ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 4 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 78 จากข้อมูลทั้งหมด 78 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | การจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี 2558 - 2560 | วธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยแผนปฏิบัติการฯ เป็นแผนงานที่กำหนดรายละเอียดโครงการหรือกิจกรรมด้านวัฒนธรรมที่จะดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) เป็นข้อตกลงย่อย (arrangement) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งด้านวัฒนธรรม และเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างสองฝ่ายต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของแผนปฏิบัติการฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. กระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
62 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตสินค้าเกษตรแช่เยือกแข็ง เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตสินค้าเกษตรแช่เยือกแข็ง เป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการควบคุมการรับวัตถุดิบ การเตรียม การแช่เยือกแข็ง การเก็บรักษาและการขนส่งสินค้าเกษตรแช่เยือกแข็งประเภทเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่ สัตว์น้ำ ผักและผลไม้ เพื่อความปลอดภัยต่อประชาชนและผู้บริโภค ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
63 | ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 52 | กห | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๒ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ ณ สโมสรทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย ร่วมกับดาโต๊ะ สรี ฮิชัมมูดิน ตุน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศมาเลเซีย เป็นประธานร่วม เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการปฏิบัติงานของคณะกรรมการระดับสูงและคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานความก้าวหน้าของคณะกรรมการระดับสูง เช่น รายงานความก้าวหน้างานมอบจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ครั้งที่ ๕๑ และผลการดำเนินงาน การดำเนินงานของคณะกรรมการระดับสูง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศไทยและรัฐบาลแห่งประเทศมาเลเซีย ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน เป็นต้น ๒. งานมอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๒ เช่น ให้คณะกรรมการระดับสูงมอบงานให้คณะกรรมการทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ดำรงการวางแผนเพื่อหารือเกี่ยวกับการทบทวนความตกลงฯ อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ๓. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ ข้อเสนอของฝ่ายไทยและฝ่ายมาเลเซีย ซึ่งข้อเสนอของฝ่ายไทยคือ การเสนอให้ทั้งสองฝ่ายขยายความร่วมมือให้เกิดผลในการพัฒนา และการบริหารจัดการที่ดีร่วมกันในพื้นที่ชายแดน สำหรับการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ครั้งที่ ๕๓ จะจัดในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ที่ประเทศมาเลเซีย
|
||||||||||||||||||||||||
64 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (นางสาวคนึงนุช พิมพ์อุบล) | วท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวคนึงนุช พิมพ์อุบล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
65 | รายงานการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women - CSW) สมัยที่ 59 | พม | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women-CSW) สมัยที่ ๕๙ ระหว่างวันที่ ๙-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการตามปฏิญญาปักกิ่ง ส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามหลักการของความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย และเร่งรัดติดตามการดำเนินงานเพื่อความก้าวหน้าของสตรี รวมทั้งการให้คำแนะนำในระดับประเทศ อนุภูมิภาค ภูมิภาค และระดับโลก ในการดำเนินงานต่าง ๆ ด้านสตรี และการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย โดยบทบาทของคณะผู้แทนไทยในการประชุม CSW สมัยที่ ๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำต่อคณะผู้แทนจากนานาประเทศทั่วโลกถึงความสำคัญต่อการส่งเสริมโอกาสในการศึกษาแก่สตรี ในส่วนของการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ได้มีการทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสิทธิสตรี เช่น พระราชบัญญัติเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดโทษต่อการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศ และยังเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทยที่ให้การยอมรับต่อความหลากหลายทางเพศอีกด้วย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้ประกาศให้ทั่วโลกทราบถึงความจริงใจของประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ ตามหลักมาตรฐานสากลที่เรียกว่า 5P ได้แก่ ด้านนโยบาย ด้านการดำเนินคดี ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ ด้านการป้องกัน และด้านความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ๒. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Round Tables) ในหัวข้อ การลงทุนในเรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศ และการเสริมพลังสตรี (Investing in Gender Equality and the Empowerment of women) โดยนำเสนอความคิดเห็นต่อที่ประชุมฯ ว่าการลงทุนเพื่อความเสมอภาคระหว่างเพศ ไม่เพียงแต่เน้นที่การลงทุนในด้านการเงินอย่างเดียว แต่จะต้องรวมถึงการปรับเปลี่ยนเจตคติของสังคม ขจัดอคติที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสตรี ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้หารือในรูปแบบทวิภาคีกับ Mrs. Bundith Prathoumvanh รองประธานสหพันธ์แม่หญิงลาว ในประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็กที่ข้ามพรมแดนมาอย่างผิดกฎหมาย และได้เข้าพบหารือกับ Dr.Ing Kantha Phavi รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสตรี ราชอาณาจักรกัมพูชา ในประเด็นความร่วมมือเพื่อจัดระบบข้อมูลผู้ข้ามพรมแดนเพื่อแก้ไขปัญหาการข้ามพรมแดนมาอย่างผิดกฎหมายของชาวกัมพูชาซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มอบนโยบายให้ ดร.วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เกี่ยวกับประเด็นในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แก่ การสนับสนุนเพื่อให้ประเทศไทยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women) และการสนับสนุนผู้แทนไทยในการดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) ของสหประชาชาติ รวมทั้งสื่อสารและประสานกับนานาประเทศเพื่อชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์
