คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง พลตรี พงษ์ศิริ เศวตเศรนี เป็นกรรมการในคณะกรรมการสลาก 
กินแบ่งรัฐบาลในตำแหน่งที่ว่าง  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงิน 
งบประมาณของหน่วยงานในสังกัดตั้งแต่ต้นปีงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  
ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  รายไตรมาสที่กำหนด  โดยเฉพาะหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ  
รายจ่ายลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนินการก่อ  
หนี้ผูกพันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2  เพื่อ   
ให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายในปีงบประมาณ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนิน
งานและการใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจภายในจังหวัดให้เป็นไปตามเป้าหมายโดย 
เฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณรายจ่ายลงทุนสูง  รวมถึงกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานและการใช้ 
จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะ 
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวง ทบวง กรม รับทราบและถือ 
ปฏิบัติต่อไป
 

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper  (ECP)  ทำให้  Refinance  
เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเซีย ของกระทรวงการคลัง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงิน  
18,649,000,000  เยน  และวงเงิน  14,850,000,000  เยน  โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ  0.334375  และ   
0.354375  ต่อปี  ระยะเวลา 44 วัน (1 พฤศจิกายน 2543 - 15 ธันวาคม 2543) และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ   
0.515  ต่อปี  ระยะเวลา  92  วัน (1  พฤศจิกายน  2543 - 1  กุมภาพันธ์  2544) ตามลำดับ  ซึ่งกระทรวง  
การคลัง และ กฟผ.  ได้สั่งจ่ายเงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ให้ธนาคารพัฒนาเอเซียแล้ว  ทั้งนี้  จากผลการกู้เงินเพื่อ   
ทำ Refinance ทำให้กระทรวงการคลังสามารถลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้จากจำนวน 128,591,242 เยน   เป็น  
จำนวน 7,819,842 เยน  ส่วน กฟผ. สามารถลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้จากจำนวน  214,100,384  เยน  เป็น 
จำนวน 19,518,561 เยน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกชั้นความลับของหนังสือแสดงเจตจำนง ฯ 
ฉบับที่ 1 เรื่อง  แผนการปฏิรูปการเงิน  การคลังและระบบสถาบันการเงิน  และการขอรับความช่วยเหลือทาง   
การเงินและวิชาการจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยให้เผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป  ตามที่กระทรวง 
การคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่
พิเศษ พ.ศ. .... คืนไปได้  ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) เสนอ  โดยให้
นำกลับไปพิจารณาทบทวน และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งในเวลาที่เหมาะสม

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กู้เงินจากธนาคาร  
ยุโรปเพื่อการลงทุนหรือ EIB สำหรับโครงการจัดหาอุปกรณ์บริการจราจรทางอากาศ และหอบังคับการบิน 
พร้อมอาคารสำนักงาน  ณ  ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งที่ 2 (หนองงูเห่า) ซึ่งได้รับพระราชทานนาม   
ว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ในวงเงิน 23 ล้านเหรียญสหรัฐ  และให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงิน 
ของ บวท. ในนามราชอาณาจักรไทย   โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็น
ผู้ลงนามในสัญญาค้ำประกัน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แต่งตั้ง นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคาร 
แห่งประเทศไทย แทน นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน 
สิทธิและนิติกรรมกรณีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลัง  
เสนอแก้ไขปรับปรุง  โดยแก้ไขประกาศกระทรวงมหาดไทย ฯ ฉบับลงวันที่ 28 ตุลาคม 2543 ข้อ 3 (1) จาก   
"กรณีสถาบันการเงินเป็นผู้รับโอนอสังหาริมทรัพย์จากลูกหนี้  (หรือผู้จำนอง)  หรือเป็นผู้โอนคืนอสังหาริม  
ทรัพย์ให้แก่ลูกหนี้ (หรือผู้จำนอง)" เป็น "กรณีสถาบันการเงินเป็นผู้รับโอนอสังหาริมทรัพย์จากลูกหนี้ หรือ  
ผู้จำนอง หรือเป็นผู้โอนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกหนี้หรือผู้จำนองหรือเป็นผู้โอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูก  
หนี้" และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการต่อไปโดยด่วน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการ 
ช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 3  ให้แก่บริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม  จำกัด   
(มหาชน) ซึ่งกระทรวงการคลังได้เข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม ฯ เป็นจำนวนเงิน 4  
ล้านบาท    โดยบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม ฯ  จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้ง  
หมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่กระทรวงการคลังได้ออกไปแล้วเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543  ในวงเงิน 4 ล้าน 
บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี  ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวง   
เงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2  เหลืออยู่อีกจำนวน 229,189 
ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ 
ปี พ.ศ. 2543 ไตรมาสที่ 4 (กรกฎาคม 2543 - กันยายน 2543) มีการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 211,898 ล้าน    
บาทของวงเงินงบประมาณซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย คือ 210,600 ล้านบาท จำนวน 1,289 ล้านบาท โดยจำแนก 
ผลการเบิกจ่ายตามลักษณะเศรษฐกิจและตามหมวดรายจ่าย ส่วนผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำแนกตาม   
กระทรวงที่มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  กระทรวงคมนาคม  กระทรวงวิทยาศาสตร์  เทค   
โนโลยีและสิ่งแวดล้อม  และกระทรวงอุตสาหกรรม   สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ  
และรัฐวิสาหกิจ จำนวน 34 แห่ง ที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนเกินกว่า 1,000 ล้านบาท  นั้น  
เท่ากับ 126,211 ล้านบาท  โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนต่ำสุด  5  อันดับแรก  ได้แก่  การ
เคหะแห่งชาติ กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กรมเจ้าท่า กรมทางหลวง และกรมพัฒนาที่ดิน

