ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 434 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8661 - 8680 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8661 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีสนามมวยนานาชาติรังสิตจัดให้มีการชกมวยในเด็ก โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง | สม. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีสนามมวยนานาชาติรังสิตจัดให้มีการชกมวยในเด็ก
โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ในการพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ
หรือคำสั่ง หรือกำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นหลักสำคัญและรายละเอียดทางปฏิบัติที่ชัดเจนเป็นเฉพาะสำหรับการแข่งขันกีฬามวยในเด็ก
โดยที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง
ระเบียบคณะกรรมการกีฬามวย ว่าด้วยระเบียบและกติกามาตรฐานการแข่งขันกีฬามวย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ระเบียบและกติกาการแข่งขันกีฬามวย
สำหรับนักมวยที่มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ ที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้อำนาจของคณะกรรมการกีฬามวย
โดยในการแก้ไข ปรับปรุง ให้เชิญผู้แทนกระทรวงต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องมาให้ความคิดเห็นเพื่อให้ครอบคลุมในมิติด้านต่าง ๆ
และในขณะที่กำลังดำเนินการแก้ไข ปรับปรุง
ให้สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยแจ้งต่อนายทะเบียนจังหวัดให้เข้มงวดตรวจสอบการแข่งขันกีฬามวยสำหรับนักมวยที่มีอายุต่ำกว่า
๑๕ ปีบริบูรณ์ ให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกีฬามวย ว่าด้วยระเบียบและกติกามาตรฐานการแข่งขันกีฬามวย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยเคร่งครัด ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งคณะกรรมการกีฬามวย
เพื่อจัดให้มีการทำประกันภัยในระยะยาวให้กับนักมวยเด็กอย่างเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8662 | ผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน
นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้ว
เห็นด้วยต่อรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว โดยมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมบางประการ อาทิ
(๑) ควรมีการจัดกิจกรรมเสวนาระหว่างคณะผู้แทนราษฎรและนักเรียน นิสิต นักศึกษา
และประชาชน และจัดรับฟังความคิดเห็นในรูปแบบช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social
Media) เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม และทุกพื้นที่
หรือการจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ
สถานศึกษาที่สามารถตอบโต้แลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ (๒) ควรเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนแสดงความคิดเห็นให้กว้างและมากขึ้นกว่านี้เพื่อลดปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (๓) ควรรับฟังข้ออภิปรายของนักเรียน
นิสิตและนักศึกษาให้อยู่ในขอบเขตที่สมควร
และไม่ควรใช้กระบวนการทางวินัยมาดำเนินการแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่แสดงความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคม
และ (๔)
สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุม
เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาใช้โอกาสในการสร้างสถานการณ์
รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายต่อแกนนำหรือกลุ่มผู้นำชุมชนดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบคอบเป็นไปตามหลักสากล
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8663 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | มท. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักทะเบียนกลางจัดให้มีระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยระบบดิจิทัล
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงาน และเพื่อให้ประชาชนผู้ขอรับบริการงานทะเบียนราษฎรได้รับความสะดวก
รวดเร็ว และปลอดภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และความเห็นของสมาคมธนาคารไทย
และสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เช่น (๑)
ให้การพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลและการกำหนดมาตรฐานการให้บริการงานทะเบียนด้วยระบบดิจิทัล
เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะกำหนดให้เป็นอำนาจของผู้อำนวยการทะเบียนกลางเพียงคนเดียว
(๒) การจัดเก็บค่าธรรมเนียมด้วยวิธีการทางดิจิทัล
สมควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
เพื่อให้เป็นระบบเดียวกันหรือสามารถเชื่อมโยงกันได้โดยไม่เกิดข้อขัดข้อง และ (๓)
การปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียม สมควรดำเนินการเมื่อได้มีการพัฒนาการให้บริการงานทะเบียนด้วยระบบดิจิทัลแล้ว
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
(๑)
