ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1563 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 31241 - 31260 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 31241 | รายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี | มท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (กอ.นตผ.) ได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้โอนเงินงบประมาณโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานเบิกแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๑๓๓,๐๐๕,๐๐๐ บาท ๒. กิจกรรมภายในงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเทิดไท้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ๔ ภาค ผลิตภัณฑ์ชุมชน ๔ ภาค OTOP คัดสรรเพื่อเจรจาธุรกิจเฉพาะ OTOP ชุมชน OTOP รักษ์สุขภาพ และเวทีกลางและเวทีเล็กเพื่อการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งกิจกรรมในงานสร้างนักธุรกิจ OTOP โดยมีการเสวนาโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ เป็นได้มากของชาวสวน กลยุทธ์การค้าและต่อยอดธุรกิจ การหาพื้นที่จำหน่ายในส่วนค้าปลีกและเทคนิคการค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จ ธรรมะดิลิเวอร์รี่ของนักธุรกิจ เจาะใจผู้บริโภค กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วยการตลาดเพื่อสังคม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสู่สากล ทำ OTOP ให้ลูกค้า OK ธุรกิจเพื่อชีวิตพิชิตใจลูกค้า และนวัตกรรมกับการสร้างสินค้า OTOP ๓. ผลการจัดงานศิลปาชีพ ประทีบไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ได้รับความสำเร็จและตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงาน ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP เป็นอย่างดี โดยมียอดการจำหน่ายสินค้า ๕ ประเภทสูงสุด ได้แก่ ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ อาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพร รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ รวมเป็นเงิน ๖๖๓,๘๙๒,๖๙๗ บาท และรวมกับยอดประมาณการมูลค่าการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจต่าง ๆ กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ตามโครงการสร้างนักธุรกิจ OTOP (OTOP Business Leader Development : OBLD) ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของการจัดงาน โดยให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ OTOP โดยการนำนักธุรกิจมาพบกับงานศิลปาชีพ ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP อีกจำนวน ๑๒๐,๗๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๘๔,๕๙๒,๖๙๗ บาท สำหรับผู้เข้าชมงานมีจำนวนทั้งสิ้น ๙๒๒,๙๓๐ คน ๔. ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการจัดงานมากที่สุด ร้อยละ ๘๓.๑๘ ส่วนผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีความพึงพอใจต่อการจัดงานในภาพรวมมากที่สุดร้อยละ ๘๕.๑๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31242 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้ว พ.ศ. .... | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้ว พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้งดรับจดทะเบียนรถที่ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถที่ใช้แล้วในเขตกรุงเทพมหานครและในเขตจังหวัดอื่นทุกจังหวัด ดังนี้
๑. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน ๗ คน ๒. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน ๗ คน แต่ไม่เกิน ๑๒ คน ๓. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ๔. รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31243 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 รวม 3 ฉบับ | นร | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสภาวัฒนธรรมเพิ่มเติม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้จัดตั้งสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สภาวัฒนธรรมเขต สภาวัฒนธรรมแขวง สภาวัฒนธรรมเทศบาล สภาวัฒนธรรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ และสภาวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดการจดแจ้งเป็นเครือข่ายวัฒนธรรม ๒.๒ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมตำบล ๒.๓ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอำเภอ ๒.๔ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัด ๒.๕ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม หารบริการจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๒.๖ กำหนดที่มา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา จำนวนกรรมการและสมาชิก วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุม การบริหารจัดการ และการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอื่น ๆ ๒.๗ กำหนดหลักเกณฑ์ การออกเสียงลงคะแนน และองค์ประชุมในการประชุมสภาวัฒนธรรม ๒.๘ กำหนดการบริหารจัดการและการดำเนินการของสภาวัฒนธรรม ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะในสาขาทัศนศิลป์ สาขาศิลปะการแสดง และสาขาวรรณศิลป์ ๓.๒ กำหนดคุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ ๓.๓ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติจะต้องมีผลงานทางด้านศิลปะที่มีคุณค่าและมาตรฐานตามที่กำหนด ๓.๔ กำหนดให้สภาวัฒนธรรม องค์กรวิชาชีพ สถาบันการศึกษา สถาบันทางศิลปะ และเครือข่ายทางวัฒนธรรมทั่วประเทศเป็นผู้เสนอรายชื่อและผลงานของบุคคลซึ่งสมควรหรือเหมาะสมเป็นศิลปินแห่งชาติ ๓.๕ กำหนดให้จ่ายเงินจากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมเพื่อให้ประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ ๓.๖ กำหนดให้ศิลปินแห่งชาติได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31244 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก พ.ศ. .... | คค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก ดังนี้
๑. กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ดำเนินการสนามบินอนุญาตที่ประสงค์จะเรียกเก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก ต้องยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐาน เช่น ใบอนุญาต เอกสารแสดงอัตราค่าบริการที่จะเรียกเก็บ รายงานการเงิน แผนการพัฒนาสนามบินห้าปี เป็นต้น ๒. กำหนดให้เมื่ออธิบดีได้รับคำขอพร้อมเอกสารและหลักฐานแล้ว ให้ดำเนินการ เช่น ตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของเอกสารและหลักฐาน จัดทำความเห็นและส่งคำขอพร้อมเอกสารหลักฐานให้แก่คณะกรรมการการบินพลเรือน เป็นต้น รวมทั้งให้คณะกรรมการการบินพลเรือนพิจารณา และจัดทำความเห็นและคำแนะนำต่อรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็นและเอกสาร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31245 | (ร่าง) นโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 | วท | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) ตามที่คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดย (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ฉบับที่ ๑ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑.๑.๑ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะของประชาชน การสร้างเสริมสังคม ฐานความรู้ และสร้างเสริมขีดความสามารถของท้องถิ่นและชุมชน ให้เกิดโอกาสการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องที่ขับเคลื่อนด้วยการเชื่อมโยงบทบาทพื้นที่ ท้องถิ่น ชุมชน ในการเพิ่มศักยภาพที่มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต นำไปสู่การพึ่งพาตนเองและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำยากจน ๑.๑.๒ เพื่อยกระดับความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพรายสาขา สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างคุณค่า และนวัตกรรมรายสาขา มีการวางแผนและการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงและการกีดกันทางการค้า ให้มีโครงสร้างเศรษฐกิจสีเขียวและคุณค่า (Green and Value Creation) ของสินค้าและบริการบนฐานความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๑.๑.๓ เพื่อสร้างแบบจำลองพยากรณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับตัว การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนา ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพควบคู่กับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศและการดำรงชีวิตของคนไทยในอนาคต ๑.๑.๔ เพื่อสร้างระบบการพัฒนาและผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ การยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถทางด้านทักษะ องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสร้างแรงจูงใจ ให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกัน (Safety Net) มีมาตรฐาน และเพียงพอต่อความต้องการของภาคเศรษฐกิจและสังคม ๑.๑.๕ เพื่อสร้างเครื่องมือการเงินการคลัง ตลาด ความเข้มแข็งของโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย กฎระเบียบ ระบบการบริหารจัดการ ข้อมูล กลไกและการบริหารจัดการที่ดีในการสนับสนุนงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ สังคมที่มีคุณภาพ และความมั่นคงและคุณภาพของพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้มีระบบที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ และสามารถกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนาสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการประเทศของภาครัฐ สู่ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ในทุกระดับโดยการมีส่วนร่วมของพื้นที่ ท้องถิ่นและชุมชน ๑.๒ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเสนอต่อคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ และดำเนินการตามนโยบายและแผนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีงบประมาณ และในการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการส่งเสริมประสิทธิภาพภาคการผลิตตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาภาคสังคมและชุมชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้ภาคเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31246 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย | กต | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Agreement on Technical and Development Co - operation Between the Government of the Arab Republic of Egypt and the Government of the Kingdom of Thailand) ซึ่งเป็นเอกสารกำหนดแนวทางความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและวิชาการระหว่างไทยกับอียิปต์ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารทางวิชาการในสาขาที่เกี่ยวข้อง การดำเนินงานโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงงานวิจัย การฝึกอบรม และผู้เชี่ยวชาญตามที่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกัน ๑.๑.๒ การดำเนินงานความร่วมมือดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานการร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยประเทศผู้ส่งจะรับผิดชอบค่าเดินทางระหว่างประเทศ และประเทศผู้รับจะรับผิดชอบค่าเบี้ยเลี้ยง ที่พัก และค่าใช้จ่ายในประเทศ ๑.๑.