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ผู้เข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด  รุ่นที่ 1  
(ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543) ได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้ 
เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 โดยไม่ต้องชดใช้เงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้รับตามพระราชกฤษฎีกา
ดังกล่าว กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติคืนให้แก่ทางราชการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส 
ด้านการคลังเอเชีย-ยุโรป (ASEM Finance Deputies'' Meeing) เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2543   ณ  กรุงปารีส  
ประเทศฝรั่งเศส  โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  (นายพิสิฐ  ลี้อาธรรม)  เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน 
ไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาความคืบหน้าของการดำเนินกิจกรรมความร่วม 
มือทางการเงินในกรอบ  ASEM  เกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจในเอเชียและยุโรป  การดำเนินการตามหลักเกณฑ์  
การกำกับดูแลระบบธนาคารของ Basel  Core  Principles  การหารือในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 
คมนาคมอาเซม ครั้งที่ 3  รวมทั้งกองทุนอาเซมและโครงข่ายผู้เชี่ยวชาญทางการเงินของยุโรป โครงการความ  
ร่วมมือด้านการป้องกันการฟอกเงินของสหราชอาณาจักร  และการติดตามผลรายงานการศึกษาการเปิดเสรี  
การบริการทางการเงิน  การลำดับความสำคัญด้านการปรับโครงสร้างการกำกับและดูแลภาคการเงิน  การ 
เตรียมการประชุมระดับผู้นำอาเซม และร่างเอกสารกรอบความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี  
งบประมาณ พ.ศ. 2543 ราย 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2543  มีการเบิกจ่าย
เงินทั้งสิ้น 760,880.1 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายการเบิกจ่ายเงิน ณ สิ้นปีงบประมาณ 
พ.ศ. 2543 และมีอัตราการเบิกจ่ายสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการ
ช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 1 ให้แก่บริษัทเงินทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน)   
จำนวนเงิน 45 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้เข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของบริษัทเงินทุนธนชาติ ฯ  โดยบริษัท  
เงินทุนธนชาติ ฯ   จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่กระทรวง  
การคลังได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543 ในวงเงิน  45  ล้านบาท  อัตรา 
ดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี  ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้ว จะยังคงมีวงเงินที่จะให้ 
ความช่วยเหลือตามโครงการ ฯ เหลืออยู่อีกจำนวน 229,264 ล้านบาท 
 

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการ  
ช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ครั้งที่ 2 ให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  
จำนวน 71 ล้านบาท   ซึ่งกระทรวงการคลังได้เข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารไทยพาณิชย์ ฯ  โดยธนาคาร   
ไทยพาณิชย์ ฯ จะต้องนำเงินที่ได้รับการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่กระทรวงการคลัง   
ได้ออกประกาศจำหน่ายพันธบัตรไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2543  ในวงเงิน 71 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ย  
ร้อยละ 2.50 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี  ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้วจะยังคงมีวงเงินที่จะให้ความช่วย 
เหลือตามโครงการ ฯ เหลืออยู่อีกจำนวน 229,193 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย
การกำหนดกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ  (ฉบับที่  ..)  พ.ศ. ....  (ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่  
กิจการของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา  เพื่อเป็น  
การสนับสนุนการดำเนินกิจการของกองทุน ฯ ที่มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืมเงินแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลน   
ทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครอง   
ชีพระหว่างศึกษาซึ่งจะทำให้เงินดอกเบี้ยที่กองทุน ฯ ได้รับไม่ต้องมีภาระภาษีธุรกิจเฉพาะอันจะส่งผลให้กอง  
ทุน ฯ มีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้กู้ตามวัตถุประสงค์มากขึ้น)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้ส่งสำนัก 
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจของแต่ละรัฐวิสาหกิจเป็นผู้พิจารณา  
ว่าสมควรกำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้แก่พนักงานหรือไม่ อย่างไร โดยพิจารณาเป็นเรื่องใหม่เฉพาะแห่ง  ทั้งนี้   
หากรัฐวิสาหกิจใดประสงค์ที่จะขอเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะ หรือเงินเพิ่มพิเศษในลักษณะอื่นใดตามความ  
จำเป็นของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐวิสาหกิจนั้น พิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าวโดยผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อนำ 
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยตรงต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจจ่ายโบนัสจากผลการดำเนินงานประจำปี 2543 ตามปกติ 
ได้โดยไม่ต้องปรับลดโบนัสกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมี 
ทิศทางที่ดีขึ้น   ประกอบกับเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการบริหารงานของกรรมการ และการปฏิบัติงานของ 
พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบัน  
การเงิน (บบส.) ในส่วนของงบดุล  งบกำไรขาดทุนและงบกำไรสะสม  และงบกระแสเงินสด  สำหรับปีสิ้นสุดวันที่  
31 ธันวาคม 2542 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว  โดยในงวดปี 2542  บบส.  มี  
รายได้รวมทั้งสิ้น 988.57 ล้านบาท  และค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น  2,33.07  ล้านบาท  ทั้งนี้  ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็น 
ดอกเบี้ยจ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินที่จ่ายให้แก่สถาบันการเงิน  จำนวน  2,164.92  ล้านบาท   ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ  
1,343.50 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรักษฎากร ว่าด้วย
การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายเวลาการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) 
ให้แก่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทมหาชน จำกัด หรือ บริษัทจำกัดที่โอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน จากไปอีก 1 ปี 
จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2544 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้