การกำหนดให้สำนักทะเบียนท้องถิ่นจัดให้มีบริการงานทะเบียนด้วยระบบดิจิทัลจำเป็นต้องพิจารณาถึงความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างบุคคลใด
ๆ หรือหน่วยงานของรัฐเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนและการทำธุรกรรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวกับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน รวมทั้งควรมีการระบุระยะเวลาในการตรวจสอบ
ติดตามและประมวลผล
และปรับปรุงรายการที่เกิดจากการให้บริการด้วยระบบดิจิทัลในฐานข้อมูลการทะเบียนให้ชัดเจน
เพื่อให้ฐานข้อมูลมีความถูกต้องและมีความเป็นปัจจุบันมากขึ้น (๒) ให้มีการนำข้อเสนอแนะมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จำเป็นต่อธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยแนวทางการใช้ดิจิทัลไอดีสำหรับประเทศไทย-การลงทะเบียนและพิสูจน์ตัวตน
(ขมธอ. ๑๙-๒๕๖๔)
และข้อเสนอแนะมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จำเป็นต่อธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยแนวทางการใช้ดิจิทัลไอดีสำหรับประเทศไทย-การยืนยันตัวตน
(ขมธอ. ๒๐-๒๕๖๑)
ไปใช้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลงทะเบียนและการยืนยันตัวตนของสำนักทะเบียนกลางด้วย
และ (๓) ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการให้บริการประชาชนด้วยระบบดิจิทัลและการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8664 | ร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย พ.ศ. .... | พน. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย
โดยกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับที่ตั้ง แผนผัง รูปแบบ
และลักษณะของสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย การเก็บรักษา
และการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว
เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8665 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2563) | นร.11 | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ดังนี้ ๑.
การรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม
๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) กิจกรรมที่สำคัญของแผนการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๒ ด้าน เช่น
ด้านการเมือง ด้านกระบวนการยุติธรรม และด้านเศรษฐกิจ เป็นต้น (๒)
สถานะกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๓
โดยจากกฎหมายภายใต้แผนฯ ที่มีข้อเสนอจัดทำ/ปรับปรุงกฎหมาย จำนวน ๒๑๔ ฉบับ
มีกฎหมายแล้วเสร็จ จำนนว ๕๓ ฉบับ ๒.
การรายงานประเด็นข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของรัฐสภา รัฐสภาได้อภิปรายข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่อการรายงานความคืบหน้าฯ
(เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๓) เช่น การปรับปรุงรายงานความคืบหน้าฯ
ให้สะท้อนความก้าวหน้าของการปฏิรูปประเทศที่เป็นรูปธรรม เป็นต้น ๓.
สาระสำคัญของแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ทั้ง ๑๓ ด้าน
และการขับเคลื่อนสู่การบรรลุผลตามเป้าหมายอันพึงประสงค์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้สรุปสาระสำคัญของแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง)
โดยแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายอันพึงประสงค์และผลสัมฤทธิ์คาดว่าจะเกิดขึ้น
รวมถึงรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของเป้าหมายที่กำหนดไว้ และนำเสนอเครื่องมือในการขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock ไปสู่การปฏิบัติ ๔.
การดำเนินการระยะต่อไป
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะรายงานรายละเอียดของแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock ทั้ง ๖๒ กิจกรรม ต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) ในแต่ละช่วงเวลา และจะพัฒนาระบบ eMENSCR โดยเพิ่มเติมในส่วนการติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามกิจกรรม Big Rock
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8666 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยแก้ไขเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางให้เหมาะสมและรวดเร็ว
ซึ่งกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน
ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำหน้าที่ในการประเมิน การตรวจวิเคราะห์ และตรวจสอบทางวิชาการ
เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
โดยผู้ยื่นคำขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8667 | การสิ้นสุดหน้าที่ของเจ้าพนักงานกงสุลกิตติมศักดิ์แห่งราชอาณาจักรไทยในสหรัฐอเมริกาและเครือรัฐออสเตรเลีย และการปิดสถานทำการทางกงสุลเป็นการชั่วคราว (1. นายฟอร์เรสท์ ดับเบิลยู สมิธ) | กต. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองดัลลัส
มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ของนายฟอร์เรสท์ ดัลเบิลยู สมิธ (Mr.
