รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
A
A
A
รูปแบบการแสดงผล |
C
C
C
ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
กรุณาป้อนคำค้นหา
วันที่มีมติ
Start date:
End date:
ถึง
เลขที่หนังสือ/ปี
ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
กรมการปกครอง ( ปค )
กรมประชาสัมพันธ์ ( กปส )
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( สถ )
กรรมการ ( กรรมการ )
กระทรวง/ทบวง/กรม ( เวียน )
กระทรวงกลาโหม ( กห )
กระทรวงกลาโหม ( กห(เก่า) )
กระทรวงการคลัง ( กค )
กระทรวงการคลัง ( กค(เก่า) )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต )
กระทรวงการต่างประเทศ ( กต(เก่า) )
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ( กก )
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม )
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ( อว )
กระทรวงคมนาคม ( คค )
กระทรวงคมนาคม ( คค(เก่า) )
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( ดศ )
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส )
กระทรวงพลังงาน ( พน )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ )
กระทรวงพาณิชย์ ( พณ(เก่า) )
กระทรวงมหาดไทย ( มท )
กระทรวงมหาดไทย ( มท(เก่า) )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ )
กระทรวงยุติธรรม ( ยธ(เก่า) )
กระทรวงวัฒนธรรม ( วธ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ( วท )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ( วว. )
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ( วทพ )
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( วท )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ )
กระทรวงศึกษาธิการ ( ศธ(เก่า) )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ )
กระทรวงสาธารณสุข ( สธ(เก่า) )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก )
กระทรวงอุตสาหกรรม ( อก(เก่า) )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ )
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( กษ(เก่า) )
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ทก )
กระทรวงแรงงาน ( รง )
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ( รส )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กรุงเทพมหานคร ( กทม )
กลุ่มงานดูแลและพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ( กพน. )
กลุ่มงานเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ( กคอ )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค )
กองการประชุมคณะรัฐมนตรี ( กปค. )
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ( กสศ )
กองนิติธรรม ( กนธ )
กองบริหารงานสารสนเทศ ( กบส )
กองพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( กพต )
กองวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( กวค )
กองส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( กสค )
กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( กอค )
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน. )
การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท )
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท )
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ( กทพ )
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ )
การประปานครหลวง ( กปน )
การประปาส่วนภูมิภาค ( กปภ )
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ( ปตท )
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ( รฟม )
การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท )
การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน )
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( กฟผ )
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ )
คณะกรรมการ ( คกก )
คณะกรรมการ กปนร. ( กปนร. )
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( ลต )
คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ( กนร )
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ( คปร )
คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ( คชช )
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ( กนศ )
คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก )
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ( ปสส )
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ ( คปป. )
คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ( กงช )
คณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ( ปปร )
คณะกรรมาธิการ ( คกธ )
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ( ปข )
ทบวงมหาวิทยาลัย ( ทม )
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส )
ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท )
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ( บสท )
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( บอย )
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ( กบท )
บริษัท การปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ( ปตท )
บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ( บทม )
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ( นร61 )
บัณฑิต ( นิด้า )
ปธ.คกก.นโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น ( ปธคกก.ถั่ว )
ปธ.คกก.นโยบายป่าไม้แห่งชาติ ( ปธ.คกก.ป่า )
ปธ.คกก.นโยบายยางธรรมชาติ ( ปธ.คกก.ยาง )
ประธาน ( ปธ )
ประธานสมัชชาผู้ขับรถแท็กซี่แห่งประเทศไทย ( ส.ผท.ท. )
ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (คสช.) ( กก.คสช. )
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ( มข )
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( มธ )
มหาวิทยาลัยนเรศวร ( มน )
มหาวิทยาลัยบูรพา ( มบ )
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ( มร )
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ )
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ( มก )
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ( มช )
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ( มทส )
รอง นรม ( รอง นรม )
ราชบัณฑิตยสถาน ( รถ )
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ( รจภ. )
ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ( ศปมผ. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ( ศมส. )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอบต )
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( นร52 )
ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( นร54 )
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ( สคช )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ )
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ( บจธ. )
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า )
สถาบันพระปกเกล้า ( พป )
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส. )
สนง.คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( กลต )
สภากาชาดไทย ( กช )
สภาสถาปนิก ( สภส )
สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ( สขช )
สำนักงบประมาณ ( สงป )
สำนักงาน ป.ย.ป. ( นร15 )
สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดถัยและสร้างสรรค์ ( พปส. )
สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ( กฟก )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( นร62 )
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส. )
สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ( สทบ. )
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง )
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ( กพท. )
สำนักงานคกก.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปช )
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ( สคก )
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ( สกศ )
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต )
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ( สขค )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช )
สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( ทช )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( ก.ค.ศ. )
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( กพ )
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ )
สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( สจร )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( สพช )
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( นร63 )
สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการ ( ปรร )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท. )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ปปท )
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ปปส )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ( กพร )
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช )
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กร )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ( วช )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( นร13 )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( สกท )
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ( สกสค. )
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( สม )
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ( สช )
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย )
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( ตผ )
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตช )
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( นร14 )
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ( ทก. )
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ( สนค )
สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน(องค์การมหาชน) ( สปท )
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) ( สบร )
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ( สปศ )
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( สป.กห )
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( สป.ดท )
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปง )
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ( ผผ )
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ( ผร )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ. )
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( พศ )
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ( สพค. )
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ( สมศ )
สำนักงานศาลปกครอง ( ศป )
สำนักงานศาลยุติธรรม ( ศย )
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ( ศร )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( นร53 )
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ( สวส. )
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ( สอซช. )
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ( สศส03 )
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช )
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สสป )
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( นร.11 )
สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ( สกช. )
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. )
สำนักงานอัยการสูงสุด ( อส )
สำนักงานเลขาธิการ ( สลธ )
สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช )
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ( สภ )
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ( สว )
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ( สผ )
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ( สศอ )
สำนักนายกรัฐมนตรี ( นร )
สำนักนิติธรรม ( สนธ )
สำนักบริหารกลาง ( สบก )
สำนักบริหารงานสารสนเทศ ( สบส )
สำนักพระราชวัง ( พว )
สำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษ ( สพต )
สำนักราชเลขาธิการ ( รล )
สำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ( สวค )
สำนักส่งเสริมและประสานงานคณะรัฐมนตรี ( สปค )
สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( สอค )
สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( สลธ.คสช. )
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ( สลค )
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ( สลน )
สำนักโฆษก ( สน.ฆ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( สกพอ )
สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ+ส )
