ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 3504 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 หลัง | สธ. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐
ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๗๔,๐๓๐,๖๗๐ บาท เป็นวงเงิน
๗๖,๖๓๑,๘๔๒.๐๒ บาท โดยงานส่วนที่เหลือในวงเงิน ๖๓,๗๗๐,๐๐๐ บาท
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๖๒,๗๐๔,๘๐๐ บาท
และเงินบำรุงโรงพยาบาลท่าโรงช้างสมทบอีก จำนวน ๑,๐๖๕,๒๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างดังกล่าว
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
สำหรับกรณีการยกเลิกสัญญาการก่อสร้างดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
เห็นควรที่พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ ข้อสัญญา และกฎมาย
ที่เกี่ยวข้องกับผู้รับจ้างอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)] (ฉบับที่ 4) | สธ. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด
19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๔) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข อัตราที่กำหนดและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 | สธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ โดยมอบหมายสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณากรณีคนต่างด้าวขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงแนวปฏิบัติการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย
ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นว่าควรให้กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการประกันสุขภาพของประเทศให้พัฒนาตอบสนองความต้องการของคนต่างประเทศควบคู่ไปด้วย
และควรมีการเชื่อมข้อมูลการเข้าออกประเทศของผู้เอาประกันระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบริษัทผู้รับประกันภัยโดยตรง
เนื่องจากเป็นสาระสำคัญในการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
และเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียด วิธีการ
และขั้นตอนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ที่ได้ปรับปรุงในครั้งนี้ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้ทราบอย่างถูกต้อง
และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอภิชาติ ดำรงไทย และนางปิยะดา ประเสริฐสม) | สธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอภิชาติ ดำรงไทย นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม
สาขาจิตเวช) โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาจิตเวช) สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓ ๒. นางปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน
(ทันตแพทย์) ระดับสูง] สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ให้ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) กรมอนามัย
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายมรกต จรูญวรรธนะ และนายบุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง) (นายมรกต จรูญวรรธนะ) | สธ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายมรกต จรูญวรรธนะ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้าน สาธารณสุขของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ๒. นายบุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลสงฆ์
กรมการแพทย์ ตั้งแต่ วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายมรกต จรูญวรรธนะ และนายบุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง) (นายบุญส่งวนิชเวชารุ่งเรือง) | สธ. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายมรกต จรูญวรรธนะ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้าน สาธารณสุขของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ๒. นายบุญส่ง วนิชเวชารุ่งเรือง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์ ตั้งแต่ วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. 2564 ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. 2564 | สธ. | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องเอชไอวีและเอดส์
พ.ศ. ๒๕๖๔ ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ.
๒๕๖๔ และเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเรื่องเอชไอวีและเอดส์ พ.ศ. ๒๕๖๔
ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ค
สหรัฐอเมริกา ร่วมกับรูปแบบการประชุมเสมือนจริง (Virtual Meeting) โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมติดตามการดำเนินการยุติปัญหาเอดส์ในฐานะภัยคุกคามด้านสาธารณสุขภายในปี
พ.ศ. ๒๕๗๓ และเร่งความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายที่
๓ ว่าด้วยสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชุติเดช ตาบองครักษ์) | สธ. | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชุติเดช ตาบองครักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล
[ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (แพทย์) ระดับสูง] โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ. .... | สธ. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ สุขอนามัย
และความปลอดภัยของผู้ใช้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2563 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ | สธ. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓
และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒
ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประกอบด้วยงบแสดงฐานะทางการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งผ่านการรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว
โดยงบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ทั้งนี้ ในส่วนของรายงานการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
อยู่ระหว่างเสนอสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อตรวจสอบรับรอง
ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระยะการระบาดระลอกเมษายน 2564 | สธ. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ :
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการติดเชื้อใหม่ให้ไม่เกินศักยภาพที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้
(Low Level transmission) และเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๐ ของประชากรทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ผู้มีโรคร่วม
และกลุ่มเปราะบาง/ด้อยโอกาส ระยะเวลาดำเนินการเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ งบดำเนินงานทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
และเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองระดับ/แยกประเภทผู้ป่วย
รวมทั้งการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง
ๆ เช่น การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค และการรักษาพยาบาล เป็นต้น
รวมทั้งให้จัดเตรียมแผนรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อให้การบริหารจัดการวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ๒.๓ เร่งรัดการดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย
๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)] (ฉบับที่ 3) | สธ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19
[Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๓) เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๒)
ให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอาการแพ้วัคซีนหรืออาคารไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน
ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ของบุคคลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
และเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์
และเพิ่มเติมค่าพาหนะรับส่งต่อผู้ป่วย ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal
Protective Equipment : PPE)
รวมถึงค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะส่งต่อผู้ป่วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดค่าใช้จ่ายตามกรณีที่กำหนดในมาตรา
๓๖ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นไปเพื่อการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา
๓๓/๑ แต่โดยที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19
[Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ซี่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖
วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาลฯ
ยังมิได้มีการกำหนดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)]
ครอบคลุมถึงบุคคลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
หรือโรคโควิด ๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] และเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ด้วย
จึงเห็นควรแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวให้สอดคล้องกัน
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนพร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่แก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้
ให้แก่สถานพยาบาลต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและทั่วถึง
เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
รวมถึงการดำเนินการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้กรณีศึกษาต่าง ๆ ตามระดับความรุนแรงและเร่งด่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 มีความเหมาะสม และสามารถรองรับสภาพปัญหาที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันการณ์ ๔.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 5 แสนโดส | สธ. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบรายละเอียดโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๕ แสนโคส
กรอบวงเงินจำนวน ๓๒๑,๖๐๔,๐๐๐ บาท และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงินจำนวน ๓๒๑,๖๐๔,๐๐๐ บาท
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๕ แสนโดส ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองระดับ/แยกประเภทผู้ป่วย
รวมทั้งการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ
และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค
และการรักษาพยาบาล เป็นต้น รวมทั้งให้จัดเตรียมแผนรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อให้การบริหารจัดการวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ๒.๓
เร่งรัดการดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ทั่วถึง
และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข พ.ศ. 2563-2565 | สธ. | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ โดยแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ เป็นไปตามวิสัยทัศน์
“ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้รับบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ
ปลอดภัย และมีความมั่นใจในระบบบริการสาธารณสุขทุกระยะของการเกิดภัยอย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
โดยมีเป้าหมาย พันธกิจ และกรอบยุทธศาสตร์ เป็นแนวทางการปฏิบัติสำหรับการดำเนินงาน
รวมทั้งได้กำหนดตัวชี้วัดและกลไกการประเมินผลและติดตามเพื่อเป็นช่องทางการติดตาม
รายงานความคืบหน้า
ตลอดจนวัดประสิทธิภาพและระดับความสำเร็จของผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ประกอบการดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ (๒) กำหนดความเชื่อมโยงของแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ ที่ครอบคลุมถึงแผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
(ฉบับปรับปรุง) และ (๓)
ให้ความสำคัญกับการจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งการเตรียมความพร้อมในทุกพื้นที่
การคำนึงถึงผลกระทบต่อพื้นที่และประชาชนบริเวณอื่นโดยรอบพื้นที่
และการจัดทำแผนรองรับการบริการทางการแพทย์ฯ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินงานแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ
ให้มีความชัดเจน เหมาะสม เพื่อลดความซ้ำซ้อนด้านภารกิจและงบประมาณของหน่วยงานต่าง
ๆ และกำหนดกลไกลำดับขั้นตอนในการรายงานและสื่อสารข้อมูลสถานการณ์ที่ชัดเจน
ตลอดจนมีการซักซ้อมและทดสอบประสิทธิภาพของระบบที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์จริงอย่างเป็นเอกภาพ
รวมทั้งกำหนดกลไกการเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานในแต่ละระดับ
เพื่อให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในแต่ละพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปรับปรุงแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยแก้ไขเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาอนุญาตเครื่องสำอางให้เหมาะสมและรวดเร็ว
ซึ่งกำหนดให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน
ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำหน้าที่ในการประเมิน การตรวจวิเคราะห์ และตรวจสอบทางวิชาการ
เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
โดยผู้ยื่นคำขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | การให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา ครั้งที่ 2 | สธ. | 30/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการการให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา
ครั้งที่ ๒ ที่กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนและกำหนดเลขประจำตัว ๑๓
หลักเรียบร้อยแล้ว และกระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจสอบคัดกรองข้อมูล จำนวน ๕,๒๐๓ คน
ซึ่งครอบคลุมบริการด้านสาธารณสุข ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค
การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้แก่ผู้ให้บริการและผู้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้ถูกต้องและทั่วถึงต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น
อัตรางบประมาณเหมาจ่ายรายหัว จำนวน ๒,๔๕๓.๙๕ บาท/คน ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอมาในครั้งนี้
ยังไม่สอดคล้องกับอัตรางบประมาณเหมาจ่ายรายหัวตามสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี
๒๕๖๔ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง การให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ
เพิ่มเติม
และการจัดการสถานะและสิทธิในการบริการสาธารณสุขของบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติทั้งระบบ] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ กันยายน ๒๕๖๓ [เรื่อง การให้สิทธิ (คืนสิทธิ)
ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา]
ในการตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของกลุ่มเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา
รวมถึงบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิกลุ่มอื่น ๆ
ที่ยังไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายกิตติพงศ์ แซ่เจ็ง) | สธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายกิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน
(แพทย์) ระดับสูง] สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์
กรมอนามัยให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางปฐมพร ศิรประภาศิริ) | สธ. | 09/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอน นางปฐมพร ศิรประภาศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขารังสีวิทยา) สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
กรมการแพทย์
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) (ด้านเวชกรรม) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว | สธ. | 09/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพร้ว
แทนประธานกรรมการเดิมที่มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | ร่างกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป พ.ศ. .... | สธ. | 02/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงการประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปหรือตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป
พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยแก้ไขหลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดตำรับยาแผนไทยทั่วไปไม่ให้ผูกโยงกับตำรับยาแผนไทยซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านในส่วนของยาแผนโบราณตามกฎหมายว่าด้วยยา
หรือเป็นตำรับยาแผนไทยที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|