|
||||||||||||||||||||||||
66 | โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการจัดสวัสดิการพื้นฐานเพื่อสร้างระบบการคุ้มครองทางสังคมและเป็นหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ รวมทั้งเป็นมาตรการจูงใจให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก นำเด็กเข้ารับบริการทางสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเป็นระบบ โดยการให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดสัญชาติไทยที่บิดา และ/หรือมารดาที่มีสัญชาติไทย เกิดระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และอยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน โดยอุดหนุนรายละ ๔๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา ๑ ปี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ควรพิจารณาให้เฉพาะผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และในกรณีที่มีการใช้งบประมาณค่าใช้จ่าย ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||
67 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ | สธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงด้านอาหาร ๒. ศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านคุณภาพอาหาร ๓. นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยด้านอาหาร ๔. รองศาสตราจารย์วิสิฐ จะวะสิต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารศึกษา ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจและการค้า ๖. นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการ ๗. นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
68 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล) | คค | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ซึ่งประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้ความเห็นชอบแล้วเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
69 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นายกอปร กฤตยากีรณ ฯลฯ) | วท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระแล้ว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกอปร กฤตยากีรณ ๒. นายดำริ สุโขธนัง ๓. นายเขมทัต สุคนธสิงห์ ๔. นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ ๕. นายผณิศวร ชำนาญเวช
|
||||||||||||||||||||||||
70 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (จำนวน 5 คน 1. พลโท ชาญชัย ภู่ทอง ฯลฯ) | นร01 | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. แต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน จำนวน ๕ คน ประกอบด้วย ๑.๑ พลโท ชาญชัย ภู่ทอง ประธานกรรมการ ๑.๒ นายประยงค์ ดอกลำใย กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๑.๓ นายสุบิน จันทะคัด กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๑.๔ ผู้ช่วยศาสตราจารย์อิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตติ มงคลชัยอรัญญา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๗๐/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการผู้แทนองค์กรชุมชนในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เนื่องจากหมดภารกิจ
|
||||||||||||||||||||||||
71 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูต ระดับสูง) (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายวิชัย วราศิริกุล และ นายชาคร สุชีวะ) | กต | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิชัย วราศิริกุล เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ต่อไปอีก ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘) ๒. การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายชาคร สุชีวะ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส ต่อไปอีก ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘)
|
||||||||||||||||||||||||
72 | โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย ๓ โครงการย่อย ได้แก่ ๑.๑ โครงการปลดเปลื้องหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีศักยภาพหรือมีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ประมาณ ๒๘,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการปรับโครงสร้างหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพต่ำที่ผ่านการประเมินศักยภาพแล้วปรากฏว่ายังมีความสามารถในการประกอบอาชีพแต่มีปัญหาในการชำระหนี้จากเหตุสุจริตจำเป็นและเป็นภาระหนัก ประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๔๘,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงการขยายเวลาชำระหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ แต่ได้รับผลกระทบจากการงดทำนาปรัง และราคายางพาราตกต่ำ ประมาณ ๔๕๐,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๖๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยใช้ข้อมูลลูกหนี้ที่ ธ.ก.ส. สำรวจ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๓. งบประมาณโครงการ ธ.ก.ส. รับผิดชอบงบประมาณและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