หน่วยงานอื่น ๆ ( อื่นๆ )
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ( ส.ส.ท )
องค์การคลังสินค้า ( อคส )
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ( อตก )
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ( อพท )
องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ. )
องค์การบริหารส่วนตำนล ( อบต. )
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ( รสพ. )
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ( อสค )
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ( อสมท )
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ( ปรส )
เนคเทค ( เนคเทค )
เวียนรัฐมนตรี ( ว(ร) )
ค้นหา
ล้างคำค้น
คู่มือการใช้งาน
หน้าที่ 91 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1801 - 1820 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ
ชื่อเรื่อง
ส่วนราชการ
เจ้าของเรื่อง
วันที่มีมติ
1801
ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือนกุมภาพันธ์ 2546
ทก
22/04/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สำนักงานสถิติแห่งชาติ)
รายงานผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือนกุมภาพันธ์ 2546 สรุปได้ว่า เดือนกุมภาพันธ์ มีผู้อยู่ใน
กำลังแรงงานประมาณ 33.96 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 53.2 ของประชากร โดยแยกเป็น ผู้มีงานทำ 32.81 ล้านคน
ผู้ว่างงาน 7.8 แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล 3.7 แสนคน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ผู้มีงานทำ
เพิ่มขึ้นประมาณ 9.4 แสนคน เพิ่มขึ้นจาก 11.70 ล้านคน เป็น 11.79 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นทั้งในภาคเกษตรกรรม
ประมาณ 9 หมื่นคน และนอกภาคเกษตรกรรมประมาณ 8.5 แสนคน ซึ่งในส่วนของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม
ที่เพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาตามสาขาอุตสาหกรรมที่สำคัญต่าง ๆ พบว่า สาขาการผลิตเพิ่มมากที่สุดประมาณ 3.9 แสน
คน รองลงมาเป็นสาขาการขายส่งขายปลีก ซ่อมแซมยานพาหนะและของใช้ส่วนบุคคลและครัวเรือนประมาณ 1.8
แสนคน สาขาโรงแรมและภัตตาคารประมาณ 1.5 แสนคน สาขาการก่อสร้างประมาณ 9 หมื่นคน สาขาการขน
ส่ง ฯ ประมาณ 2 หมื่นคน และที่เหลือเป็นสาขาอื่น ๆ สำหรับการว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เทียบกับ
ช่วงเวลาเดียวกันของปี พ.ศ. 2545 มีจำนวนผู้ว่างงานลดลงประมาณ 1.5 แสนคน คือลดลงจาก 9.3 แสนคน เหลือ
7.8 แสนคน หรือลดลงจากอัตราร้อยละ 2.8 เหลือร้อยละ 2.3
1802
ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชะลอหรือระงับเดินทางไปประเทศ/เมืองที่เป็นเขตระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง
นร
01/04/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในขณะนี้โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง
(Severe Acute Respiratory Syndrome : SARS) ระบาดรุนแรงอยู่ในหลายประเทศในภูมิภาค ซึ่งยังไม่มีข้อมูล
เกี่ยวกับสาเหตุและการติดต่อของโรคที่ชัดเจน และยังไม่มียาที่ใช้รักษาเฉพาะโรค หากจะให้ประชาชนเดินทางไป
ยังประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ได้ดังเช่นปกติ ย่อมทำให้เกิดภาวะเสี่ยงสูงในการติดโรคหรือเป็นพาหะนำโรค
นี้เข้ามาแพร่กระจายในประเทศได้ จึงเห็นควรให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชะลอหรือระงับการเดินทางไป
ยังประเทศ/เมืองที่เป็นพื้นที่เขตติดโรคดังกล่าวตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข รวม 5 แห่ง ได้แก่สาธารณรัฐ
ประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไต้หวัน สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ไว้
ก่อนจนกว่าสถานการณ์ระบาดของโรคนี้จะยุติลง ทั้งนี้ ในส่วนของภาคเอกชน ขอให้กระทรวงสาธารณสุข และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานขอความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนและประชาชนถือปฏิบัติให้เป็นไป
ในแนวเดียวกันด้วย รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความสะดวกแก่ภาคเอกชนและประชาชน ซึ่งขอ
เลื่อนหรือระงับการเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวด้วย
1803
เรื่องทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 เรื่อง ให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ระงับการเดินทางไปต่างประเทศ
นร
01/04/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ) รักษา
ราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเรื่องทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2546 ที่กำหนด
ให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ระงับการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมี
ผลให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปราชการในต่างประเทศนอกภูมิ
ภาคเอเชียต้องขออนุมัติยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีทุกครั้ง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระและลดเรื่องที่จะต้องเสนอคณะ
รัฐมนตรี และเพื่อให้เกิดความคล่องตัว จึงเห็นควรปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นดังนี้ "... ให้รัฐมนตรี หัว
หน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ชะลอหรือระงับการเดินทางไปต่างประเทศไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2546
เป็นต้นไป จนกว่าวิกฤติการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและอิรักจะมีความชัดเจนและกลับสู่ภาวะ
ปกติ สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย หากมีความจำเป็นและไม่ใช้ระยะเวลายาวนาน ก็ผ่อน
ผันให้เดินทางไปได้ ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศนอกภูมิภาคเอเชีย หากมีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปใน
ช่วงเวลาที่ยังมีวิกฤติการณ์ดังกล่าวก็ให้รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหาร
ราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีของส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น ๆ หรือนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วแต่กรณี"
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (102/2546)
1804
ตัวเลขการประมาณการทางเศรษฐกิจ
นร
18/03/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง ตัวเลขการประมาณการทาง
เศรษฐกิจ สรุปได้ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการขยายตัวของผลิต
ภัณฑ์มวลรวมในประเทศเป็นประมาณร้อยละ 6 เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการและแนวทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
เป็นระยะ ๆ การตั้งเป้าหมายดังกล่าว ก็เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความมุ่งมั่นและใช้ความพยายามดำเนินการในส่วนที่
เกี่ยวข้องให้เต็มที่ แม้จะมีภาวะสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิรักที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดสภาวะชะงักงันทาง
เศรษฐกิจบ้างก็ตาม แต่ประเทศไทยยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถเกื้อหนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหลาย
ประการ เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ การขยายตัวของภาคเกษตร การก่อสร้าง และการใช้จ่ายภายใน
ประเทศ เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายที่กำหนดไว้น่าจะมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ
ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่าสูงสุดมากกว่าทุก
ปีที่ผ่านมา จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดและติดตามการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี
พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดให้มีความรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล เพื่อ
เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายสาธารณะให้มากขึ้นอันจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งให้กวดขันดูแลการ
ปฏิบัติราชการของส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ภาคเอกชนและประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็ว
จากการรับบริการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้การขับเคลื่อนของภาคเอกชนและประชาชนเป็นผลดีต่อ
เศรษฐกิจของประเทศต่อไป
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (80/2546)
1805
การติดตามดูแลผลกระทบจากปัญหาสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิรัก
นร
18/03/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการติดตามดูแลผลกระทบจากปัญหาสงคราม
ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิรัก เนื่องจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศ
ให้เวลาประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน และครอบครัวลี้ภัยออกจากประเทศอิรักภายในเวลา 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่วัน
อังคารที่ 18 มีนาคม 2546 หากเลยกำหนดเวลาแล้ว สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรจะส่งกำลังทหารโจมตีประเทศ
อิรักเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีซัดดัมออกจากตำแหน่งต่อไป จึงมีความชัดเจนว่าสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิรัก
จะต้องเกิดขึ้น ผลจากสงครามจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาการก่อการร้ายอาจขยายตัวลุกลามไป
ทั่วโลก และปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน ในส่วนของประเทศไทยได้เตรียมการดำเนินการด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับ
สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องติด
ตามสถานการณ์และผลกระทบต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นและดำรงไว้ซึ่งความ
เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป
1806
ให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ระงับการเดินทางไปต่างประเทศ
นร
11/03/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
ระงับการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากวิกฤติการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและอิรักมีแนว
โน้มว่าอาจนำไปสู่การเกิดสงครามระหว่างกันในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในหลาย ๆ ด้านและ
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ตลอดจนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเกี่ยวพันกับภารกิจของส่วนราช
การและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ จึงขอให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ชะลอหรือระงับการเดินทาง
ไปต่างประเทศซึ่งตั้งอยู่นอกภูมิภาคเอเชียไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2546 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์
ดังกล่าวจะมีความชัดเจนและกลับสู่ภาวะปกติ สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย หากมีความ
จำเป็นและไม่ใช้ระยะเวลายาวนาน ก็ผ่อนผันให้เดินทางไปได้ ทั้งนี้ การเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจนอกเหนือจากแนวทางข้างต้น ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลยพินิจพิจารณาตามอำนาจหน้าที่
โดยยึดหลักความจำเป็นเหมาะสมของข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (70/2546)
1807
การดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
รง
04/03/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัย ซึ่งเป็นการรายงานสรุปผลการดำเนินงานทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 ถึงวันที่ 31 มกราคม
2546 โดยข้อมูลของศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาด
ไทย ณ วันที่ 20 มกราคม 2546 ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัด
นครศรีธรรมราช มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,325,053 ครัวเรือน 4,888,979 คน เสียชีวิต 216 คน พื้น
ที่การเกษตร สถานที่ราชการ รวมทั้งสิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 13,233
ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเริ่มดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2545 เป็นต้นมา ในพื้นที่ 58 จังหวัด ทั้งการช่วยเหลือเฉพาะหน้าและการช่วยเหลือ
ระยะยาวภายหลังน้ำลด โดยผลการช่วยเหลือ ณ วันที่ 31 มกราคม 2546 สามารถช่วยเหลือราษฎรได้ทั้งสิ้น
558,241 คน จำแนกเป็น บรรจุงานให้มีงานทำทันที 3,568 คน จ่ายเป็นค่าอาหารสำหรับผู้เข้ารับการฝึก
อาชีพ 6.71 ล้านบาท เข้ารับบริการทางการแพทย์เคลื่อนที่ 36,198 คน และผู้ประกอบการกู้เงินเพื่อนำไป
ปรับปรุงกิจการ 1.3 ล้านบาท และจากการดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ผ่านมาของกระทรวง
แรงงาน ส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมากมายหลายประการทั้งทางตรงและทางอ้อม อนึ่ง ขณะนี้
