third ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council] | พม | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ [Joint Ministerial Statement of the Twenty Third ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ [23rd ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council’ Meeting] ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video conference) ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนและหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนในการสนับสนุนแผนงานสำคัญสำหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนของเวียดนาม การรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๖ และการมีส่วนร่วมของคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนในการพบปะหารือระหว่างเยาวชนและผู้นำอาเซียน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10670 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 5 | นร10 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๕ ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๗ ส่วนราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ๑.๑ ส่วนราชการร้อยละ ๙๐ (๑๓๒ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ และส่วนราชการร้อยละ ๔๓ (๖๔ ส่วนราชการ) กำหนดให้มีจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป (ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมี ๖๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๕) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการร้อยละ ๑๖ (๒๓ ส่วนราชการ) มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมี ๒๑ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๔) โดยมีการมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่บ้านในหลายรูปแบบ เช่น ปฏิบัติงานที่บ้านสลับกับการมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของส่วนราชการ วันเว้นวัน สัปดาห์ละ ๑ วัน สัปดาห์ละ ๒ วัน สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นต้น ๑.๒ ส่วนราชการร้อยละ ๑๐ (๑๔ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกคนปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมี ๘ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๖) ๒. การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ มีส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเมื่อจำเป็นต้องปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ โดยส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๐ กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10671 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๑-๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๔๖ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง และมีรัฐวิสาหกิจ ๙ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๔๘๑ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๔๒,๗๔๖ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๖ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ มีรัฐวิสาหกิจ ๓๔ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๐.๓๐ น. ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓) ๒ แห่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10672 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 8/2563 | นร | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) การรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) การรายงานการประเมินผลการดำเนินมาตรการผ่อนคลาย (๓) แนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด (Travel Bubble) และ (๔) ข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายระยะที่ ๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10673 | การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | นร | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเท่าเทียมกันและป้องกันไม่ให้ภาคธุรกิจเกิดสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่มีหลักทรัพย์หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอในการขอสินเชื่อจากธนาคาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10674 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2563 และครั้งที่ 6/2563 | นร11 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10675 | กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | ปปท. | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส (๒) การป้องกันและลดโอกาสการทุจริต (๓) การตรวจสอบ และ (๔) การดำเนินมาตรการทางปกครอง วินัย อาญา และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ป.ป.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงาน ป.ป.ท. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนกลไกในเรื่องดังกล่าว และเห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ รวมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติ และใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลระหว่างและภายหลังการดำเนินการ/โครงการสิ้นสุด สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน ป.ป.ท. ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริม สนับสนุน ตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการที่เบิกจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการในเชิงรุกอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10676 | การจัดสรรและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ภายในประเทศ | นร | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศสามารถผลิตได้มากขึ้น ส่งผลให้มีหน้ากากอนามัยที่เหลือจากการแจกจ่ายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว จึงเห็นสมควรจัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเพิ่มขึ้น และหากมีส่วนเหลือก็เห็นควรแจกจ่ายให้แก่กลุ่มที่จำเป็นต่อไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขจัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตได้ในประเทศเพื่อแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ จำนวนไม่เกิน ๑,๘๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน และให้กระทรวงพาณิชย์จัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตได้ในประเทศเพื่อจัดสรรให้แก่กระทรวงมหาดไทย จำนวนไม่เกิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ จำนวนประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน จากที่ได้รับการจัดสรรเพิ่มแล้วไปแจกจ่ายให้นักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓ ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ นี้ต่อไป ในกรณีมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก ให้กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10677 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนวาระพิเศษผ่านระบบการประชุมทางไกล (Special Meeting of ASEAN Tourism Ministers on COVID-19) | กก | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10678 | การสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ | นร04 | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รายงานว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการ กสทช.)] ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ไม่สามารถดำเนินการสรรหากรรมการ กสทช. แทนกรรมการชุดเดิมซึ่งหมดวาระไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวได้ ดังนั้น เพื่อให้กรรมการ กสทช. ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการประมูลและจัดสรรคลื่นความถี่ ตลอดจนการพัฒนาการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศสามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปได้ และโดยที่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๘/๒๕๖๒ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รวมทั้งการขยายบริการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ข้อ ๑ กำหนดให้ระงับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น กรรมการ กสทช. ไว้ก่อนจนกว่าจะมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมจะมีผลใช้บังคับ หรือจนกว่านายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนั้น จึงเห็นควรที่นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบให้ดำเนินกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปพลางก่อน ทั้งนี้ ได้ประสานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลให้กรรมการ กสทช. ที่ได้รับแต่งตั้งชุดใหม่สิ้นสุดลงเมื่อร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับ แต่ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิในการสมัครเข้ารับการสรรหาและคัดเลือกบุคคลของกรรมการดังกล่าวแต่อย่างใด ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งมติไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการในการดำเนินการสรรหาและคัดเลือกกรรมการ กสทช. ดำเนินกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10679 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขื่อน ตำบลยางน้อย และตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. ....) | กษ | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขื่อน ตำบลยางน้อย และตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขื่อน ตำบลยางน้อย และตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10680 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ....) | กษ | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท และในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....