73 | โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรให้เชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ และความสมัครใจของเกษตรกร ปรับระบบส่งเสริมการผลิตให้เกิดการพัฒนาในเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ และเพื่อเพิ่มศักยภาพสหกรณ์ในการดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยปรับปรุงและสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการเกษตรที่จำเป็น (ยุ้ง ฉาง เครื่องมือการเกษตร) และการพัฒนาศักยภาพผู้นำสหกรณ์ในเชิงธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้สหกรณ์เป็นผู้ค้าขายสินค้าเกษตรรายใหญ่อีกรายหนึ่ง โดยการสนับสนุนให้สหกรณ์ของกลุ่มเกษตรกรสมาชิกผู้ผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มบทบาทในฐานะผู้ซื้อผลิตผลจนถึงการแปรรูปและการส่งออกได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาก่อนดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกี่ยวกับการวางแผนด้านการตลาดรองรับให้สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันมีเสถียรภาพและไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ การให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิตโดยวิเคราะห์ดินและใบปาล์มน้ำมันมาประกอบการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีภาระดอกเบี้ยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงของโครงการเพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการเพื่อสร้างความเข้มแข้งและความยั่งยืนในการพัฒนาระบบปาล์มน้ำมัน รวมทั้งการเลือกพื้นที่ดำเนินการโดยพิจารณาศักยภาพของแหล่งน้ำต้นทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
74 | ขอเสนอโครงการตามแผนการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าประมง | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับโครงสร้างประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจร จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลอย่างครบวงจร โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งผลิตหอยแครง และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปลานิลแบบครบวงจร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการขยายพื้นที่ดำเนินโครงการให้ครอบคลุมเพื่อให้ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน และยังเป็นการลดความเสี่ยงด้านวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย รวมทั้งควรเร่งประสานภาคเอกชนและตลาดรับซื้อสินค้าประมงต่าง ๆ เพื่อให้รับทราบและร่วมวางแผนการตลาดเพื่อเชื่อมโยงช่องทางการตลาดของสินค้าประมงทั้งภายในและภายนอกไว้ล่วงหน้า และส่งเสริมให้เกิดการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและมีช่องทางการตลาดที่เหมาะสม ตลอดจนการสนับสนุนองค์ความรู้และประสบการณ์ทั้งในด้านการผลิต การตลาด การจัดการและดำเนินธุรกิจสินค้าประมงให้กับสถาบันเกษตรกรอย่างเข้มข้นเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและเป็นต้นแบบในการขยายผลระยะต่อไป และควรสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงกับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ในทุกระดับ โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนในด้านวิชาการและการพัฒนาต่อยอด มีการติดตามดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามระบบมาตรฐานที่มีอยู่ นอกจากนี้ ควรมีการศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณถัดไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กรมประมงพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้จัดสรรไว้มาดำเนินการตามภารกิจและตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ หากไม่เพียงพอ ให้กรมประมงพิจารณาดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติมและเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐมาดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วนและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กรมประมงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
75 | การปรับโครงสร้างการผลิตและความมั่นคงทางอาหารด้านการปศุสัตว์ | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับโครงสร้างการผลิตและความมั่นคงทางอาหารด้านการปศุสัตว์ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตกระบือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโค และโครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมือง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้กู้ประเภทกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ นิติบุคคล ควรมีความชัดเจนด้านการบริหารจัดการเงินกู้ประเภทกลุ่มที่ชัดเจน และควรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตกระบือให้กับผู้เข้าร่วมโครงการรับทราบวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งควรมีแนวทางในการสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่อนุรักษ์กระบือ เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือวิถีพื้นบ้าน และการใช้มูลกระบือในการสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น ส่วนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโค ควรสนับสนุนให้เกษตรกรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการฟาร์มให้มีมาตรฐานทั้งระบบ และติดตามปริมาณและคุณภาพน้ำนมดิบของโครีดนมหลังจากส่งคืนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมือง ควรสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกรเพื่อต่อยอดในการดำเนินธุรกิจต่อไป และควรคำนึงถึงผลผลิตไก่พื้นเมืองที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาของเนื้อสัตว์ประเภทอื่น โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่ออกสู่ตลาดในปริมาณมาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ส่วนงบประมาณในปีงบประมาณต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
76 | ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ แบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม คือ ๑.๑ กรณีโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จ ๑.๒ กรณีประสบภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ ๑.๓ ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ๑.๔ หนี้ขาดอายุความ ๑.๕ หนี้ค้างชำระเป็นระยะเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีขึ้นไป ๑.๖ หนี้ที่ไม่สามารถติดตามทรัพย์เพื่อดำเนินการบังคับคดีได้ ๑.๗ เกษตรกรผู้ยืมเงินเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบ หรือละทิ้งถิ่นที่อยู่ ๑.๘ เกษตรกรผู้กู้ยืมเงินพิการ ทุพพลภาพ วิกลจริต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ๑.๙ ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อยหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ๑.