๓ การดำเนินงานกิจกรรมต่าง ๆ จะเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหวางประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศของสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ๑.๑.๔ ร่างความตกลงฯ จะมีผลตั้งแต่วันที่ลงนามจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ๖ เดือน ๑.๒ อนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน ลงนามในความตกลงฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระสำคัญของความตกลง ขอให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นของรัฐบาลไทย ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๙๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31247 | โครงการนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนการตั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) | กค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ส่วนราชการที่ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุยินยอมให้กรมธนารักษ์นำที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการครอบครองแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ที่สามารถสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านพลังงาน มาพัฒนาเป็นสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) โดยให้กรมธนารักษ์ประสานกับส่วนราชการที่ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุที่มีความเหมาะสม เพื่อดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้กรมธนารักษ์นำเรื่องการใช้พื้นที่ราชพัสดุดังกล่าวมาพัฒนาเป็นสถานีบริการ NGV หารือในรายละเอียดกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการประเมินและตรวจสอบพื้นที่ในการจัดตั้งสถานีบริการ NGV ที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับแนวท่อก๊าซธรรมชาติหรือสถานีแม่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตลอดจนพิจารณาถึงกฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถานีบริการ NGV ก่อนทำความตกลงกับหน่วยงานผู้ครอบครองพื้นที่ราชพัสดุดังกล่าวต่อไป รวมทั้งให้กรมธนารักษ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและประสานกับส่วนราชการที่ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31248 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายณรงค์ รัตนานุกูล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31249 | ผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ 4 | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพฯ ซึ่งมีเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญและติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด คือ ความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยที่ต้องการไปลงทุนใน สปป.ลาว และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เช่น การเร่งยกระดับจุดผ่านแดนและการแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าผ่านแดน เป็นต้น โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31250 | ผลการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญของการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบหารือผู้แทนสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ (International Intellectual Property Alliance : IIPA) และสมาพันธ์ธุรกิจซอฟต์แวร์ (Business Software Alliance : BSA) ผลการหารือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) ได้แจ้งให้ IIPA และ BSA ทราบนโยบายรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๙ ครอบคลุม ๗ ด้าน เช่น การสร้างสรรค์ทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การป้องปราบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนมีการจัดทำแผนเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ซึ่งทาง IIPA และ BSA แสดงความกังวลกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตและขอให้ไทยเร่งออกฎหมายเพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต กฎหมายเอาผิดเจ้าของพื้นที่ที่สนับสนุนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (landlord liability) และการป้องกันการแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น ๒. การพบหารือผู้แทนสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (PhRMA) และสมาคมอุตสาหกรรมชีวภาพ (BIO) ผลการหารือ PhRMA และ BIO ได้ขอบคุณรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่รับฟังข้อกังวลของภาคอุตสาหกรรมยาสหรัฐฯ เกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิบัตรยา (compulsory licensing : CL) และความโปร่งใสของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากรัฐบาลไทยต่อไปในอนาคต ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ การแก้ปัญหายาปลอม และการคุ้มครองข้อมูลผลทดสอบยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) แจ้งว่าเรื่องยาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับไทย จึงเห็นควรร่วมมือและหารือกันอย่างสร้างสรรค์ และดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้ประชาชนไทยเข้าถึงยาได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ PhRMA แจ้งว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้เสนอให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จัดไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมยาสหรัฐฯ เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ในการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมยา ๓. การพบหารือกับนาย Demetrios Marantis รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และนาง Barbara Weisel ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ผลการหารือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) ได้แจ้งให้ USTR ทราบถึงนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ การเร่งรัดการดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การบังคับใช้กฎหมาย และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ในการนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ได้หยิบยกประเด็นการค้าอื่นขึ้นหารือ ได้แก่ เรื่องที่ไทยมีคำร้องขอให้สหรัฐฯ คงสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (GSP) สินค้าของไทย นโยบายของรัฐบาลไทยในการเข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลง Trans - Pacific Partnership (TPP) การขอให้ไทยสนับสนุนการเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA Expansion) และข้อกังวลของสมาคม National Pork Producers Council (NPPC) ของสหรัฐฯ ต่อมาตรการของไทยในการห้ามนำเข้าเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง (ractopamine) ๔. การลงนามในบันทึกความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ (USPTO) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความร่วมมือทวิภาคี (MOU) ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและ USPTO ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา ฝึกอบรมบุคลากร และกิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างสองหน่วยงาน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31251 | สำนักงานศาลยุติธรรมขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหนองสนม เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดระยองแห่งใหม่ ท้องที่จังหวัดระยอง | ทส | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๙ (เรื่อง การย้ายที่ตั้งที่ทำการของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไปสู่ภูมิภาค) ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหนองสนม เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดระยองแห่งใหม่ ท้องที่จังหวัดระยอง เป็นการเฉพาะราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและสิ่งปลูกสร้างอาคารแห่งใหม่ทดแทนนั้น ให้สำนักงานศาลยุติธรรมปรับแผนค่าใช้จ่ายที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31252 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสวีเดน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายในการต่อต้านอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กรการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย และอาชญากรรมร้ายแรง อื่น ๆ | กต | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสวีเดนว่าด้วยความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายในการต่อต้านอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร การลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย และอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Kingdom of Sweden on Law Enforcement Cooperation in Combating Organized Crime, Illicit Trafficking in Narcotic Drugs, Psychotropic Substances and Precursors, Trafficking in Human Beings, Acts of Terrorism and Other Serious Crimes) โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ทั้งนี้ ร่างความตกลงฯ เป็นกรอบความร่วมมือทวิภาคีด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับสวีเดนในกรอบกว้าง ด้วยการให้ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และนักวิชาการ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายภายในที่กำหนดไว้ ได้แก่ ๑.๑ การให้ความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรม โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลสาร ประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญ โดยกำหนดให้การส่งคำร้องขอต้องกระทำผ่านหน่วยงานกลางที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถใช้ข้อมูลเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์ตามคำขอเท่านั้น ยกเว้นแต่จะได้รับ “ความยินยอม” จากประเทศผู้ให้ข้อมูลก่อน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายภายในที่กำหนดไว้ ๑.๒ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะปกป้องรักษาข้อมูลที่ได้จากความตกลงฯ และสามารถปฏิเสธ (right of refusal) การให้ข้อมูล หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะกระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ หรือ/และอีกฝ่ายมีหลักเกณฑ์ในการปกป้องข้อมูลไม่เพียงพอในกรณีการให้ข้อมูลต่อประเทศที่สามจะต้องได้รับ “ความยินยอม”จากประเทศผู้ให้ข้อมูลก่อน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายภายในของประเทศที่กำหนดไว้ ๑.๓ ร่างความตกลงฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมือในเรื่องทางอาญา การสืบสวนสอบสวน และการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแต่อย่างใด ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31253 | การแต่งตั้งข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายอนุสรณ์ สุขแสงทอง) | นร | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอนุสรณ์ สุขแสงทอง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31254 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | ศธ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยแก้ไขเพิ่มเติมการดำเนินการเทียบระดับการศึกษานอกระบบให้สามารถเทียบได้ในระดับสูงสุดของการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งประเภทสามัญศึกษาและประเภทอาชีวศึกษาแล้วแต่กรณี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31255 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2553 มติ 6 มาตรการในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านยาสูบ | สช | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ มติ ๖ มาตรการในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านยาสูบ ตามมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานราชการปฏิบัติตามแนวทางของกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก โดยเฉพาะมาตรา ๕.