สถานการณ์อุทกภัยได้กลับสู่ภาวะปกติ และโครงการการให้ความช่วยเหลือ ฯ ส่วนใหญ่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ถึงแม้
ยังคงมีบางจังหวัดที่มีโครงการต่อเนื่อง แต่กิจกรรมดังกล่าวจะสามารถเสร็จสิ้นทุกโครงการภายในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2546 กระทรวงแรงงานจึงขอยุติการรายงานผลการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด โดยโครง
การที่ต่อเนื่องดังกล่าวจะได้ติดตามและรายงานในระดับการรายงานปกติต่อไป
1808
ขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งชาติ
ทก
04/03/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอการปรับปรุงองค์
ประกอบของคณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้ (1) ประธานคณะกรรมการแผ่น
ดินไหวแห่งชาติ จากเดิมรัฐมนตรีว่าการหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (2) กรรมการ จากเดิมอธิบดีกรมโยธาธิการหรือผู้แทน เป็นอธิบดีกรม
โยธาธิการและผังเมืองหรือผู้แทน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติหรือผู้แทน เป็น
อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้แทน และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมหรือ
ผู้แทน เป็นเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน (3) ฝ่ายเลขานุ
การ จากเดิมผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการและเลขานุการ เป็นผู้อำนวยการ
สำนักเฝ้าระวังและเตือน สภาวะอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการและเลขานุการ หัวหน้าฝ่ายภูมิฟิสิกส์ กรม
อุตุนิยมวิทยา กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็นหัวหน้ากลุ่มแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการและผู้ช่วย
เลขานุการ
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (2911/2546)
2
ยืนยันมติ (2912/2546)
3
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.) (240/2546)
1809
สหประชาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรด้านการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNITA ในสาธารณรัฐแองโกลา
กต
18/02/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอรายงานกรณีสหประชาชาติยกเลิกมาตร
การคว่ำบาตรด้านการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ National Union for the Total Independenceof Angola
(UNITA) ในสาธารณรัฐแองโกลา สรุปคือ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้รับรองข้อมติที่ 1439 (2002)
อย่างเป็นเอกฉันท์ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2545 เป็นต้นไป ซึ่ง
สาระสำคัญของข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงมี ดังนี้ (1) ยกเลิกการใช้มาตรการตามที่ระบุไว้ในวรรคปฏิบัติการที่ 4
(a) และ 4(b) ของข้อมติคณะมนตรีฯ ที่ 1127 (1997) และ (2) ไปทบทวนมาตรการคว่ำบาตรต่อ UNITA ทั้งหมด
ตามข้อมติคณะมนตรี ฯ ที่ 864 (1993) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรด้านการจำหน่ายหรือจัดส่งน้ำมันและอาวุธ
ตามข้อมติที่ 1173 (1998) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรด้านการเงิน การติดต่ออย่างเป็นทางการ การนำเข้าเพชร
และการจำหน่ายหรือจัดส่งอุปกรณ์ในการทำเหมืองแร่ภายในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ทั้งนี้ กระทรวงการ
ต่างประเทศได้ประสานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมติความมั่นคง ฯ ที่ 1439 (2002) ยก
เลิกมาตรการคว่ำบาตรด้านการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกครอบครัวที่บรรลุนิติภาวะของ UNITA ด้วย
แล้ว
1810
คณะกรรมการฝ่ายไทยเพื่อกำกับดูแลการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
กต
11/02/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลการ
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน มีภารกิจดังนี้ (1)
ประสานเร่งรัดให้ทางการกัมพูชาชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐบาลและเอกชนไทย (2) ประสาน ร่วมมือ และติดตาม
การดำเนินการของทางการกัมพูชาในการสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดและผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่สงบในกรุง
พนมเปญ เมื่อ 29 มกราคม 2546 มาลงโทษตามกฎหมาย (3) ประสานและติดตามความคืบหน้าการดำเนิน
การของทางการกัมพูชาในการอธิบายข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้แก่ทางการไทยอย่างชัดเจน และ
(4) พิจารณาแนวทางดำเนินการต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาให้กลับคืนสู่
ภาวะปกติเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นภายใต้คณะกรรมการ ฯ รวม 3
คณะ
1811
โครงการบริหารจัดการเพื่อการจัดทำยุทธศาสตร์และปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ
นร
04/02/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มี
มติเห็นชอบและให้ดำเนินการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เสนอโครงการบริหารจัดการเพื่อการจัดทำยุทธศาสตร์และปฏิบัติการเพื่อยกระดับการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ของประเทศ ในวงเงิน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินการเป็นเวลา 2 ปี จำแนกออกเป็น ปีที่ 1 จำนวน 52
ล้านบาท และปีที่ 2 จำนวน 48 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) จัดหาและจัดจ้างที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์
เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์แก่การทำงานของสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (สพข.) สศช. และกลุ่มคณะทำงาน ในการจัด
วางทิศทางยุทธศาสตร์ให้เกิดความสมดุลทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และธุรกิจ รวมทั้งให้คำปรึกษาในการแก้
ไขปัญหาเฉพาะหน้า (2) จัดหาและจัดจ้างผู้อำนวยการบริหารโครงการสำหรับแต่ละโครงการและทีมงาน
สนับสนุนสำหรับดำเนินการพัฒนา 3 เรื่องหลักในด้านยุทธศาสตร์ภาพรวม การพัฒนาภาคการผลิตและ
บริการ และการวางรากฐานของปัจจัยสนับสนุน และ (3) จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อสร้าง
สภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยแก่การปฏิบัติงานของกลุ่มที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์ และคณะทำงานในการทำ
งานร่วมกับ สพข.
1812
กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 848 ร. เรื่อง ของบประมาณก่อสร้างเรือนจำจังหวัดที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี)
สผ
04/02/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 848 ร.