๑๐ หนี้สินของเกษตรกรผู้กู้ยืมเงินมาจำนวนต้นเงินกู้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจากการดำเนินการฟ้องร้องจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดหนี้ต้นเงินคงค้างไว้ในจำนวนที่เท่ากัน คือ ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และกำหนดให้กองทุนหรือเงินทุนภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ข้อมูลหนี้คงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นกรอบในการสำรวจลูกหนี้เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับสิทธิในการพิจารณาจำหน่ายหนี้เป็นสูญตามหลักเกณฑ์ของโครงการ รวมทั้งให้คงอำนาจการจำหน่ายหนี้เป็นสูญของกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีหรือกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุนหรือเงินทุนเร่งจัดทำแผนปรับปรุง/พัฒนาการดำเนินงานระยะเวลา ๓ ปี ของทุนหมุนเวียนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง และพันธุ์สัตว์น้ำอื่น ๆ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย เงินทุนหมุนเวียนยางพารา เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตเชื้อไรโซเบียม เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช และกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||
77 | โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 ของกระทรวง วัฒนธรรม | วธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งประกอบด้วย โครงการและกิจกรรมในมิติของศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม และการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ด้านศาสนา ได้แก่ ๑.๑ โครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ สามเณร และบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๑.๒ โครงการเทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๒. ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ ๒.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒.๒ โครงการนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒.๓ โครงการจิตรกรรมเฉลิมพระเกียรติพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓. ด้านดนตรี วรรณศิลป์ และนาฏศิลป์ ได้แก่ ๓.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับการดนตรี ๓.๒ โครงการแสดงดนตรีไทยโดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓.๓ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ๔. ด้านการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่ ๔.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐประชาชนจีน ๔.๒ โครงการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง The 2nd International Conference Study of Oriental Lacquer initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom ๔.๓ โครงการประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง วัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
||||||||||||||||||||||||
78 | การดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล | สลธ.คสช. | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงานผลการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสนับสนุนการดับไฟป่าและป้องกันหมอกควัน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๓ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ๙ จังหวัด ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของการเกิดหมอกควัน โดยมีผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) การให้ประชาชนหยุดเผา โดยใช้มาตรการทางกฎหมายและการประชาคม การควบคุมโดยการลงทะเบียนก่อนเข้าพื้นที่ป่า และการร่วมกันดับไฟในพื้นที่รอบหมู่บ้าน (๒) การปฏิบัติทางอากาศ โดยใช้ค่า Hotspot จากดาวเทียม มากำหนดพื้นที่ปฏิบัติการ โดยใช้อากาศยานลาดตระเวนเข้าพื้นที่ป่าภูเขาเพื่อตรวจค้นจุดที่เกิดไฟไหม้ แล้วใช้ชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควันเข้าทำการลาดตระเวนและดับไฟ รวมทั้งใช้อากาศยานทั้งจากกองทัพบก กองทัพอากาศ และได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ “ชีนุก” จากประเทศสิงคโปร์ ในการควบคุมไฟป่า และ (๓) การทำฝนหลวง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๓ ได้ทำการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีความเร่งด่วนในการทำฝนหลวงเป็นประจำทุกวัน สำหรับค่าฝุ่นละอองในบรรยากาศ และค่าคุณภาพอากาศ สถานการณ์ล่าสุดลดลงมากและเข้าสู่ระดับที่ไม่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน แต่ในบางพื้นที่ยังคงอยู่ในระดับที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน ๒. โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ตำบลต่าง ๆ ที่เสนอโครงการผ่านการพิจารณาระดับตำบลครบทั้ง ๓,๐๕๑ ตำบล คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และตำบลที่เสนอโครงการผ่านการพิจารณาระดับกระทรวง จำนวน ๗๒๘ ตำบล คิดเป็นร้อยละ ๒๓.๘๖ โดยมีจังหวัดที่ดำเนินโครงการผ่านการพิจารณาระดับกระทรวงครบทั้งจังหวัด จำนวน ๑๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัด กระบี่ กำแพงเพชร จันทบุรี เชียงราย นครศรีธรรมราช น่าน พะเยา พิจิตร ลำพูน ตาก สตูล อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ ๓. โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สนับสนุนองค์การสวนยางในการขนย้ายยางลูกขุนเพื่อระบายสต็อก จำนวน ๒๑,๔๗๙ ตัน จากโรงงานยาง ๒๑ แห่ง ในพื้นที่ภาคใต้ไปยังโกดังกลางในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๔ ได้อำนวยการ ประสานงาน และสนับสนุนการขนย้าย รวมทั้งเจรจากับผู้ประกอบการขนส่งให้รับดำเนินการ โดยองค์การสวนยางทำสัญญาจ้างเหมารถบรรทุกเอกชนจากสมาคม Logistic ภาคใต้ในการขนย้าย และเริ่มขนย้ายในวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ กำหนดแล้วเสร็จภายใน ๓๖ วัน ๔. การแก้ปัญหาภัยแล้ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๑-๔ ได้สนับสนุนส่วนราชการและแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ ๕๓ จังหวัด โดยได้แจกจ่ายน้ำไปแล้วทั้งสิ้น ๑๓,๕๖๓,๒๐๐ ลิตร ๕. กิจกรรมสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน การจัดตลาดนัดข้าวเปลือกและตลาดนัดทางการเกษตร การสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยแล้งตามนโยบายรัฐบาล การสร้างฝายชะลอน้ำ การแก้ไขปัญหาความยากจนโดยใช้โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ การสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ในโครงการธงฟ้า การซ่อมแซมบ้านของประชาชนที่ประสบวาตภัย เป็นต้น
|
.....