๓ การป้องกันการแทรกแซงนโยบายการควบคุมยาสูบของรัฐโดยอุตสาหกรรมยาสูบ โดยการกำหนดนโยบายหรือระเบียบภายในหน่วยงานเพื่อป้องกันการแทรกแซงดังกล่าว ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างภาษียาสูบให้สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบันเพื่อทำให้ราคาขายปลีกยาสูบโดยเฉลี่ยสูงขึ้น โดยขอให้พิจารณาจัดเก็บภาษีบุหรี่ซิกาแรตทั้งตามสภาพและตามราคาขายปลีก รวมทั้งให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบปิดแสตมป์ยาสูบบนซองบรรจุยาเส้นที่ทำจากใบยาสูบพันธุ์พื้นเมืองด้วย และดำเนินการทยอยปรับขึ้นภาษียาเส้นและยาสูบประเภทอื่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และห้ามธุรกิจยาสูบทำกิจกรรมภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (Corporate Social Responsibility ; CSR) ๑.๓ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง และกระทรวงสาธารณสุข ให้หลักประกันการเข้าถึงการบำบัดโรคติดบุหรี่ รวมถึงการเข้าถึงการรับยา สมุนไพร แพทย์แผนไทยหรือบริการแพทย์ทางเลือกที่จำเป็นต่อการบำบัดโรคติดบุหรี่ และสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในงานเลิกบุหรี่ในชุมชน ๑.๔ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงกฎหมายเพื่อห้ามการโฆษณา และการส่งเสริมการตลาดของผลิตภัณฑ์ยาสูบ และการประชาสัมพันธ์การให้ทุนอุปถัมภ์จากอุตสาหกรรมยาสูบทางสื่อคอมพิวเตอร์ทั้งจากภายในและต่างประเทศ และออกกฎหมายจัดสรรเวลาในการนำเสนอโทษของยาสูบในทุกประเภทสื่อในสัดส่วนที่เหมาะสม ๑.๕ ให้กระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงกฎหมายเพื่อห้ามมีฉลากสูบบุหรี่ และการส่งเสริมการตลาดด้วยวิธีประชาสัมพันธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ทางภาพยนตร์ โทรทัศน์และสื่อมวลชนต่าง ๆ และมีมาตรการส่งเสริมให้บุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง เช่น ดารา นักร้อง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สาธารณชน โดยการไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ๑.๖ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมควบคุมกำกับองค์กรและเครือข่ายไม่ให้รับการสนับสนุนใด ๆ จากบริษัทยาสูบทั้งภายในและต่างประเทศตามกฎหมาย ๑.๗ ให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุเรื่องโรคที่เกี่ยวกับบุหรี่เข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนและหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาสูบในสถานศึกษา กำชับให้สถานศึกษาทุกแห่งติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษาและห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด ห้ามสูบบุหรี่ในขณะที่อยู่ในชุดของสถาบันหรือชุดนักศึกษา ให้บุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ นักการภารโรง ผู้นำทางศาสนา เป็นต้น เป็นแบบอย่างแก่นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณการผลิตสื่อนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ด้านพิษภัยจากบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรม และการวิจัยกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ๑.๘ ให้กระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ๑.๙ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับมีบทบาทร่วมในการควบคุมแหล่งผลิต วัตถุดิบในพื้นที่ และการใช้มาตรการทางกฎหมาย/ข้อบังคับอย่างจริงจัง ๒. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ต่างประเทศที่มีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้ราคาบุหรี่ดังกล่าวต่ำกว่าบุหรี่ที่มีจำหน่ายอยู่โดยทั่วไป และส่งผลให้เกิดการบริโภคเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งกรณีการสำแดงราคานำเข้าของบุหรี่ต่างประเทศที่ต่ำกว่าปกติทำให้รัฐได้รับความเสียหาย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31256 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ "โครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี" | ยธ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “โครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี” สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี” มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อระดมประชาชนสาขาอาชีพต่าง ๆ ทั่วประเทศร่วมกันแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ด้วยการขับเคลื่อนกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่าต่อเนื่อง ภายใต้ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” และเพื่อใช้แนวทางกองทุนแม่ของแผ่นดิน ลดสถานการณ์ปัญหายาเสพติด สร้างความเข้มแข็งพลังแผ่นดิน สร้างความยั่งยืนให้กับหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ โดยมีแนวทางและกลยุทธการดำเนินการ ประกอบด้วย ๖ แนวทางหลัก ได้แก่ ๑.๑.๑ แนวทางที่ ๑ การสร้างกระแสความตื่นตัวและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อรณรงค์กระตุ้นจิตสำนึก สร้างกระแสการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และประชาชน ให้เกิดความตื่นตัวกระทำความดีต่อต้านยาเสพติด และร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี สืบสานปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และปณิธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๑.๑.๒ แนวทางที่ ๒ การสร้างความมั่นคงให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ได้รับแต่เดิม ให้สามารถลดและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ โดยเน้นบทบาทภาคประชาชนสมานฉันท์ และสามัคคี เสริมบทบาทแกนนำหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ๑.๑.๓ แนวทางที่ ๓ สร้างศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินให้เป็นแบบอย่างการพัฒนาและการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยการสร้าง ๑ อำเภอ ๑ ศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน และให้มีการบูรณาการกับเศรษฐกิจพอเพียงอย่างยั่งยืน โดยกำหนดหมู่บ้านตัวอย่าง ๘๐ แห่ง เทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี ๑.๑.๔ แนวทางที่ ๔ ขยายหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จังหวัดละ ๒๐ - ๕๐ แห่ง โดยยึดหลักคุณภาพในทุกกระบวนการ เพื่อให้ได้หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่จะเข้ารับพระราชทานเชิงคุณภาพ ๑.๑.๕ แนวทางที่ ๕ สร้างกระแส สร้างกิจกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนแม่ของแผ่นดิน หากทุกหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศได้กระทำอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วย่อมเกิดเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ทั้งพลังแห่งความสามัคคี พลังแห่งความดี และพลังแห่งความจงรักภักดี ๑.๑.๖ แนวทางที่ ๖ การพัฒนาความพร้อมการดำเนินงานเชิงคุณภาพทั้งการพัฒนาวิทยากรกระบวนการกองทุนแม่ของแผ่นดิน การพัฒนาประสิทธิภาพของเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ระดับอำเภอ จังหวัด ภาค ประเทศ การพัฒนากลไกผู้ประสานงานกลางกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับพื้นที่ และการพัฒนาองค์ความรู้ และจัดระบบข้อมูล เพื่อให้โครงการกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมฉลอง ๘๐ พรรษา มหาราชินี อย่างสมพระเกียรติ และเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ๑.๒ โครงสร้างการบริหารจัดการ ๑.๒.๑ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ เป็นกลไกบริหารจัดการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน มีบทบาทหน้าที่การวางกรอบนโยบาย มาตรการ กลยุทธ์ แนวทางปฏิบัติ ๑.๒.๒ ระดับส่วนกลาง มีคณะกรรมการอำนวยการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี (คณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๘๐ พรรษา) ๑.๒.๓ ระดับจังหวัด โดยศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดระดับจังหวัด/กรุงเทพมหานคร เป็นกลไกบริหารจัดการสูงสุดในงานกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับจังหวัด และมีการจัดตั้งกลไกเพิ่มเติม ได้แก่ คณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๘๐ พรรษา ระดับจังหวัด หรือคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัด ๑.๒.๔ ระดับอำเภอ โดยศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดระดับอำเภอ/เขต เป็นกลไกบริหารจัดการในงานกองทุนแม่ของแผ่นดินในระดับอำเภอ/เขต และมีการจัดตั้งกลไกเพิ่มเติม ได้แก่ คณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดิน ๘๐ พรรษาระดับอำเภอ/เขต หรือคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับอำเภอ/เขต ๑.๓ งบประมาณในการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย งบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด งบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย งบประมาณจากจังหวัด งบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบประมาณสมทบจากหมู่บ้าน/ชุมชน และงบกลางของรัฐบาล ๑.๔ ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๕๕ - ธันวาคม ๒๕๕๕ ๒. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุน เผยแพร่ รณรงค์ประชาสัมพันธ์การดำเนินงาน “โครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี”
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31257 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองหรือลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน - สหภาพยุโรป ครั้งที่ 19 | กต | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแผนปฏิบัติการ บันดาร์ เสรี เบกาวัน ว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนอาเซียน - สหภาพยุโรป (๒๕๕๖ - ๒๕๖๐) [Bandar Seri Begawan Plan of Action to Strengthen the ASEAN - EU Enhanced Partnership (2013 - 2017)] และหากมีความจำเป็นแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ร่างแผนปฏิบัติการฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแผนปฏิบัติฯ มีสาระสำคัญเพื่อย้ำพันธกรณีและความปรารถนาของอาเซียนและสหภาพยุโรปที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันบนพื้นฐานความสำเร็จของความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรปที่ผ่านมา โดยตระหนักถึงความท้าทายร่วมระดับภูมิภาคและระดับโลกในช่วงอีก ๕ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐) ๑.๒ ร่างแผนปฏิบัติการฯ ครอบคลุมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเป็นประชาคมอาเซียนและการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนในมิติต่าง ๆ และระบุเกี่ยวกับความสำคัญของการสนับสนุนด้านสถาบันของอาเซียนและกลไกการติดตามความก้าวหน้าของความร่วมมือเพื่อให้ความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรปดำเนิน ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อมูลใน Draft Bandar Seri Begawan Plan of Action to Strengthen The ASEAN - EU Enhanced Partnership (2013 - 2017) ข้อ 3.4 Promoting cooperation in Science and Technology อีก ๑ ข้อย่อย ดังนี้ 3.4.7 Continue to enhance the development of STI indicators through the SEA - EU Net. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31258 | เป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2555 | กค | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินเห็นชอบร่วมกันในการเสนอเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ไว้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ ๐.๕ - ๓.๐ ต่อปี เช่นเดียวกับเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยข้อตกลงดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๒.๑ เป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ ๐.๕ - ๓.๐ ต่อปี ๑.๒.๒ การติดตามความเคลื่อนไหวของเป้าหมายของนโยบายการเงิน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการหารือร่วมกันเป็นประจำทุกไตรมาส และเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่นใดตามที่ทั้งสองหน่วยงานจะเห็นสมควร ๑.๒.๓ การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานออกนอกเป้าหมาย กรณีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเคลื่อนไหวออกนอกช่วงเป้าหมายตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินชี้แจงสาเหตุ แนวทางแก้ไข และระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะกลับเข้าสู่ช่วงที่กำหนดไว้โดยเร็ว รวมทั้งให้รายงานความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร ๑.๒.๔ การแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงิน ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินอาจตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาของนโยบายการเงินได้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปควบคู่ไปกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ใช้เป็นเป้าหมายการดำเนินนโยบายการเงิน และพิจารณาเครื่องมือทางการเงินอื่นนอกเหนือจากการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมาใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบาย นอกจากนี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังประสานการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายการคลังไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาระดับราคาสินค้าและบริการให้เหมาะสม โดยให้เกิดความเป็นธรรมและเหมาะสมต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 31259 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม และการสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๕๔๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๔.๙๖ ของโรงงานทั้งหมด ๘๓๙ ราย ๒. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เปิดดำเนินการแล้ว ๖,๙๒๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๘๙ ของสถานประกอบการทั้งหมด ๗,๘๗๕ ราย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ๓.๑ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๓๐๓ โครงการ มูลค่า ๘๐,๒๙๑ ล้านบาท ๓.๒ อนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน ๑๘๓ บริษัท จำนวนคนต่างชาติ รวม ๖๗๗ คน ๓.๓ เพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเรียบร้อยแล้ว และออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ๑/๒๕๕๕ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เรื่อง มาตรการด้านภาษีอากร เพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริม จำนวน ๗ โครงการ เงินลงทุน ๑,๙๒๘ ล้านบาท ๓.๔ ยกเว้นค่าบริการในการออกใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่สูญหาย จำนวน ๑๙ ราย คิดเป็นเงิน ๒,๐๓๓ บาท ๓.๕ ยกเว้นค่าบริการในการต่อใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินและประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕๙ ราย คิดเป็นเงิน ๖๓๑,๓๐๐ บาท ๓.๖ ยกเว้นค่าบริการในการออกหนังสือรับรองสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (e - PP & Paperless) ให้แก่ผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรี จำนวน ๗,๕๗๓ คำขอ คิดเป็นเงิน ๖๘๑,๕๗๐ บาท ๓.๗ อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำคนต่างด้าวเข้ามาอยู่และทำงานได้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยยกเว้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่เกิดอุทกภัย จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕ ราย เป็นช่างฝีมือ ๓๑ คน ที่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ๓.๘ บริการช่วยเหลือผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรีในการย้ายเครื่องจักร อุปกรณ์ วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ ออกนอกเขตประกอบการเสรีไปยังสถานที่ประกอบการชั่วคราวโดยยังสามารถประกอบกิจการและปฏิบัติพิธีการศุลกากรได้ตามปกติ จำนวน ๓๓ ราย ๓.๙ ให้การรับรองการเป็นผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการประสบอุทกภัยและอนุมัติการนำเข้าเครื่องจักร จำนวน ๖ ราย ๓.๑๐ ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติตั้งแต่กลางปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยโรงงานในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ประกอบกิจการยื่นแบบแจ้งข้อมูลความเสียหายเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึง ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ส่วนโรงงานในต่างจังหวัด อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมต้นฉบับแบบแจ้งข้อมูลความเสียหายที่ได้ตรวจสอบและเห็นชอบให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมแล้ว ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๔.๑ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ รวม ๑๓๔ ราย จากเป้าหมาย ๑๐๐ ราย ประกอบด้วยสถานประกอบการอุตสาหกรรม ๗๑ ราย และวิสาหกิจชุมชน ๖๓ ราย มีการใช้พื้นที่ทั้งหมด ๒๑,๖๔๐ ตารางเมตร ๔.๒ โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย มีสถานประกอบการได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกำจัดกากอุตสาหกรรม จำนวน ๑,๗๑๔ ราย คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๗ ของโรงงานเป้าหมายทั้งหมด (๒,๐๐๐ โรงงาน) ๔.๓ โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งในและนอกนิคม โดยมุ่งเน้นสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย โดยได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ผลแล้ว ๗๗๑ ตัวอย่าง หรือร้อยละ ๖๔.๒๕ ของตัวอย่างทั้งหมด (๑,๒๐๐ ตัวอย่าง) ๔.๔ โครงการศูนย์สารพัดช่างเพื่อการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย อยู่ระหว่างการปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับจำนวนเงินงบประมาณที่ได้รับ ๔.๕ โครงการฟื้นฟูซ่อมแซมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย อยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารสถานที่ ๔.๖ โครงการบริหารจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัย อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์กากของเสีย และการขนส่งและกำจัดกากของเสียในแต่ละประเภท ๔.๗ โครงการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทย ได้ดำเนินการประชุม สัมมนาการลงทุนในต่างประเทศ ๒ ครั้ง ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ๔.๘ โครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินโครงการ ๕. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๓ กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗๗.๖ กิโลเมตร มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๕.๕๘ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๑ กิโลเมตร มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๒๑.๙๘ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๔ กิโลเมตร มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๒๔.๖๑ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๘ กิโลเมตร มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓๙ และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๘.๕ กิโลเมตร มีความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๑๓.๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 31260 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดมาตรการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... | พณ | 17/04/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดมาตรการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดมาตรการจัดระเบียบการส่งออกและนำเข้าอย่างหนึ่งอย่างใดกับสินค้า ๑๕ กลุ่มรายการตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ดังต่อไปนี้ ๑.๑.๑ เป็นสินค้าที่ต้องแสดงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หนังสือรับรองคุณภาพสินค้า หรือหนังสือรับรองตามความตกลงหรือประเพณีทางการค้าระหว่างประเทศต่อกรมศุลกากรในการส่งออกหรือนำเข้า ๑.๑.๒ เป็นสินค้าที่ผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าต้องขึ้นทะเบียนต่อกรมการค้าต่างประเทศหรือหน่วยงานอื่นที่กระทรวงพาณิชย์มอบหมาย ๑.๑.๓ เป็นสินค้าที่ต้องส่งออกหรือนำเข้าภายในช่วงระยะเวลาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ๑.๑.๔ เป็นสินค้าที่ต้องส่งหรือนำเข้าทางด่านศุลกากรที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ๑.๑.๕ เป็นสินค้าที่ผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าต้องส่งรายงานการส่งออกและการนำเข้าตามระยะเวลาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ๑.๒ มาตรการส่งออกและนำเข้าในแต่ละสินค้า ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำหนดตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เกี่ยวกับการปรับปรุงบัญชีรายชื่อสินค้าท้ายร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญด้วย เช่น มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ไปพิจารณา และหากมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มเติมสินค้าท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพิ่มเติมต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดในการส่งออกและนำเข้า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาคเกษตรโดยรวมและผู้บริโภคในประเทศ และควรกำหนดปริมาณการส่งออกและนำเข้าที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรโดยรวม เกษตรกรและผู้ประกอบการแปรรูปในประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาสินค้าเกษตร คุณภาพวัตถุดิบและความปลอดภัยผู้บริโภคในประเทศ รวมทั้งในการออกระเบียบของกระทรวงพาณิชย์จะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระและความยุ่งยากให้กับผู้ส่งออกและผู้ผลิตในประเทศที่จำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบ/ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วถึง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกหนังสือรับรอง การขึ้นทะเบียน และการตรวจสอบเพื่อการนำเข้าและส่งออก รวมถึงผู้ประกอบการนำเข้าหรือส่งออกสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