เรื่อง ของบประมาณก่อสร้างเรือนจำจังหวัดที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป
ได้ว่า (1) การของบประมาณเพื่อก่อสร้างเรือนจำจังหวัด ที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี รัฐบาลโดยกรม
ราชทัณฑ์ได้ดำเนินการติดต่อขอใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ "เนินตาขุนพล" ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล
จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 106-3-81 ไร่ ตามระเบียบการขอใช้ที่ดินในการก่อสร้างเรือนจำ ฯ เพื่อรองรับการ
จัดตั้งศาลจังหวัดชัยบาดาล ขณะนี้การขอใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และในปีงบประมาณ พ.ศ.2546 กรมราชทัณฑ์ได้ขอตั้งงบประมาณเพื่อการก่อ
สร้างเรือนจำ ฯ ไว้ในวงเงิน 400,000,000 บาท แต่เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว
รัฐบาลจึงไม่ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการก่อสร้างเรือนจำดังกล่าว (2) รัฐบาลได้กำหนดแผนการขอตั้งงบ
ประมาณการก่อสร้างเรือนจำอำเภอชัยบาดาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
ของราษฎรในท้องที่อำเภอชัยบาดาล อำเภอโคกเจริญ อำเภอท่าหลวง อำเภอสระโบสถ์ และอำเภอลำสนธิ
และหากมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการดังกล่าวแล้ว ประชาชนในพื้นที่จะสามารถเดินทางไปมาระหว่าง
ศาลจังหวัดชัยบาดาล และเรือนจำอำเภอชัยบาดาลได้โดยสะดวก
1813
รายงานผลการดำเนินงานโครงการกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน (1 เมษายน 2545 - 30 กันยายน 2545)
รง
28/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินงานโครงการกองทุนเพื่อผู้ใช้
แรงงาน ในรอบ 6 เดือน (1 เมษายน 2545 - 30 กันยายน 2545) กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ให้สหกรณ์ออม
ทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ จำนวน 1 แห่ง กู้เงินจำนวน 5,000,000 บาท มีผู้ใช้แรงงานเป็นสมาชิก จำนวน
987 คน และตั้งแต่กองทุน ฯ เริ่มดำเนินการสามารถให้สหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 40 แห่ง กู้เงินไปทั้งสิ้น
281,330,000 บาท โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 40 แห่ง สามารถชำระคืนเงินกู้ตามระยะเวลาที่กำหนดใน
สัญญาและไม่ปรากฏหนี้ค้างชำระหรือหนี้สูญแต่ประการใด แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้แรงงานมีวินัยทางการเงินหรือมี
มากขึ้น ทำให้กองทุน ฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 14,505,124.41 บาท นับแต่เริ่มดำเนิน
การ และเนื่องจากสภาวะตลาดเงินในปัจจุบันมีสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวนมาก ทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์มี
ทุนดำเนินการเป็นจำนวนมาก สามารถพึ่งตนเองได้ และสามารถให้สหกรณ์อื่น ๆ กู้เงินไปเป็นทุนดำเนินการได้
ดังนั้น สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ขอกู้เงินจากกองทุน ฯ จึงมีจำนวนไม่มาก ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะได้ดำเนินการ
ประชาสัมพันธ์กองทุน ฯ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบ รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ
ส่งเสริมให้เกิดสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นในสถานประกอบกิจการมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ใช้
แรงงานต่อไป
1814
รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สปศ
21/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษารายงานผลการติดตามและประเมินผล
การดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปก
ครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ว่า จากที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจาก
กระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการศึกษา ได้กำหนดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดทำชุด
ฝึกอบรมต้นแบบ เพื่อมอบให้หน่วยงานต้นสังกัดนำไปขยายผล พร้อมทั้งได้ติดตามและประเมินผลการดำเนิน
งานโครงการในภาพรวม พบว่า มีโครงการพัฒนาบุคลากรเข้าสู่การปฏิรูปการศึกษาที่ดำเนินการโดยหน่วย
งานต่าง ๆ จำนวนมาก โดยมีเนื้อหาของหลักสูตรการฝึกอบรมที่สอดคล้องและใกล้เคียงกับเนื้อหาของชุดฝึก
อบรมที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ พัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริหาร ครู และ
ผู้นำชุมชน ก็ยังได้รับการเตรียมความพร้อมค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ สำหรับในด้านประสิทธิ
ภาพและประสิทธิผลของชุดฝึกอบรมต้นแบบ เห็นว่า การพัฒนาชุดฝึกอบรมมีขั้นตอนของการพัฒนาชุดฝึก
อบรมค่อนข้างล่าช้า ส่งผลต่อการนำไปเผยแพร่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล ทำให้บางหน่วยงาน
ยังไม่มีการนำไปใช้หรือมีการใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยกเว้นกรณีสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น กรมการ
ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่มีการนำไปใช้อยู่ในขั้นมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิได้มีข้อเสนอแนะต่อทิศ
ทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต ได้แก่ (1) การพัฒนาโดยใช้สื่อชุดฝึกอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะของ
บุคลากรทางการศึกษาซึ่งมักมองว่าชุดฝึกอบรมจะต้องมีความสมบูรณ์ นำไปสู่การปฏิบัติได้ทันที ให้เป็นการ
มองว่าชุดฝึกอบรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (2) การพัฒนาทักษะวิธีคิดที่เป็นระบบและ
ฉันทะในการเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา และ (3) การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานข้ามกรม
กอง และภาวะความเป็นตัวตนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งภาวะในระดับนโยบายของการปฏิรูปเป็นเหตุให้ไม่
เกิดการยอมรับแนวคิดบางประการสู่การปฏิบัติ
1815
การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการตามมาตรการปรับภาคราชการในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
นร
21/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30
ธันวาคม 2540 เรื่อง แผนปฏิบัติการตามมาตรการปรับภาคราชการในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากได้
ดำเนินการไปแล้ว และซ้ำซ้อนกับแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 11 พฤษภาคม 2542
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (19/2546)
2
ตอบความเห็น (17/2546)
3
ตอบความเห็น (2/2546)
1816
สมควรยกย่องชมเชยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ
นร
14/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการสมควรยกย่องชมเชย
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุจริต นันทมนตรี โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
กระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ริเริ่มนำนโยบายการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยระบบ
หักบัญชีของนายกรัฐมนตรีที่ใช้กับต่างประเทศมาใช้กับจังหวัดศรีสะเกษอย่างได้ผลดี จนจังหวัดอื่นนำแบบอย่าง
ไปปฏิบัติ รวมทั้งการบริหารงานในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อ
การพัฒนา สามารถทำให้ประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการมีความพึงพอใจต่อการ
บริหารงาน และต่อภาวะผู้นำทั้งทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความยากจน
และปัญหาการให้บริการของรัฐ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเห็นชอบให้มีการกล่าวชมเชยอดีตผู้ว่า
ราชการจังหวัดศรีสะเกษในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนการมอบรางวัลโล่เกียรติยศให้ดำเนินการในโอกาสอื่น
เพื่อที่จะได้เผยแพร่ข่าวการยกย่องให้กำลังใจคนดีให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นแบบอย่างในการ
ปฏิบัติตนให้ดีต่อไป
1817
ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเขื่อนปากมูล ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
พน
14/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยสุ่มตัวอย่าง
จากประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในอำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร
จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งสิ้น 3,750 ราย โดยในส่วนของผลกระทบจากเขื่อนปากมูล ประชาชนส่วนใหญ่ร้อย
ละ 83 ระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 54.8 45.1 31.1 และ 30.5 ระบุว่าได้รับผลกระทบแย่ลงในเรื่อง
การประกอบอาชีพ การดำรงชีวิต/ความเป็นอยู่ ภาวะน้ำท่วมและสภาพแวดล้อม ตามลำดับ และจากการสำรวจ
ความพึงพอใจในโครงการเขื่อนปากมูล ปรากฏว่า ร้อยละ 88.1 มีความพึงพอใจในโครงการ ฯ ร้อยละ 10.2
ตอบว่าไม่พอใจ ส่วนการสำรวจความเดือดร้อนที่ได้รับจากการเปิด-ปิดเขื่อน พบว่า ประชาชนในทุกอำเภอทั้งที่
อาศัยอยู่ติดริมน้ำหรือไม่ติดริมน้ำ และในทุกกลุ่มอาชีพระบุว่า การเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ โดยการเปิด 4
เดือน (เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม) และเปิด 5 เดือน (เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน) จะเป็นกรณีที่ดีที่สุด โดย
ร้อยละ 23.9 เห็นด้วยกับการเปิดประตูระบายน้ำ 4 เดือน ในขณะที่เห็นว่าควรปิดตลอดปีร้อยละ 6.8 เปิด
ตลอดปีร้อยละ 6.6 และแล้วแต่รัฐบาลเห็นควรร้อยละ 19.1 ตามลำดับ รวมทั้งเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรี
เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดดำเนินการจัดทำคลองชลประทานส่งน้ำ
เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และ
ให้กรมประมงดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดูแล ผู้ประกอบอาชีพประมง ให้สามารถยังคงประกอบอาชีพต่อไป
ได้ โดยอาจให้ความสนับสนุนในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเครื่องมือในการทำประมงให้เหมาะสมกับการ
