ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 221 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4401 - 4420 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4401 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 1 | กค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ รอบ ๖ เดือน
ครั้งที่ ๑ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
การติดตามประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ มีโครงการทั้งสิ้น ๒,๔๗๔ โครงการ
ประกอบด้วย ๓ แผนงาน ได้แก่ (๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) (๒) เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และ (๓)
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ ๒. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกลุ่มที่ปรึกษาภายใต้โครงการและแผนงานภายใต้พระราชกำหนดฯ
ได้จัดทำรายงานผลฯ ซึ่งคณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดฯ
ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
โดยคัดเลือกโครงการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมที่แล้วเสร็จ จำนวน ๑๐ โครงการ
มีกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๑๘๔,๔๑๐.๔๔ ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายรวม ๑๘๓,๔๙๑.๓๐
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๕๐ ของกรอบวงเงิน โดยทั้ง ๑๐ โครงการ
มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก ช่วยให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
จำนวน ๔๒,๓๒๒.๒๒ ล้านบาท
และมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่คาดว่ารัฐจะได้กลับคืนสูงสุดภายใน ๓ ปี จำนวน ๘,๑๖๘.๒๓ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4402 | รายงานการประเมินผลโครงการในภาพรวม รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 3 และรายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการในภาพรวม รอบ ๖ เดือน
ครั้งที่ ๓ และรายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) รายงานประเมินผลโครงการในภาพรวม รอบ ๖
เดือน ครั้งที่ ๓ โดยผลการประเมินในภาพรวมฯ พบว่า
เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ๓,๑๘๔,๓๘๕.๓๔ ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ๗๙๖,๘๔๙.๕๓ ล้านบาท และสามารถรักษาการจ้างงาน ๒๐.๕๑ ล้านอัตรา
อีกทั้งผลการประเมินในด้านความสอดคล้องและความเชื่อมโยง ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
ผลกระทบและความยั่งยืน มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก
และผลการประเมินในระดับแผนงานมีผลการดำเนินอยู่ในระดับดีมาก ได้แก่
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน
เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ เช่น โครงการ “โคก หนอง นาโมเดล” (๒)
รายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ
โดยใช้ ๓ แบบจำลอง ได้แก่ แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาค ใช้ประเมินผล เช่น ผลกระทบต่อ
GDP เพิ่มขึ้น ๐.๘๐ ล้านล้านบาท แบบจำลองดุลยภาพทั่วไปเชิงพลวัติ
ใช้ประเมินผล เช่น มูลค่า Real GDP เพิ่มสูงขึ้น ๑๗๑,๗๔๑.๕๓ ล้านบาท และแบบจำลองปัจจัยการผลิต ใช้ประเมินผล เช่น
เงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ๓,๑๘๔,๓๕๘.๓๔
ล้านบาท สร้างมูลค่า GDP ๗๙๖,๘๔๙.๕๓
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4403 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | ปช. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4404 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 90 ปี กรมธนารักษ์ พ.ศ. .... | กค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๙๐
ปี กรมธนารักษ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อเฉลิมพระเกียรติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และเผยแพร่พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้แผ่ไพศาลไปทั้งภายในประเทศและนานาประเทศ
และเป็นที่ระลึก
รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภารกิจของกรมธนารักษ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4405 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ พ.ศ. .... | นร.10 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน
อ.ก.พ. สามัญ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎ ก.พ.
ว่าด้วยการสรรหาทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน
อ.ก.พ. สามัญ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งให้นำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการเลือกข้าราชการพลเรือนเป็นอนุกรรมการใน
อ.ก.พ. สามัญ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่า ความในข้อ ๙ (๑)
การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญต่าง ๆ
ไม่ได้ระบุว่าเลขานุการคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิมีสิทธิเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิได้หรือไม่อย่างไร
และเสนอให้กำหนดแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจนับคะแนนการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน
อ.ก.พ. สามัญ และคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ
กรณีประเด็นเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของบัตรลงคะแนน อาทิเช่น บัตรลงคะแนนระบุชื่อ
นามสกุล ของผู้ประสงค์จะเลือกไม่ถูกต้องจะถือเป็นบัตรลงคะแนนที่มีผลสมบูรณ์หรือไม่
หากมีผลไม่สมบูรณ์ (ถือเป็นบัตรเสีย) จะถือว่าเป็นบัตรเสียไปทั้งหมดของทุกรายชื่อในบัตรเลือกตั้งนั้น
หรือว่าจะถือเป็นความไม่สมบูรณ์เฉพาะรายชื่อที่ไม่ถูกต้องนั้น สำหรับรายชื่ออื่น ๆ
ที่ถูกต้องให้สามารถนับเป็นคะแนนของผู้ได้รับเลือกต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4406 | ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคและการส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น | กค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคและการส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น
และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคและการส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับผู้นำทางอาเซียนในการส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคโดยใช้เทคโนโลยี
รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนการจัดตั้งLocal Currency Transaction Task Force เพื่อสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคและการส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4407 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาตใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2566 | นร.52 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาตใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๔
เรื่อง เช่น (๑) การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ภายใต้แผนบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
มิติงานด้านการพัฒนาและการขับเคลื่อนภารกิจของส่วนราชการตามมติ กพต. และ (๒)
การแก้ไขปัญหาแรงงานคนไทยที่เดินทางไปประกอบอาชีพในสถานประกอบการร้านอาหารไทยในประเทศมาเลเซีย ๒. เรื่องการติดตามความก้าวหน้าตามมติ กพต. จำนวน ๖ เรื่อง เช่น (๑) รายงานความก้าวหน้ากิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้
ระยะ ๗ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๑) (๒)
รายงานความก้าวหน้าโครงการนำเรือออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓)
รายงานความก้าวหน้าแก้ไขปัญหาสุขภาวะและภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๔)
รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟูการท่องเที่ยวหาดใหญ่-สงขลา
ระยะที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐) ๓. เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๑๐ เรื่อง เช่น (๑) ขอความเห็นชอบหลักการโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสตูล
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๒ (ระยะเวลา ๗ ปี) (๒)
ขอความเห็นชอบหลักการกรอบแนวทางการยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดสตูลให้เป็น
World Class Southern
Border, Thailand. The Rivera of South East Asia และ (๓)
ขอทบทวนมติ กพต. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ เรื่อง
ขออนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซียเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา
จังหวัดสงขลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4408 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน) | ตผ. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4409 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2565) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕) ของธนาคารแห่งประเทศไทย สรุปได้ ดังนี้ (๑)
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๙
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้าและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเฉลี่ยอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลัง
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๖.๕๔
เพิ่มขึ้นจากในช่วงครึ่งแรกของปีที่อยู่ที่ร้อยละ ๕.๖๑ และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี
(๒) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินงาน เช่น (๑)
การดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๕
คณะกรรมการนโยบายการเงินทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จำนวน ๓ ครั้ง โดย ณ
สิ้นปี ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒๕ (๒) แนวทางการดำเนินงานการประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน
โดยจะทบทวนกรอบการประเมินธนาคารพาณิชย์ให้สอดรับกับภูมิภาคทางการเงินของไทย
และครอบคลุมถึงความเสี่ยงใหม่ ๆ และ (๓)
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน
โดยจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมธุรกิจดิจิทัลและการชำระเงินด้วยดิจิทัลอย่างครบวงจร
โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริหารได้ภายในปี ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4410 | การประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 15 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๕ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT)
กำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรมเมอรุโอราห์ โคโมโด ลาบวน บาโจ
เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน
IMT-GT ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๕ แผนงาน IMT-GT ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญกล่าวถึงความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้กรอบความร่วมมือ IMT-GT โดยเฉพาะการเฉลิมฉลองครบรอบ ๓๐ ปี นับตั้งแต่การก่อตั้ง IMT-GT และความคืบหน้าการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของ IMT-GT
เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้แผนงาน IMT-GT
และการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการรับมือความท้าทายใหม่ ๆ
ในอนุภูมิภาค รวมทั้งรับรองโครงการ IMT-GT Visit Year
ค.ศ. 2023-2025 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๕ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4411 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 | กต. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ จำนวน ๘ ฉบับ เช่น แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนต่อวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ ร่างแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการบรรจุงานและการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในภาคประมง
เป็นต้น และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารฯ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๒ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ณ เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบันและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์ ประเมินผล
และติดตามการดำเนินงานที่สืบเนื่องจากการรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์และความคืบหน้าให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4412 | นายกรัฐมนตรีลากิจในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2566 | นร 05 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(นางสาวสาวิตรี ชำนาญกิจ) ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ลากิจ
ดังนี้ ๑. วันอังคารที่ ๙ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ น.-๑๖.๓๐ น. ๒. วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖
ตั้งแต่เวลา ๘.๓๐ น.-๑๖.๓๐ น. ๓. วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๘.๓๐ น.-๑๖.๓๐ น. ๔. วันศุกร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๘.๓๐ น.-๑๖.๓๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4413 | แนวทางวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ประกอบด้วย (๑) กรอบการดำเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานและวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับหน่วยงานระดับเริ่มต้นและระดับมาตรฐานซึ่งเป็นการจัดทำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในระยะแรกตามมาตรา
๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒) ให้หน่วยงานของรัฐนำงานบริการมาให้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
(Biz
Portal และ Citizen Portal)
โดยให้หน่วยงานที่ยังไม่มีช่องทางการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นำงานบริการมาพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางดังกล่าว
เป็นทางเลือกแรก และให้หน่วยงานที่มีงานบริการที่พัฒนาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ทางเลือกแล้วนำงานบริการมาเชื่อมโยงกันกับแพลตฟอร์มดิจิทัลกลาง
โดยมอบให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นผู้พิจารณากรอบเวลาดำเนินการ สำหรับ ๒
กรณีดังกล่าว และติดตามเป็นระยะ
เพื่อให้งานบริการของรัฐอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเร็ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์)
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เช่น ขอให้หน่วยงานที่ร่วมกันจัดทำแนวทางวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง
๔ หน่วยงาน สนับสนุนหน่วยงานของรัฐในด้านต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
4414 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 | ทส. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้เสนอรัฐสภา
แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4415 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
และเห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ |
||||||||||||||||||||||||||||||
4416 | มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 | นร.14 | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี ๒๕๖๖
เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดจากปัญหาอุทกภัยที่อาจส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนให้กับสถานการณ์
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำ ๑๒ มาตรการรับมือฤดูฝน
มาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๖ ได้ทันตามปฏิทิน ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในวันที่
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4417 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 127 และมาตรา 128 กรณีภายหลังการพ้นจากตำแหน่งของคณะรัฐมนตรี | ปช. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๗ และมาตรา ๑๒๘ กรณีภายหลังการพ้นจากตำแหน่งของคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นการส่งเสริมการป้องกันการกระทำความผิดที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
เกิดความตระหนักและความระมัดระวังเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนรวมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๖ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4418 | การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน | นร. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีพิจารณาเห็นว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำรงชีวิต
การประกอบอาชีพการทำงานเพื่อหารายได้สำหรับตนเองและครอบครัว
นอกจากมีประชาชนจำนวนมากต้องตกงานแล้ว
นักเรียน/นักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาทั้งในระดับอุดมศึกษาและระดับที่ต่ำกว่า
ทั้งในสายสามัญและวิชาชีพก็มีแนวโน้มที่จะตกงานเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งอาจเนื่องมาจากปริมาณและคุณภาพของผู้จบการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและแนวทางการทำงาน/การประกอบอาชีพในปัจจุบันซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
รวมทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันก็มีผลทำให้ความต้องการแรงงานและประเภทของแรงงานมีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ๆ หน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องควรต้องศึกษาและตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้จบการศึกษาในแต่ละสาขาวิชา
ภาวะการว่างงานและการมีงานทำของประชาชนให้ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งพิจารณาทบทวนแนวทางการจัดการศึกษา การเรียนการสอน การฝึกอบรม
และการฝึกฝีมือแรงงาน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาและผู้ใช้แรงงาน
ตามแต่กรณีมีความรู้ความสามารถ คุณวุฒิ ทักษะ และประสบการณ์ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความถนัดและตอบสนองในการพัฒนาประเทศในภาพรวมด้วย
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแนวทางข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4419 | การอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2566 - 2567 (1. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ฯลฯ รวม 7 คน) | กต. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน
(ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗ รวม ๗ คน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ประธานกรรมการ ๒.
อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓.
อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือผู้แทน กรรมการ ๔.
ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรรมการ ๕.
ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๖.
นายกสมาคมฟลุไบร์ทไทย กรรมการ ๗.
นายพรวิทย์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
4420 | แต่งตั้งกรรมการอื่น (ผู้แทนกองทัพอากาศ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (พลอากาศตรี จักรวัชร จงสืบสุข) | คค. | 09/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลอากาศตรี จักรวัชร จงสืบสุข เป็นกรรมการอื่น
(ผู้แทนกองทัพอากาศ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการอื่น (ผู้แทนกองทัพอากาศ) เดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|