ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 28 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 541 - 560 จากข้อมูลทั้งหมด 3515 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 541 | การเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) | สธ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ขอรับการตรวจลงตรา กรณีใช้ชีวิตบั้นปลาย ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี Non-Immigrant Visa รหัส O-A ให้มีการประกันสุขภาพของไทยคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่พำนักในราชอาณาจักร โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับค่ารักษาพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ บาท กรณีผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยซื้อกรมธรรม์แบบออนไลน์ผ่าน www.longstay.tgia.org สำหรบผู้ซื้อประกันสุขภาพของบริษัทต่างประเทศจะต้องมีจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่าการทำประกันสุขภาพของไทยตามที่กำหนดด้วยเช่นกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางการติดตามและประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และควรพิจารณาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับหลักเกณฑ์กรณีที่สามารถใช้การประกันสุขภาพของต่างประเทศเพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลการประกันได้ เพราะไม่มีระบบการตรวจสอบรองรับ และภาษาที่ใช้ในกรมธรรม์มีความหลากหลาย อีกทั้งโรงพยาบาลในไทยไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงกับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศได้ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับจำนวนคนต่างด้าวที่เข้ารับการรักษาและหนี้สูญค่ารักษาพยาบาลคนต่างด้าวที่ไม่สามารถจัดเก็บได้อาจครอบคลุมทั้งการเข้ารักษาด้วยปัญหาสุขภาพหรือเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแหงชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบถึงการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ฯ ในเรื่องนี้อย่างทั่วถึง และให้ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเตรียมช่องทางสำหรับซื้อประกันสุขภาพในรูปแบบออนไลน์ให้มีความพร้อมต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำประกันสุขภาพภาคบังคับให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวและคนต่างด้าวทุกกลุ่มให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อมิให้เป็นภาระค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 542 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางให้เหมาะสมและรวดเร็ว โดยกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ เพื่อให้สอคดล้องกับความรู้และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยให้ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ (๑) ประเด็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอาง ไม่ควรเพิ่มขึ้นมากเกินไป รวมทั้งควรระบุอัตราค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ค่าใช้จ่ายในการขอขึ้นทะเบียน อัตราค่าตอบแทนในการประเมินเอกสารวิชาการ อัตราค่าการตรวจสถานที่เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต เป็นต้น และ (๒) ประเด็นกระบวนการพิจารณาอนุญาต ควรมีการให้นิยามของผู้เชี่ยวชาญที่จะทำหน้าที่พิจารณาอนุญาต คุณลักษณะในการสรรหาหรือคัดเลือก หลักเกณฑ์การขึ้นบัญชี และระยะเวลาในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความชัดเจนโปร่งใสในการดำเนินการ ควรมีมาตรการการรักษาความลับขององค์ความรู้และเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ โดยอาจพิจารณาร่างสัญญาว่า ห้ามเปิดเผย/นำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และควรพิจารณากำหนดนิยามของกฎหมายให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติทั้งของเครื่องสำอางและยา โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการเจริญเติบโตในท้องตลาด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 543 | แผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย | สธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) เป็นแผนที่เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์มาประยุกต์ใช้ทางการแพทย์และสาธารณสุข และมีเป้าหมายที่จะบูรณาการการใช้ข้อมูลพันธุกรรมในด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชน และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทำคำของบประมาณและจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผนภายใต้งบบูรณาการ รวม ๔,๕๗๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๕ ปี และอนุมัติให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เป็นหน่วยงานกลาง และมีโครงสร้างองค์กรเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรวบรวมความต้องการพัฒนาจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนที่เหมาะสม ให้มีอุตสาหกรรมการแพทย์ เกิดการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยมีถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูง และมีการเพิ่มตำแหน่งงานสำหรับคนไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงสาธารณสุข สวรส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วน ความคุ้มค่า และประโยขน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข สวรส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรพิจารณาเพิ่มรายชื่อ “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ศลช.)” ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์โดยตรงตามภารกิจเข้าร่วมในรายชื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ควรกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนผลลัพธ์ของการยกระดับสุขภาพของประชาชนที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีการแพทย์แบบจีโนมิกส์ และการเกิดอุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การกำหนดกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานวิจัย/สถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพจากต่างประเทศ และการปรับโครงสร้างองค์กรของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยการจัดตั้งองค์กรเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 544 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2561 | สธ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ที่ผ่านการเห็นชอบโดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยรายงานดังกล่าวครอบคลุมสาระสำคัญรวม ๘ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านความครอบคลุมค่าใช้จ่าย (๒) ด้านความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๓) หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๔) ด้านความครอบคลุมการใช้บริการสุขภาพ (๕) คุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข (๖) การคุ้มครองสิทธิ (๗) การมีส่วนร่วมพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ (๘) ความท้าทายในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 545 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2560 | สธ | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะทางการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 546 