Forrest W. Smith) เนื่องจากถึงแก่กรรมและการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองดัลสัสฯ
เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครนิวออร์ลีนส์
สหรัฐอเมริกา ของนายเฮ็นรี เอ็ม. แลมเบิร์ต (Mr. Henry M. Lambert) เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่งและการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำนครนิวออร์ลีนส์ฯ
เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ ๓.
การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย
ของนายไซมอน แอมเฮิร์ทส์ วอลเลซ (Mr. Simon Amhurst Wallace) ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่งและไม่ประสงค์จะต่ออายุการดำรงตำแหน่ง
โดยให้นายแอนโทนี แอมเฮิร์ทส์ วอลเลซ รองกงลุสกิตติมศักดิ์ประจำนครเมลเบิร์นฯ
ปฏิบัติหน้าที่แทนไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์คนใหม่
แต่ไม่เกินวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้
สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาและประจำเครือรัฐออสเตรเลียอยู่ระหว่างการสรรหา
ตรวจสอบคุณสมบัติและเสนอรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์แทนทั้ง
๓ รายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8668 | มาตรการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา | นร. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ปัจจุบันกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
ได้ฟ้องผู้ผิดนัดชำระหนี้และผู้ค้ำประกันต่อศาลเพื่อบังคับชำระหนี้เป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญากู้
แต่เงื่อนไขหลายประการก็ไม่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ซึ่งเพิ่งจบการศึกษา
และยังไม่มีงานทำ
หรือมีงานทำแต่มีเพียงรายได้ขั้นต้นที่ไม่เพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ตามสัญญา
และเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วก็จะต้องมีการบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ไม่อาจประนอมหนี้ได้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้กู้ยืมซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน
และผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นผู้ปกครอง หรือครูเป็นวงกว้าง ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงสมควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปดำเนินการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้เป็นการด่วน
กับมีข้อเสนอแนะทางนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไปโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8669 | การขยายระยะเวลาการดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลในคนต่างด้าว | รง. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลในคนต่างด้าวที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว
และเมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรื่อง
ทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ระลอกใหม่ และการบริหารจัดการผู้ต้องกัก
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ..)
เพื่อให้คนต่างด้าวดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล
(Biometrics) ได้ถึงวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔
และให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานไปจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่ด้านหลังของบัตรได้ถึงวันที่
๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้แก้ไขร่างประกาศฯ ร่างข้อ ๒
โดยแยกเป็น ๒ ข้อ คือ กำหนดเป็นข้อ ๒ และข้อ ๓ และแก้ไขร่างข้อ ๓ เดิมเป็นข้อ ๔
เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการร่างกฎหมาย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๔
(ฉบับที่ ..) เพื่อให้คนต่างด้าวดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) ได้ถึงวันที่
๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔
และให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานไปจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่ด้านหลังของบัตรได้ถึงวันที่
๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
รวมถึงการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) การกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าวที่ลักลอบอยู่ในราชอาณาจักรไทย
โดยออกเป็นประกาศกระทรวงแรงงานและประกาศกระทรวงมหาดไทยนั้น ที่ผ่านมามีการออกประกาศในเดือนธันวาคม
๒๕๖๓ และมีการแก้ไขช่วงเวลาในการดำเนินการมาแล้วทั้งสิ้น ๒ ครั้ง ได้แก่
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และเมษายน ๒๕๖๔ แสดงให้เห็นว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคาดการณ์เกี่ยวกับปัญหา ระยะเวลาดำเนินการ
และแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ไม่ครบถ้วน รวมทั้งยังขาดการบูรณาการและทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
จึงเป็นสาเหตุให้มาตรการที่กำหนดขึ้นไม่อาจสำเร็จตามที่คาดการณ์ได้ (๒)
การกำหนดมาตรการใด ๆ เพี่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
และปัญหาคนต่างด้าวที่ลักลอบอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างผิดกฎหมาย
ควรต้องคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตาม
และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดขึ้นเพื่อปรับปรุง แก้ไข