ทำประมงน้ำลึก ให้คำแนะนำ และความรู้ในทางวิชาการ เพื่อพัฒนาอาชีพการประมง ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลัง
งาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) สนับสนุนช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายต่าง ฯ ในการดำเนินการดังกล่าว
ของกรมประมง พร้อมทั้งการขยายพันธุ์และปล่อยพันธุ์ปลาชนิดต่าง ๆ ลงในแม่น้ำมูล เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวน
และความหลากหลายของสัตว์น้ำให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนการปลูกป่า การสงเคราะห์อาชีพ และอื่น ๆ ตามความ
จำเป็น
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (726/2546)
1818
การลดการใช้พลาสติกและโฟม (foam)
นร
14/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (foam) ซึ่ง
เป็นวัสดุที่ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ยาก หากเผาทำลายก็จะเกิดมลภาวะทางอากาศ ก่อให้เกิดปัญหาขยะตก
ค้างและปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อย่างเป็นระบบ เช่น การลดจำนวนการใช้ให้เหลือน้อยที่สุด การกำหนดวิธีนำพลาสติกและโฟมเก่ากลับมาใช้
ประโยชน์ (Recycle) อย่างเหมาะสม การรณรงค์เพื่อลดและหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกและโฟมในสถานที่ท่อง
เที่ยวต่าง ๆ การประดิษฐ์และพัฒนาวัสดุอื่นทดแทน รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนในการประกอบการต่าง ๆ
เป็นต้น จึงขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเรื่องนี้ไปร่วมประชุมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการส่ง
เสริมการลงทุน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการแก้
ไขปัญหาเรื่องนี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้เป็นรูปธรรม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
#
หน่วยงาน
ชื่อเอกสาร
1
ยืนยันมติ (1122/2546)
2
เรื่องเข้าใหม่ (สายครม.)
1819
ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้ารถยนต์ที่ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2545 (การพิจารณาทบทวนมาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์บรรทุกคนโดยสารใหม่)
พณ
14/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติ
อนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้ารถยนต์ที่ใช้
แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2545 (ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์บรรทุกคนโดยสารใหม่
สำเร็จรูป ชนิด 6 ล้อ 30 ที่นั่งขึ้นไป และควบคุมเฉพาะรถยนต์ที่ใช้แล้ว) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เกิดจากมลพิษ
ทางอากาศมากขึ้น และมลภาวะทางอากาศในเมืองใหญ่ส่วนมากจะเกิดจากไอเสียของรถยนต์หรือเครื่อง
ยนต์เก่า จึงมอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวโดยอาจสนับสนุน
ให้นำก๊าซ NGV มาใช้กับรถยนต์ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ทางหนึ่ง
1820
การจัดทำรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ปี 2544
อก
07/01/2546
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการจัดทำรายงานสถานการณ์วิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย (White Paper) ปี พ.ศ. 2544 ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาด
กลางและขนาดย่อม รายงานฉบับนี้ เป็นรายงานฉบับแรกที่สำนักงาน ฯ ได้จัดทำขึ้นตามภารกิจที่กำหนดไว้
ในพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วยสี่ส่วน
ส่วนแรกเป็นการรายงานภาวะโดยรวมและบทบาทของวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนที่
สองเป็นการอธิบายสถานการณ์ในปี พ.ศ. 2544 ของวิสาหกิจ ซึ่งประกอบด้วยภาวะการผลิต การลงทุน การ
จ้างงานและการเงิน เป็นต้น รวมทั้งการอธิบายแนวโน้มที่ผ่านมา โดยแยกรายละเอียดออกเป็นวิสาหกิจภาค
การผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ ส่วนที่สามเป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้ในส่วนแรกและส่วนที่สอง
เพื่อศึกษาถึงประเด็นที่เห็นว่ามีความสำคัญในรอบปี พ.ศ. 2544 ได้แก่ การวิเคราะห์ในเรื่องของการเงินและ
ธุรกิจชุมชน การตลาดและการส่งออก เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ
การบริหารจัดการ สำหรับส่วนที่สี่เป็นการนำเสนอการทบทวนผลการดำเนินนโยบายพัฒนาวิสาหกิจขนาด
กลางและขนาดย่อมในปี พ.ศ. 2544
.....
|<<
Previous
<
Previous
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
>
Next
>>|
Next
ค้นหามติคณะรัฐมนตรี
×
ประกาศ
ด้วยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะปิดปรับปรุงระบบค้นมติคณะรัฐมนตรี (
https://resolution.soc.go.th/
)
ในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. จึงทำให้ไม่สามารถค้นมติคณะรัฐมนตรีได้ในวัน เวลา ดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย