ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 135 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2681 - 2700 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2681 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | ปช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ ว่า ๑. รับทราบข้อเสนอแนะตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2682 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 5 | กต. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๕ และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) ร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ ครั้งที่ ๕ ซึ่งร่างบันทึกการประชุมฯ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลไทยและเวียดนามที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน
การทบทวนการพัฒนาการความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ และกำหนดทิศทางความร่วมมือในระยะต่อไปของทั้ง
๒ ประเทศ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน (๒)
ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และ (๓) ความเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ตามที่ทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม
ครั้งที่ ๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2683 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2566 | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖
ของคณะกรรมการกองทุนนโยบายการเงิน (กนง.) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัว โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวตามแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในปี ๒๕๖๗
ในภาพรวมเศรษฐกิจโลกจึงอยู่ในทิศทางฟื้นตัว (๒) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว
โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน แรงสนับสนุนจากการจ้างงาน
และรายได้แรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด (๓)
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นเล็กน้อย จากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่สูงขึ้นตามการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา
และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖ ในการประชุมเมื่อวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๒.๕๐
ต่อปี เนื่องจาก กนง.
ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพและเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2684 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 2/2567 | นร.08 | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2685 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มาตรฐานสินค้าเกษตร เลขที่ มกษ. ๙๐๗๐-๒๕๖๖
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นมาตรฐานบังคับ
เพื่อกำหนดหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียน
เพื่อให้ได้ผลทุเรียนทั้งผลที่แก่ตามข้อกำหนดของมาตรฐานสำหรับจำหน่าย ส่งออก
และนำเข้า เพื่อช่วยสนับสนุนการจำหน่ายผลทุเรียนที่แก่มีคุณภาพตามมาตรฐาน
สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและเวทีการค้า
ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพของทุเรียนไทยเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้
ความรู้ความเข้าใจในหลักปฏิบัติดังกล่าวแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดมาตรฐานดังกล่าว
รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงความจำเป็นและผลประโยชน์ในระยะยาวจากการดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว
กำหนดแนวทางที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกภาคส่วนก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวควรบังคับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยครอบคลุมสถานประกอบการทุกขนาดที่มีการประกอบกิจการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2686 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | สปสช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ภายในวงเงิน ๒๓๕,๘๔๒,๘๐๐,๙๐๐ บาท สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
วงเงิน ๒,๒๓๘,๘๓๖,๒๐๐ บาท นั้น ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็น
เหมาะสม ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ในด้านบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
บริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน
บริการสาธารณสุขร่วมกับกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด
และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครายบุคคลและครอบครัว ตามมาตรา ๑๘ (๑๔)
แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ และควบคุมดูแลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าว
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จัดทำตัวชี้วัดการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
(P&P) ในกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เช่น ข้าราชการและบุคคลในครอบครัว ผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม เป็นต้น
และให้มีการรายงานผลทุกครั้งที่เสนอขอรับงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี การค้นหาประชาชนผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้
เช่น คนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น
โดยอาจขอความร่วมมือกับหน่วยงาน
ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเครือข่ายระบบสุขภาพให้แก่ประชาชนคนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างครอบคลุม
สอดรับกับการได้รับสวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดความครอบคลุมแก่ประชากรทุกกลุ่ม
และนำไปสู่ความเข้มแข็งของการได้รับการคุ้มครองสิทธิและมีหลักประกันทางสังคมที่เพิ่มขึ้น
และให้ดำเนินการตามนัยมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข
ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2687 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงการคลัง) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ดังนี้ ๑.
ให้คงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
แนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี
๒๕๖๕ ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้) ไว้ ๒.
ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน
(การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2688 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (เพิ่มเติม) | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างใกล้ชิดและบูรณาการการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การจราจร และการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงเทศกาลดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการจัดงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้า
มหาสงกรานต์” (เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี
สมุทรปราการ) นั้น ขอมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑.
ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประสานงาน วางแผน
และปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือ ดูแล
และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ๒.
การจัดเตรียมรถสาธารณะให้เพียงพอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง
โดยต้องกำชับให้พนักงานขับรถปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ
และวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมีการหยุดพักรถตามช่วงเวลาที่กำหนดและพนักงานขับรถได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย ๓.
การบริหารจัดการการจราจร ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับตำรวจทางหลวง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเส้นทางการเดินรถและระบายการจราจรให้มีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับสภาพการจราจรจริงในแต่ละพื้นที่และในแต่ละช่วงเวลา
โดยให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสารการจราจรให้ประชาชนผู้สัญจรได้ทราบอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย ๔.
การรณรงค์ “ห้ามดื่มแล้วขับ” ให้กระทรวงมหาดไทย (ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน)
ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิดอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ
รวมทั้งการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุอย่างทันท่วงทีด้วย
๕. การอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดกิจกรรม
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานสงกรานต์หรือจัดกิจกรรมอื่นในจุดต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของจุดเล่นน้ำ สถานที่ท่องเที่ยว
รวมถึงบ้านเรือนของประชาชน ทั้งนี้
ให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายผ่านสายด่วน ๑๙๑ ตลอด
๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2689 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 8 | คค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองไหโขว่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยผ่านระบบประชุมทางไกล โดยการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ มีผลลัพธ์การประชุม เช่น ให้ขยายระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ของการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ
“ระยะแรก” ออกไปอีก ๓ ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๙
เพื่อให้ประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงสามารถกลับมาเดินรถระหว่างประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
“ระยะแรก” อีกครั้ง ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการขนส่งระหว่างประเทศได้ตั้งแต่วันที่
๑ เมษายน ๒๕๖๗
โดยรวมถึงเส้นทางและจุดผ่านแดนที่เพิ่มเติมไว้ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม
ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง GMS CBTA ให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการขนส่ง
ในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗
เพื่อหารือเกี่ยวกับเส้นทางและจุดผ่านแดนเพิ่มเติมภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง GMS
CBTA เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2690 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 พ.ศ. .... | มท. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร
พุทธศักราช ๒๔๗๙ พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙
เนื่องจากมีการบังคับใช้มานาน ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับบริเวณพื้นที่ตามกฎกระทรวงดังกล่าวมีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสมุทรปราการ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินไว้แล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2691 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖) ให้ดำเนินการภายในวันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากเดิมภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรพิจารณาให้ผู้ประสงค์ยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2692 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ามีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนและนักศึกษา
จึงขอมอบหมายการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้ ๑.
มาตรการด้านการปราบปราม ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม
จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค
และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
รวมทั้งให้ดำเนินมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างเคร่งครัดด้วย
๒.
มาตรการด้านการป้องกัน ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการเข้าถึงและใช้บุหรี่ไฟฟ้า
เช่น การเผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้า
การสร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ
รวมถึงการตรวจตราที่เข้มงวดเกี่ยวกับการมี การใช้
และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาทุกระดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2693 | มาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
มอบหมายการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
ที่เกิดจากการเผา
และได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนขึ้น
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานกรรมการ
รวมทั้งได้อนุมัติงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ส่งผลให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พบว่าในหลายพื้นที่ยังมีการเผาและมีฝุ่นละออง
PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานมาก
และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผา
และเร่งดำเนินมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ๑.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยทหารในพื้นที่ระดมกำลังในการลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา
และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเครื่องมือในการดับไฟ รวมทั้งให้จับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้จังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการจัดชุดปฏิบัติการเฝ้าระวัง
ลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา (ตามข้อ ๑) อย่างเคร่งครัด ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแล กวดขัน
และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้จับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่ทำการเกษตรด้วย ๔. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และพิจารณาใช้มาตรการการปฏิบัติงานนอกที่ตั้งของส่วนราชการ
(Work From Home) ตามความจำเป็นเหมาะสม ๕.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง
ๆ จากภาครัฐของเกษตรกร
หากตรวจพบว่าเกษตรกรดังกล่าวดำเนินการเผาในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเอง ๖.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า
หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยเร่งด่วน และให้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น
กองทัพบก กองทัพอากาศ
ในการจัดหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าให้เพียงพอด้วย ๗.
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดเคลื่อนที่และหน่วยปฏิบัติการเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง
ทันท่วงที รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะเยาวชนและผู้สูงอายุ ๘.
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้แก่จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤตปี ๒๕๖๗
ตามขั้นตอน ความเหมาะสม และความจำเป็นเร่งด่วน ๙.
ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการร่วมมือและเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีการเผาอยู่มาก
เช่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เพื่อให้ช่วยกวดขันปราบปรามการเผาในพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการติดต่อระหว่างกันในการแจ้งจุดที่มีการเผาเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2694 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในส่วนของร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐ
หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ
การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
พ.ศ. .... ที่มีการตัดข้อความ “การขึ้นบัญชีมีอายุ ๓ ปี” ในหมายเหตุ
ในบัญชีแนบร่างประกาศฯ
หากแต่การตัดข้อความก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐหรือผู้เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
กรมปศุสัตว์ ก็ควรอนุมัติในหลักการร่างประกาศทั้ง ๒ ฉบับ และในการพิจารณากำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดกระทรวงสาธารณสุขควรถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ โดยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินการของรัฐ
ภาระที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และปัจจัยอื่น ๆ ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2695 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2567) | พณ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๘ หน่วยงาน จำนวน
๒๑๒ โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น (๑) แผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๔๙ โครงการ (๒) แผนปฏิบัติการด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘
โครงการ และ (๓) แผนปฏิบัติการด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์จำนวน ๑๕ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๐.๐๙ ล้านบาท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
และยุทธศาสตร์ของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2696 | การตรวจสอบการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียม | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากกรณีที่มีการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียมจากสถานที่ฝังกลบในจังหวัดตากมายังพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและส่งต่อบางส่วนไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์อีก
อาจเป็นกระบวนการจัดการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นอย่างมาก
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกากสังกะสีปนแคดเมียมดังกล่าวให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
และดำเนินการขนย้ายกลับไปยังสถานที่ฝังกลบเดิมในจังหวัดตากอย่างปลอดภัย ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวขึ้น
โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบ สืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริง
ข้อบกพร่องของการดำเนินการในเรื่องนี้ในแต่ละขั้นตอน รวมทั้งกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา
และกำกับดูแลการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียมกลับไปยังสถานที่ฝังกลบเดิมในจังหวัดตาก
และให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม
และมีเอกภาพ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้มีหน้าที่ชี้แจงข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ แก่สาธารณชนตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2697 | การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานสากล | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานว่า
คุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศเท่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Roundtable on Sustainable Palm Oil : RSPO) จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานการผลิตที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ออกใบรับรองคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทย
รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มเติม
เพื่อแสวงหาลู่ทางการเพิ่มมูลค่าทางการค้าของปาล์มน้ำมันให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2698 | การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำประปา | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ประเทศไทยกำลังเปิดรับการลงทุนและการท่องเที่ยวให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
แต่ปัญหาขาดแคลนน้ำประปาสำหรับอุปโภคบริโภคยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่สำคัญของจังหวัดต่าง
ๆ เช่น จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ลำพูน อุดรธานี ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนแผนปฏิบัติการประจำปีในการผลิตน้ำประปาและพัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคให้เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน
๓ เดือน และให้ขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่ที่ยังขาดแคลนน้ำของจังหวัดอื่น ๆ
ให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย
รวมทั้งให้ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำแนวทางการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
(Public
Private Partnership : PPP) มาใช้ในการดำเนินงานเรื่องดังกล่าวข้างต้นเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณให้การสนับสนุนการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินงานของการประปาส่วนภูมิภาคดังกล่าวข้างต้นบรรลุผลโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2699 | ข้อเสนอแนะแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในการบริหารจัดการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต | ปช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในการบริหารจัดการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2700 | การตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า)
เร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้เกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่
(Cruise Terminal) ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๖๗
โดยให้ดำเนินการให้ครอบคลุมถึงเรื่องท่าจอดเรือมาริน่า (Marina) และการก่อสร้างอาคาร (Terminal) รองรับเครื่องบินน้ำ
(Sea plane) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเปิดร้านค้าปลอดภาษี
(Duty free) ที่เกาะสมุย
โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีของอำเภอเกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายรันเวย์
ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาคเร่งดำเนินการก่อสร้างท่อส่งน้ำประปาในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ให้นำกระบวนการผลิตน้ำแบบ Reverse Osmosis มาใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำประปาด้วย ๕.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้เป็นจังหวัดน่าอยู่น่าท่องเที่ยว
รวมทั้งให้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้พร้อมต่อการขยายตัวของเมือง
|