ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 464 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 9261 - 9280 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9261 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (1. นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต) | สธ. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม รวม ๑๑
คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานกรรมการ ๑.๒ นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กรรมการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๓ นายเจษฎา โชคดำรงสุข กรรมการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๔ นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ กรรมการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๕ พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ กรรมการ ๑.๖ นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการ ๑.๗ นายอัศม์เดช วานิชชินชัย กรรมการ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๘ นายสรนิต ศิลธรรม กรรมการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๑.๙ นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ กรรมการ ๑.๑๐ นายธีระพล เกียรติสุรนนท์ กรรมการ ๑.๑๑ นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ ๒.
อนุมัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๒ คน
(นับรวมประธานกรรมการและกรรมการอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง
และผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9262 | การผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักร และทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ | รง. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณจักรเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๒.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการผ่อนผันให้คนต่างด้าว ๓ สัญชาติ
(กัมพูชา ลาว และเมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักร
และทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ระลอกใหม่ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้ แนวทางการผ่อนผันให้คนต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา)
อยู่ในราชอาณาจักร และทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ระลอกใหม่ ให้นายจ้าง/สถานประกอบการ คนต่างด้าว
และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องทั่วถึง
โดยหลังสิ้นสุดระยะเวลาการยื่นบัญชีรายชื่อ หรือการแจ้งแบบข้อมูลบุคคล
ตามแนวทางการผ่อนผันให้คนต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา)
อยู่ในราชอาณาจักร และทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่
ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมดำเนินคดี
คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเห็นควรให้มีการสำรวจข้อมูลจำนวนแรงงานต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย
ดำเนินการอย่างเป็นระบบ และมีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเป็นรายบุคคล
เพื่อการบริหารจัดการในระยะต่อไปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม
และความมั่นคง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9263 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. .... | นร.12 | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
โดยให้ชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เสนอ และให้ส่งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วหากสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภามิได้มีมติทักท้วง
ให้นำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9264 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (นายรัตติกร ยิ้มนิรัญ และนางสุภา หารหนองบัว) | อว. | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จำนวน ๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายรัตติกร ยิ้มนิรัญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นางสุภา หารหนองบัว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9265 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงยุติธรรม | นร.10 | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๓๐ อัตรา และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๙๔ อัตรา)
และกระทรวงยุติธรรม (กรมบังคับคดี จำนวน ๗๖ อัตรา) รวมทั้งสิ้น ๒๐๐ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมบังคับคดี)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น (๑)
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร หากส่วนราชการมีความจำเป็นต้องสรรหาอัตราบุคลากรตั้งใหม่และสามารถบรรจุได้ทันภายในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ส่วนราชการพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรก
หรือขอโอนงบประมาณรายจ่ายบุคลากรตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วแต่กรณี ส่วนภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
(๒) ให้ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ดังกล่าวกำหนดแผนและวางกลไกรองรับการกำกับติดตามประเมินผลการดำเนินการตามภารกิจให้สอดคล้องกับแผนงาน
โครงการ และเป้าหมายยุทธศาสตร์ของส่วนราชการ และ (๓) ส่วนราชการควรพิจารณาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9266 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2564 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๔ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๔
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ขอให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
และสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถกลับเข้าสู่เป้าหมายของนโยบายการเงินควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพในระบบการเงินของประเทศ
รวมทั้งมีความยืดหยุ่นต่อเงื่อนไขของการดำเนินนโยบายการเงินและความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9267 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวา ของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเฉนียง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๖.๗๐๐ ในท้องที่ตำบลตระแสง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา
ของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลองครักษ์
อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๒๔๐ ในท้องที่ตำบลอ่างแก้ว
อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9268 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ศธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom
of Thailand and the Government of the Socialist Republic of Viet Nam on co-operation in the field of education) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการในขอบเขตและรูปแบบต่าง
ๆ เช่น การอำนวยความสะดวกในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำทางการศึกษาและฝึกอบรมครู
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
การส่งเสริมการเชื่อมโยงของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา
การจัดการศึกษาและพัฒนาหลักสูตร การอำนวยความสะดวกด้านการสอนภาษาไทยและภาษาเวียดนาม
การแลกเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์และข้อมูลทางการศึกษา
ตลอดจนการประชุม/สัมมนาและทุนการศึกษา เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า (๑) ขอบเขตความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
ควรระบุให้ชัดเจนว่าครอบคลุมการศึกษาในระดับใด และควรพิจารณาเพิ่ม STEM
Education ในสาขาความร่วมมือด้วย และ (๒) ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะทำงานร่วมที่จะเกิดขึ้น
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการและกิจกรรม ภายใต้กรอบ MOU หรือตามพันธกรณีด้านการศึกษา ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นในการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจฯ
ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วในโอกาสแรก
ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9269 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา
พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อกำหนดให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญในตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
และการให้พ้นจากตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาสามัญสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9270 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี
งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วยรายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงานด้านสินเชื่อและรับประกัน และทิศทางและแผนงานปี
๒๕๖๓-๒๕๖๗ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9271 | ของขวัญปีใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชน ปี 2564 | พม. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชน ปี ๒๕๖๔ ได้แก่ (๑)
การพัฒนาที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย โครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย
“บ้านเคหะสุขประชา”จำนวน ๒๐,๐๐๐ หน่วย และ ปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้าน
สำหรับกลุ่มเปราะบาง จำนวน ๒๕,๐๖๔ หลัง และ (๒) ๑๓๐๐ ทั่วไทย สายด่วน พม.
“ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สร้างความอุ่นใจ อยู่ใกล้ประชาชน” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9272 | ของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่
๒๕๖๔ ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) โครงการคนละครึ่ง
ระยะที่ ๒ (๒) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ ๒
(๓) การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (๔)
โครงการกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ ๑๐ บาท นิวนอร์มอลพลัส (๕) มาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางการเงิน
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ (๖)
โครงการไมโครไซต์ศูนย์รวมความรู้การระดมทุนผ่านตลาดทุน (โครงการไมโครไซต์ Start
to Grow) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9273 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | ดศ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนได้ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9274 | โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม ซี่งได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ (๒)
การให้บริการฟรี/ยกเว้นค่าจัดเก็บค่าธรรมเนียม/การปรับลดอัตราค่าบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมในช่วงเทศกาลปีใหม่
(๓) ส่งความสุขด้วยการแจกของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ และ (๔)
การขยายเวลาให้บริการและการออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9275 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑)
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ สร้างสุขของคนไทย และ (๒) ของขวัญ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9276 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงยุติธรรม
โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม
ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9277 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ปี
๒๕๖๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารออมสิน (๒) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) (๔)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) (๕) โครงการของขวัญปีใหม่ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๖) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
และ (๗) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9278 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | พณ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ (๑) พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน “New
Year Grand Sale 2021” (๒) มหกรรมธงฟ้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๔ (๓)
ขยายเวลาการให้บริการประชาชนนอกเวลาทำการ (๔) ลดค่าธรรมเนียมและขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า
(๕) มอบส่วนลดให้ผู้ประกอบการและประชาชน (๖) งานแสดงและจำหน่ายสินค้า และ (๗)
กิจกรรมส่งเสริมความรู้ในการประกอบธุรกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9279 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9280 | แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2563/64 | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช
และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔
เพื่อเป็นแนวทางการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรการดำเนินการแบ่งเป็น ๓ มาตรการ ได้แก่
มาตรการป้องกัน มาตรการยับยั้ง/เผชิญเหตุ และมาตรการแก้ไข/ฟื้นฟู
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|