ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 461 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9201 - 9220 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9201 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย | พณ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์
รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย (Memorandum of Understanding between
Ministry of Commerce, Royal Thai Government and Department of Industries and
Commerce, Government of Telangana, Republic of India) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
(จะมีการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ รูปแบบออนไลน์ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔)
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
รวมทั้งแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีภายใต้ขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่
การแลกเปลี่ยนข้อมูลการตลาด การสนับสนุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคธุรกิจ
การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างกัน
การอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมทางธุรกิจประเภทต่าง ๆ
การเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาการค้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ
การให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนต่าง ๆ
และการให้สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษทางภาษีแก่นักลงทุนที่ใช้ไม้ยางพาราจากไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑)
หากในอนาคตมีการดำเนินงานส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่สินค้าจากอินเดีย
ฝ่ายไทยก็ควรพิจารณาขอรับการอำนวยความสะดวกดังกล่าวเช่นกัน (๒) กระทรวงพาณิชย์ควรเน้นย้ำความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการแลกเปลี่ยนสตาร์ทอัพระหว่างกันเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์และทักษะด้านการบริหารจัดการให้กับสตาร์ทอัพไทย
รวมทั้งการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่อินเดียมีศักยภาพและใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับบุคลากรไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ และ (๓)
กระทรวงพาณิชย์ควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและสงเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าว
โดยเฉพาะการขยายตลาดการค้าและการลงทุนในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ
ไม้ยางพารา และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9202 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | ดศ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยคณะกรรมการฯ ได้รับทราบเรื่องต่าง
ๆ ที่สำคัญ เช่น การเปิดให้บริการโครงข่ายเน็ตประชารัฐ
การจัดทำแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ การฝึกอบรมให้เกษตรกรมีทักษะการใช้โดรนและพัฒนาเป็นสมาร์ทฟาร์ม
และร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๔ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รวมทั้งเห็นชอบ (ร่าง)
พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ไทยมีองค์กรกลางในการกำหนดนโยบายและแผนกิจการอวกาศของประเทศในภาพรวมอย่างมีเอกภาพ
และให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และเห็นชอบแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีองค์ประกอบ
เช่น ความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
ความมั่นคงและความ เป็นส่วนตัว และความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และเป็นธรรม
และเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9203 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | มท. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๒ โครงการ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และเห็นควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการหรือผลการสอบราคา รายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ รวมทั้งจัดส่งรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวิธีการงประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9204 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2563 | กค. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เพื่อทราบสถานะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (กรอบวงเงิน ๑ ล้านล้านบาท)
รวมทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9205 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป | กษ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๔ โครงการ ๗ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น
๑๓,๗๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9206 | การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองเมดาน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (นายอาบีดิน ซูร์ตีโจ) และ ณ เมืองซัปโปโร ญี่ปุ่น (นายมะซะอะกิ โอะซะวะ) และการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ | กต. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองเมดาน
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ของนายอาบีดิน ซูร์ตีโจ (Mr. Abidin
Surtijo) ซี่งมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสุมาตราเหนือและจังหวัดเรียว
รวมทั้งเกาะบาตัม ๒.
การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ของนายมะซะอะกิ
โอะซะวะ (Mr. Masaaki Ozawa) ซึ่งมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดฮอกไกโด
และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น เป็นการชั่วคราว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9207 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง) | อว. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9208 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางนภสร ทุ่งสุกใส) | รง. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางนภสร ทุ่งสุกใส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรม (ผู้ตรวจราชการกรมระดับสูง)
กรมการจัดหางาน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9209 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับองค์การยูเนสโก | ศธ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการเสียชีวิตของศาสตราจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์
กรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๒.
เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และคณะกรรมการชุดต่าง ๆ
ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับองค์การยูเนสโก จำนวน ๖ คณะ ได้แก่ (๑)
คณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) (๒)
คณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) (๓)
คณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) (๔) คณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชนของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) (๕)
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และ (๖)
คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
โดยมีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคงเดิม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มกราคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินงานในสาขาสื่อสารมวลชนขององค์การยูเนสโก
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชนของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
อาจมีประเด็นเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพและความปลอดภัยของสื่อ
ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) จึงอาจพิจารณาเชิญผู้แทนกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมในองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
และอาจพิจารณาเชิญบุคคลรุ่นใหม่ซึ่งมีอิทธิพลด้านสังคมและวัฒนธรรมบนสื่อสังคมออนไลน์ต่าง
ๆ เพื่อให้ได้มุมมองใหม่ ๆ
อันจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงเยาวชนกับงานของยูเนสโกและคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9210 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางเกศทิพย์ ศุภวานิช) | ศธ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายปรีดี ภูสีน้ำ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายทวีศักดิ์ เที่ยงธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายธนากร ดอนเหนือ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายธฤติ ประสานสอน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายประสิทธิ์ เขียวศรี ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค
สำนักงานศึกษาธิการภาค ๘ สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค
สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๐ สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9211 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุนทราลักษณ์ เพ็ชรกูล) | นร.11 | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวสุนทราลักษณ์ เพ็ชรกูล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการระดับสูง) กองยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9212 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล | สธ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายมนูญ สรรค์คุณากร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มกราคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9213 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี 2564 | นร 05 | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่อง
การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๔ แล้ว ลงมติว่า ๑. เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
ประจำปี ๒๕๖๔ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔ วันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และวันศุกร์ที่ ๒๔
กันยายน ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ๑.๒ กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคเหนือ
(ประเพณีไหว้พระธาตุประจำปี) วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(ประเพณีงานบุญบั้งไฟ) วันพุธที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคใต้ (ประเพณีสารทเดือนสิบ)
และวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันหยุดราชการประจำภาคกลาง (เทศกาลออกพรรษา) ๑.๓
ให้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราชจากวันจันทร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันศุกร์ที่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ๑.๔
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนหรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ๑.๕ ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน
และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป
๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม
และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและบริโภคสินค้าภายในประเทศมากขึ้น
เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9214 | การยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมในโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค โครงการที่ 2 เพื่อยุติโครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง โครงการที่ 2 ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน | พณ. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมในโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค
โครงการที่ ๒ เพื่อยุติโครงการดังกล่าวภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN
Trade In Goods Agreement : ATIGA) โดยมอบหมายให้กรมศุลกากรและกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อยุติโครงการนำร่องฯ
โครงการที่ ๒ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือทางการทูต (Diplomatic
Note) แจ้งต่อเลขาธิการอาเซียน
เพื่อที่ประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการนำร่องฯ โครงการที่ ๒ ได้แก่ ฟิลิปปินส์
อินโดนีเซีย สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม
จะได้ยุติการดำเนินการที่เกี่ยวข้องภายใต้โครงการนำร่องฯ โครงการที่ ๒
และเปลี่ยนผ่านไปใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN
Wide Self-Certification : AWSC) ซึ่งเป็นระบบเดียวกันทั้ง ๑๐ ประเทศในอาเซียน โดยระบบ AWSC มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยุติโครงการนำร่องฯ
โครงการที่ ๒ ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับการรับรองอีกครั้งเมื่อปรับเปลี่ยนจากโครงการนำร่องฯ
โครงการที่ ๒ เป็นระบบ AWSC ดังนั้น
กระทรวงพาณิชย์ควรเร่งประชาสัมพันธ์แนวทางการขึ้นทะเบียนและการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนในวงกว้าง
เพื่อให้ผู้ประกอบการรับทราบและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9215 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... รวม ๒
ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9216 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปี พ.ศ. 2562 | กค. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๔
โครงการ (เป็นโครงการต่อเนื่อง ๑๐ โครงการ) โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้ว รวมทั้งสิ้น ๔๗ โครงการ
(ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ รวมจำนวน ๒๒ โครงการ)
โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ จำนวน ๒๕ โครงการ แบ่งเป็น (๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี
๒๕๖๒ จำนวน ๑๗ โครงการ โดยมีโครงการที่ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑๖ โครงการ และโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์
และ (๒) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และ ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๙ โครงการ
โดยทั้ง ๙ โครงการ มีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงิน
เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนและองค์กรการเงินชุมชน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสิน
โครงการการพัฒนาและยกระดับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้หลุดพ้นความยากจน
ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และโครงการการจัดอบรม/สัมมนา
“บ่มเพาะชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง” ของธนาคารออมสิน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9217 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.53 | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้สามารถยื่นคำขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทางปกครองแทนได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กับร่างกฎกระทรวงฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9218 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 1 ปี ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ
๑ ปี ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งสรุปได้ ๕ ประเด็น ดังนี้ ๑.
การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของเกษตรกร เช่น การช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร
การแก้ไขปัญหาข้าว แก้ไขปัญหายางพารา การจัดทำมาตรการช่วยเหลือราคาสินค้าเกษตร การปรับปรุงระบบที่ดินทำกินเกษตรกร
การจัดพื้นที่การเกษตรตาม Agri-Map และการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงโควิด
เป็นต้น ๒.
การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัยและส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ
เช่น การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
และการส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เป็นต้น ๓.
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันด้านเกษตร เช่น
การส่งเสริมการทำปศุสัตว์ ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์น้ำ
การส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี
และการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ เป็นต้น ๔.
การจัดทำข้อมูลสารสนเทศด้านการเกษตร เช่น การพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเกษตร
และการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืช ผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
เป็นต้น ๕.
การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม ในสถานศึกษา ๗๗ จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9219 | ผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 27 และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 25 | นร.14 | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา
ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ โดยมีผลการประชุมฯ ดังนี้ (๑)
รับทราบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืนในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง
(๒) อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การจัดการสินทรัพย์ด้านสิ่งแวดล้อมของลุ่มแม่น้ำโขง (๓)
อนุมัติร่างขอบเขตงาน (Term of Reference : TOR) และกรอบระยะเวลาการคัดเลือกหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
(๔) อนุมัติร่างแผนแม่บทการคมนาคมขนส่งทางน้ำ (The MRC’s
Navigation Master Plan) (๕) อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำโขง
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๓ และแผนยุทธศาสตร์องค์กรคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และ
(๖) อนุมัติแผนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ประธานกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ และคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ โดยเน้นย้ำเจตนารมณ์ของประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงด้วย
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9220 | รายงานผลการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 | นร.01 | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓)
และแนวทางการดำเนินการตามระเบียบฯ
และกำชับให้หน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญและถือปฏิบัติต่อไป โดยรายงานฯ ประกอบด้วย (๑)
ภารกิจด้านการตรวจสอบโครงการของรัฐที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
(๒) ภารกิจด้านการจัดอบรมสัมมนาเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามระเบียบฯ
(๓) ภารกิจด้านจัดทำและเผยแพร่แนวทางการเผยแพร่ข้อมูลและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
(๔) ภารกิจด้านการกำกับดูแล ช่วยเหลือ
แนะนำหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการตามระเบียบฯ (๕) บทวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค
และข้อเสนอแนะ และ (๖) ข้อเสนอแนะการขับเคลื่อนการดำเนินการตามระเบียบฯ
ส่วนแนวทางการดำเนินการตามระเบียบฯ ประกอบด้วย การพิจารณาลักษณะโครงการของรัฐ
การเผยแพร่ข้อมูลโครงการของรัฐ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
และสรุปผลการรับฟังความคิดเห็น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|