หรือทบทวนความเหมาะสมต่อไป และ (๓) ให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขให้มีการดำเนินการเชิงรุกในการเข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในคนต่างด้าว และขยายเครือข่ายสถานพยาบาลหรือหน่วยงานอื่นในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการนำคนต่างด้าวเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8670 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทระดับสูง (นายพจน์ หาญพล และ นายอัฐกาญจน์ วงศ์ชนะมาศ) (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๑. นายพจน์ หาญพล ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ๒. นายอัฐกาญจน์
วงศ์ชนะมาศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8671 | ร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการรับฟังความเห็นของประชาชน
สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข ให้เจ้าของโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน ต้องจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ในบริเวณซึ่งอาจได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายโดยตรงจากการดำเนินงานของโครงการ
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8672 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการแบ่งส่วนราชการในกองบังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว) | ตช. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม
สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานระดับกองบังคับการ
และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว
แก้ไขการแบ่งส่วนราชการภายในกองบังคับการอำนวยการ
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ
ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น
และเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาปรับบทบาท ภารกิจ
และโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับรูปแบบ
ยุทธวิธี และการปฏิบัติการเฉพาะทางที่เป็นภารกิจหลักสำคัญ
มุ่งเน้นให้เกิดการบูรณาการภารกิจการฝึกอบรมในภาพรวม ควรมอบให้ภาคส่วนอื่นเข้ามาร่วมจัดฝึกอบรมในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยและอารักขาบุคคลสำคัญ
และควรจัดทำแผนการบริหารอัตรากำลังให้ชัดเจน
จัดสรรอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจและปริมาณงาน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีอาจกำหนดมาตรการเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง
การมอบอำนาจการแบ่งส่วนราชการภายในกรมที่เป็นการแบ่งส่วนราชการอื่นที่มีสำนักงาน
ก.พ.ร. คอยตรวจสอบและควบคุม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8673 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๑๑) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8674 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วุฒิสภา | สว. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ สภาผู้แทนราษฎร
และรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ วุฒิสภา โดยรายงานสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว ประกอบด้วย
นโยบายและภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำแนกตามกระทรวง หน่วยงาน
และแผนงานบูรณาการ ซึ่งครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8675 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 – 2565) | พม. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ระยะที่ ๑ (พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๕) และมอบหมายส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป โดย
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้องค์กรภาคประชาสังคมมีศักยภาพและมีบทบาทเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาประเทศ
ผลักดันกฎหมาย นโยบาย
และกลไกที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง
ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการความรู้และพัฒนาฐานข้อมูลองค์กรภาคประชาสังคม
และสร้างกรอบทิศทางการส่งเสริมองค์กรภาคประชาสังคม ให้ภาคีภาครัฐ ภาคธุรกิจ
และภาคประชาสังคมใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป โดยมีแผนงาน ๔ แผนงาน ได้แก่
(๑)
พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถขององค์กรภาคประชาสังคมให้มีความเข้มแข็งและมีธรรมาภิบาล
(๒) พัฒนากฎหมาย นโยบาย กลไก มาตรการ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมองค์กรภาคประชาสังคม
(๓) พัฒนาองค์ความรู้ การศึกษาวิจัยเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งองค์กรภาคประชาสังคม
และ (๔) ส่งเสริม สนับสนุน
องค์กรภาคประชาสังคมให้เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงการทำงานในระดับภูมิภาคและประชาคมโลก
กรอบวงเงินในการดำเนินการทั้งสิ้น ๘๑ ล้านบาท และมอบหมายส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้พิจารณาแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการเป็นลำดับแรก
ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย
เห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และข้อเสนอและข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข เช่น แผนงานด้านธรรมาภิบาลควรมีแนวทางการดำเนินการที่เสริมสร้างธรรมาภิบาล (Governance) และความโปร่งใส (Transparency) ทั้งในการดำเนินการและการใช้จ่ายเงินให้ชัดเจนด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8676 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมตลอดทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบหรือคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อลูกจ้างรับเหมาค่าแรง | สนง. กสม. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
รวมตลอดทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบหรือคำสั่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อลูกจ้างรับเหมาค่าแรง
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้ ๑. ประเด็นที่ ๑
กรณีให้มีการทบทวนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานที่ยังมีช่องว่างระหว่างกฎหมายและทางปฏิบัติ
โดยพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรา ๑๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๕๑ ให้มีความชัดเจนทั้งในเรื่องลักษณะความสัมพันธ์ของการจ้างแรงงานในรูปแบบการจ้างเหมาค่าแรง
ขอบเขต และมูลเหตุจำเป็นในการจ้างเหมาค่าแรง และหลักเกณฑ์ในทางปฏิบัติ
ที่ประชุมมีความเห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวมีความชัดเจนและไม่มีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการตีความตัวบทกฎหมาย
จึงยังไม่ควรปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว แต่ควรนำมาตรา ๑๑/๑ เข้าสู่กระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมายต่อไป
และให้กำหนดแนวปฏิบัติหรือมาตรการให้นายจ้าง ลูกจ้าง
มีความเข้าใจเกี่ยวกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๑/๑ มากขึ้น ๒. ประเด็นที่ ๒
กรณีให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของบทกำหนดโทษตามมาตรา ๑๔๔/๑
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
ให้ได้สัดส่วนกับความเสียหายจากการที่ลูกจ้างรับเหมาค่าแรงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ตามกฎหมาย
โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างรับเหมาค่าแรง
และผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบกิจการ ที่ประชุมมีความเห็นว่า
บทกำหนดโทษที่กำหนดไว้มีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการกำหนดโทษดังกล่าวสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในการกำหนดโทษทางอาญาตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องแนวทางการกำหนดโทษตามมาตรา
๗๗ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐
ประกอบกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาห้าปี ทั้งนี้
เมื่อครบรอบกำหนดระยะเวลาที่จะต้องนำพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
ทั้งฉบับเข้าสู่กระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จะดำเนินการนำข้อเสนอแนะในประเด็นที่
๑ และประเด็นที่ ๒ (มาตรา ๑๑/๑ และมาตรา ๑๔๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เข้าสู่กระบวนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายด้วย
เพื่อพิจารณาว่าสมควรมีการแก้ไขปรับปรุงหรือไม่ อย่างไรต่อไป ๓. ประเด็นที่ ๓
กรณีให้เผยแพร่หลักเกณฑ์ที่เป็นรูปธรรมในการจัดสิทธิประโยชน์และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติตามมาตรา
๑๑/๑ แก่ผู้ประกอบกิจการอย่างทั่วถึงเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงป้องกัน
ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน
ดำเนินการเผยแพร่แนวปฏิบัติตามมาตราดังกล่าวให้หน่วยปฏิบัติ นายจ้าง ลูกจ้าง
และผู้ที่เกี่ยวข้อง (องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม ฯลฯ)
ได้ทราบอย่างทั่วถึงในการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงให้นำไปเขียนไว้ในคู่มือพนักงานตรวจแรงงาน
และหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานตรวจแรงงานเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8677 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2562 | พม. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย บทสรุปผู้บริหารและข้อเสนอแนะ สถานการณ์ทั่วไป
สวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ สถานการณ์เด่นในรอบปี ๒๕๖๒ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคมเพื่อผู้สูงอายุไทย
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนในเชิงนโยบายต่อไป
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ภาระด้านงบประมาณควรคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจสำหรับการเตรียมความพร้อมและการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุทุกมิติ
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8678 | ร่างกฎกระทรวงระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ. .... | พน. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการก๊าซปิโตรเลียมเหลว
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของสถานที่ประกอบกิจการก๊าซปิโตรเลียมเหลว
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8679 | การจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 4 พฤษภาคม 2562 | กค. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติ
ในโอกาสพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ๔
พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8680 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ พ.ศ. ๒๕๕๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาศิลปกรรม
รวมทั้งสีประจำสาขาวิชาดังกล่าวเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|