ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 123976 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1401 | ร่างความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (Host Country Agreement) ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ สำหรับการจัดการประชุม “The Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence in 2025” | ดศ. | 03/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1402 | มาตรการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ | นร. | 03/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการพบปะกับนักลงทุนในระหว่างการเดินทางไปเยือนต่างประเทศ
และการหารือร่วมกับภาคธุรกิจ หอการค้า และสมาคมการค้าของไทยในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้เห็นถึงโอกาสของไทยในการดึงดูดนักลงทุนที่มีอยู่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
(Geopolitics) และระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน
ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต้องเร่งปรับตัวและปรับแผนการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทยก็มีความท้าทายและข้อจำกัดต่าง ๆ
ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศที่สมควรต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสาน/พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตามแต่กรณี
เพื่อกำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ ๑. การพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุน
โดยเฉพาะการจัดสรรและพัฒนาที่ดินให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ๒. อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
เพื่อส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ๓.
การจัดทำกฎหมายเพื่อรองรับมาตรการรองรับการเสียภาษีขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในปี ๒๕๖๘ รวมทั้งการจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากแนวทางการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกันด้วย ๔. การแก้ไขกฎ ระเบียบต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) เช่น
การผ่อนปรนเงื่อนไขการจ้างงานชาวต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มบุคลากรทักษะสูง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1403 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 03/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1404 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 4 จำนวน 11 จังหวัด | สคทช | 03/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1405 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 03/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม
ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ และสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดให้สาขาดังกล่าว เป็นวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเพิ่มเติม
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เห็นว่า
เมื่อสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
พ.ศ. ๒๕๕๑ สามารถดำเนินการเก็บค่าธรรมเนียมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมจากสาขาที่กำหนดเพิ่มเติม
ตามที่กำหนด หรือมีรายได้ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เห็นควรที่สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะนำเงินรายได้มาใช้ในโอกาสแรก
เพื่อลดการขอรับเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1406 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. นางสาวณมาณิตา กลับบ้านเกาะ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวณมาณิตา กลับบ้านเกาะ ๒. นายยู่สิน จินตภากร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1407 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนิโรธ สุนทรเลขา) | กห. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายนิโรธ สุนทรเลขา เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1408 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายเอกรัฐ พลซื่อ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | นร.04 | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน ๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายเอกรัฐ พลซื่อ ๒. นายพรชัย อินทร์สุข ๓. นายพีรพร สุวรรณฉวี ๔. นายเสฏฐนันท์ ราฟาเอล เตชะวิบูลย์ ๕. นายภุชงค์ วรศรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1409 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 แทนตำแหน่งที่ว่างลง (เรือเอก สาโรจน์ คมคาย และนายอัครรุตม์ สนธยานนท์) | รง. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่
๒๒ จำนวน ๒ คน แทนกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ดังนี้ ๑. เรือเอก สาโรจน์ คมคาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1410 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๔๕ คณะ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย - บรูไนดารุสซาลาม ๒.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ๓.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งนิวชีแลนด์ ๔. คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์
ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ๕.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรบาห์เรน ๖. คณะกรรมการร่วมฝ่ายไทยว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย
- ตุรกี ๗.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน ๘.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
การค้าและวิชาการระหว่างราชอาณาจักรไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๙. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- ฟิลิปปินส์ (ฝ่ายไทย) ๑๐. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย - มาเลเซีย ๑๑. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย - อินโดนีเซีย ๑๒.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือไทย - อินเดีย ๑๓.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - ศรีลังกา ๑๔. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- เวียดนาม (ฝ่ายไทย) ๑๕.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐกาตาร์ ๑๖.
คณะกรรมการนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการกับต่างประเทศ ๑๗. คณะกรรมการประสานงานด้านสหประชาชาติ
องค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ และองค์การต่างประเทศ ๑๘.
คณะกรรมการประสานงานช่วยเหลือคนไทยและประเทศที่ประสบภัยพิบัติในภาวะฉุกเฉิน ๑๙. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างประเทศในระดับชาติ ๒๐. คณะกรรมการกฎหมายทะเลและเขตทางทะเลของประเทศไทย ๒๑.
คณะกรรมการเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับองค์การระหว่างประเทศ และการประชุมระหว่างประเทศภาครัฐในประเทศไทย ๒๒. คณะกรรมาธิการว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย -
รัสเซีย ๒๓.
คณะกรรมการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย - เยอรมัน ๒๔. คณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย
- จีน (คกร. ไทย - จีน ฝ่ายไทย) ๒๕. คณะกรรมการความร่วมมือไทย - สหภาพยุโรป ๒๖. คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ๒๗.
คณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเด็นทะเลจีนใต้ ๒๘. คณะกรรมการหมู่ประจำชาติไทยในศาลอนุญาโตตุลาการ
ณ กรุงเฮก ๒๙. คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา
(ฝ่ายไทย) ๓๐. คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - ลาว (ฝ่ายไทย) ๓๑. คณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย -
มาเลเซีย (ฝ่ายไทย) ๓๒.
คณะกรรมการเพื่อวิเคราะห์คำพิพากษาและแนวทางการดำเนินการ ๓๓. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- ลาว (ฝ่ายไทย) (เดิม
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - ลาว) ๓๔. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- กัมพูชา (ฝ่ายไทย) (เดิม
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - กัมพูชา) ๓๕.
คณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์)
ประจำปี ๒๕๖๖ - ๒๕๖๗ [เดิม คณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย
- อเมริกัน (ฟุลไบรท์)] ๓๖. คณะกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณาอนุสัญญาต่าง ๆ ๓๗. คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเคนยา ๓๘.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ๓๙.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยสำหรับกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - บังกลาเทศ ๔๐.
คณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือไทย - เนปาล ๔๑.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจไทย - ปากีสถาน ๔๒.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอียิปต์ ๔๓.
คณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครน ๔๔. คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย - เมียนมา (ฝ่ายไทย) ๔๕. คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- เมียนมา (ฝ่ายไทย) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1411 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (1.นายกุลิศ สมบัติศิริ ฯลฯ จำนวน 5 คน) | กค. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายกุลิศ สมบัติศิริ ๒. นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ ๓. นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ๔. นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ๕. นายวิเลิศ ภูริวัชร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1412 | มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด ๒๐ บาท
ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาลสำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ -
ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม
๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อชดเชยการขาดรายได้ส่วนต่างค่าโดยสารตามจริง
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. รับทราบมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด ๒๐ บาท
ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาลสำหรับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการตามข้อ ๑ และ ๒
เมื่อสิ้นปีงบประมาณโดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน
เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการดำเนินมาตรการดังกล่าวในปีถัดไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคม
การรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยร่วมกันพิจารณาปรับปรุงวิธีการเก็บค่าโดยสารของผู้โดยสารที่เดินทางข้ามระหว่างรถไฟชานเมืองสายสีแดงสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน)
และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ให้งดการจ่ายค่าโดยสารซ้ำซ้อนกันในทุกกรณีสำหรับทุกประเภทบัตรโดยสาร
รวมทั้งให้เร่งเตรียมการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
พ.ศ. ....
และการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อลดการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนในกรณีที่มีการเดินทางข้ามระหว่างสายรถไฟต่าง
ๆ และลดภาระประชาชนที่ต้องใช้บัตรโดยสารหลายประเภทต่อไป ๕. ให้กระทรวงคมนาคม
การรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยการขาดรายได้ส่วนต่างค่าโดยสารตามจริงของการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทยนั้น
ควรให้การรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทยพิจารณาจัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามส่วนต่างรายได้ค่าโดยสารที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1413 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างกลุ่มอาคารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (อาคารเรียนรวมและปฏิบัติกลาง) ต่อจากที่ก่อสร้างบางส่วนแล้วของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ | อว. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
เพิ่มวงเงินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการกลุ่มอาคารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
(อาคารเรียนรวมและปฏิบัติกลาง) ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ๑ รายการ จากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ
จำนวน ๓๖๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๑๒,๔๙๒,๑๐๗.๐๒
บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๓๗๑,๒๔๒,๘๙๖.๓๑ บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๔๑,๒๔๙,๒๑๐.๗๑ บาท
และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยข้อ ๗ (๓)
ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างกลุ่มอาคารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
(อาคารเรียนรวมและปฏิบัติกลาง) ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จ ภายในกรอบวงเงินและระยะเวลาที่ได้รับการอนุมัติไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1414 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๖ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
ให้เป็นฐานข้อมูลที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ
และทำหน้าที่จัดทำข้อมูลทางด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ
มีการปรับปรุงเว็บไซต์และเพิ่มช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลมากขึ้น
ทำให้ผู้ที่สนใจนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1415 | ขอความเห็นชอบต่อการเข้าร่วมการเจรจาเพื่อเข้าเป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Partnership Agreement: DEPA) | ดศ. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1416 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2567/68 | พณ. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
ปีการผลิต ๒๕๖๗/๖๘ และอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๕๘๕ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อดำเนินโครงการฯ
ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรกำหนด
หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ในระยะยาวกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ควรมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรในด้านการตลาด เช่น
การสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากข้าว การบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตข้าวให้สมดุลกับอุปสงค์ของตลาด
การพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1417 | ข้อเสนอโครงการของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร.11 สศช | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
ที่เห็นควรสนับสนุน จำนวน ๓๙ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๖๔๑,๑๒๗,๓๐๐ บาท โดยให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการและงบประมาณต่อไป และรับทราบข้อเสนอโครงการพัฒนาในระยะยาวเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนราชการของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
จำนวน ๓๘๑ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๑๙,๒๘๒,๕๔๖,๙๗๖ บาท
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่ากรณีโครงการ
หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุง ซ่อมแซม ฟื้นฟูถนน หากไม่มีลักษณะเป็นการก่อสร้าง
และ/หรือขยายเขตทางหรือช่องจราจร และไม่มีลักษณะเป็นโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการตามประกาศฯ
และมติคณะรัฐมนตรีฯ ข้างต้น
จะไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ เห็นควรให้เตรียมความพร้อมในการขออนุญาตจากกรมธนารักษ์
และเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มเติม
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยขอให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายจัดทำรายละเอียดโครงการและประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1418 | รายงานประจำปี 2566 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | พปส. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ซึ่ง คณะกรรมการกองทุนฯได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ รับทราบด้วยแล้ว โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย
(๑) ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ โดยกองทุนฯ ได้ใช้จ่ายเงินงบประมาณแล้ว จำนวน ๕๒๕.๙๑
ล้านบาท (จากวงเงินงบฯ ทั้งหมดจำนวน ๕๕๗.๙๓ ล้านบาท)
และได้ดำเนินโครงการกิจกรรมตามยุทธศาสตร์ เช่น โครงการสร้างสรรค์ไทย ปี ๒ โครงการ Media Alert โครงการเรียนวิธีคิด
ผ่านความฉลาดทางดิจิทัล
เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนมีทักษะความฉลาดเชิงดิจิทัลในที่ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย
รวมถึงการเข้าร่วมอบรมการตรวจสอบข่าวลวง ข่าวปลอมระดับสูง
โดยวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจากสำนักข่าวต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการตรวจสอบข่าวลวง
ข่าวปลอม และเฝ้าระวังข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน (๒)
รายงานของคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ พบว่า
ผลการประเมินในภาพรวมเท่ากับ ๔.๘๙๘๐ คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) และ (๓)
รายงานผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน โดยผู้สอบบัญชี (จากผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก)
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1419 | มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 | ทส. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า
หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๘ พร้อมกลไกการบริหารจัดการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานต่อไป
และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ
และผลการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าในช่วงวิกฤตสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM2.5) กระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญ โดยสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินงานแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM2.5) ของภาคคมนาคมอย่างเคร่งครัดและติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM2.5) ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ขอให้การขับเคลื่อนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัดต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1420 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน ครั้งที่ 13 และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเยาวชน+3 ครั้งที่ 9 | พม. | 29/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||