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกาญจนา จันทร์ไทย) | สธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกาญจนา จันทร์ไทย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพทรงคุณวุฒิ (ด้านการพยาบาล) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 547 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 05/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนามาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 548 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรพล สุขมาก) | สธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีรพล สุขมาก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลทุ่งสง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 549 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,184 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง เชียงราย จังหวัดเชียงราย 1 หลัง | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๑๘๔ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๑ หลัง จากวงเงิน ๑๓๒.๐๖ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๑๔๕.๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 550 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิทยา นันทิยกุล) | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา นันทิยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 551 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข (ศาสตราจารย์ภิเศก ลุมพิกานนท์) | สธ | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ภิเศก ลุมพิกานนท์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 552 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (จำนวน 7 คน 1. นายมานิต ธีระตันติกานนท์ ฯลฯ) | สธ | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลบ้านแพ้ว รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายมานิต ธีระตันติกานนท์ ประธานกรรมการ ๒. นายชัชวาล เตละวาณิชย์ กรรมการผู้แทนชุมชน ๓. นายณัชธพงศ์ ลีกิจแสงเจริญกุล กรรมการผู้แทนชุมชน ๔. นายจิโรจน์ ทองเต็ม กรรมการผู้แทนชุมชน ๕. นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร กรรมการผู้แทนชุมชน ๖. นางวชิราวรรณ อิทธิถาวร กรรมการผู้แทนชุมชน ๗. นายเรวัตชัย พลับประสิทธิ์ กรรมการผู้แทนชุมชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 553 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร และการกำกับดูแลอาหาร โดยกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศทำหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตอาหาร การผลิตเพื่อการส่งออก กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณาอาหาร การดำเนินการกับอาหารหรือภาชนะบรรจุที่พนักงานเจ้าหน้าที่ยึดหรืออายัดไว้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กลไกในการพิจารณาอนุญาตมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาอัตราโทษปรับให้มีความเหมาะสม และให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตอาหารเพื่อส่งออกต้องจัดเก็บเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับข้อกำหนดของประเทศผู้ซื้อหรือผู้สั่งซื้อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนั้น อาจเป็นการเพิ่มภาระของผู้ประกอบการในการจัดเก็บเอกสารดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวควรมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และควรระบุคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตที่อาจยกเว้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือบางส่วนให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 554 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยการขอรับจัดสรรงบประมาณจะจัดทำงบประมาณในลักษณะวาระแห่งชาติการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศ โดยมีกลไกการบูรณาการการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ ส่วนการปรับแผนยุทธศาสตร์ด้านวัคซีน ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙) ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นั้น จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไป และบรรจุเรื่องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศในระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ สำหรับการตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ จะพิจารณาให้มีตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการด้วย นอกจากนี้ จะจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และปรับปรุงแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและอุปสรรคต่าง ๆ ในการจัดหาและการกระจายวัคซีน เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพและมีการกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งจะได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 555 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเคนยา | สธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเคนยา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างไทยกับเคนยาในประเด็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การจัดลำดับความสำคัญของชุดสิทธิประโยชน์ที่ใช้ในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยผ่านการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ การเสริมสร้างระบบสุขภาพบนพื้นฐานการสาธารณสุขมูลฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านสุขภาพ โดยจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเคนยาเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ชัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 556 | การปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี | สธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยปรับปรุงชื่อ จาก คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี เป็น คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ จาก ๔๗ หน่วยงาน เป็น ๕๒ หน่วยงาน และปรับปรุงอำนาจหน้าที่คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 557 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์) | สธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 558 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์) | สธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 559 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุดธิดา หมีทอง) | สธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุดธิดา หมีทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เคมี) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 560 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 1 หลัง | สธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๑.๔๒ ล้านบาท สมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้าง จำนวน ๗๕.๕๘ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๘๗.๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของวงเงินค่าก่อสร้างแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และในการก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงสาธารณสุขถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
