ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 373 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 7441 - 7460 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7441 | การรับรองร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ปี พ.ศ. 2564-2568 | มท. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Framework Action Plan on Rural Development and
Poverty Eradication : FAPRDPE 2021-2025) อย่างเป็นทางการ [จะมีการรับรองร่างแผนปฏิบัติการฯ
ในนามของประเทศไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
(ASEAN Ministerial Meeting on Rural
Development and Poverty Eradication : AMRDPE) ครั้งที่ ๑๒
ในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔] โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ
มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมของคนยากจนในชนบทและช่วยเหลือกลุ่มที่ยากจนที่สุดจากกลุ่มคนในพื้นที่ชนบทให้ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างทั่วถึง
ซึ่งแต่ละประเทศจะใช้ร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นแนวทางในการริเริ่มการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การบูรณาการความร่วมมือระดับภูมิภาคต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรพิจารณานำประเด็นที่ได้จากการติดตามประเมินผลร่างแผนปฏิบัติการฯ
มาปรับใช้ในการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนในทุกมิติ และอาจระบุเรื่องการส่งเสริม Climate
Smart Agriculture (แนวทางการพัฒนาเกษตรภายใต้ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ)
ในแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งร่างแผนปฏิบัติการฯ
ยังไม่ได้กล่าวถึงการส่งเสริมความร่วมมือและการใช้ประโยชน์จากศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
และอาจพิจารณาเพิ่มประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือกับอาสาสมัครในท้องถิ่นและเครือข่ายภาคประชาสังคม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7442 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ณ จังหวัดกระบี่
ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑๕-วันอังคารที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7443 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2564 | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติโครงการภายใต้มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด ๑๙) (ด้านไฟฟ้าและด้านน้ำประปา) จำนวน ๔ โครงการ ของการไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค กรอบวงเงินรวม ๑๒,๗๗๑.๑๕ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการกลุ่มที่
๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการจัดทำข้อเสนอโครงการ
เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้หน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินกู้ได้ตามแผนงานและวัตถุประสงค์
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลโครงการทั้งในช่วงระหว่างการดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7444 | รายงานผลการประชุมเตรียมการบูรณาการประเด็นสารัตถะ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) และกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการของคณะรัฐมนตรี | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมเตรียมการบูรณาการประเด็นสารัตถะ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) และกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการของคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7445 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา กรณีการฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา | สว. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
กรณีการฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์จะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า ที่ประชุมมีความเห็นเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายที่หนึ่งเห็นว่า
ระบบฎีกาแบบอนุญาตมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลมากเกินไป
และในการพิจารณาคำร้องจะเป็นลักษณะเดียวกับการทำคำพิพากษา
แต่กระบวนการจะมีความรวดเร็วมากกว่า ฝ่ายที่สองเห็นว่า
ระบบฎีกาแบบสิทธิให้ความเป็นธรรมและคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ
หากต้องมีการแก้ไขกฎหมายควรใช้ทั้งระบบฎีกาแบบสิทธิและระบบฎีกาแบบอนุญาตทั้งสองระบบประกอบกัน
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่ความ นอกจากนี้
การฎีกาคำพิพากษาในระบบอนุญาตไม่ถูกจำกัดด้วยทุนทรัพย์ ทำให้คดีเล็ก ๆ น้อย ๆ
สามารถขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาลฎีกาได้
จึงไม่สามารถแก้ปัญหาคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลเป็นจำนวนมากได้
ในขณะที่ระบบฎีกาแบบสิทธิจำกัดเรื่องทุนทรัพย์ไว้ จึงเห็นว่า
ควรมีการจำกัดเรื่องจำนวนทุนทรัพย์ไว้ในกฎหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7446 | รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ 2 (25 กรกฎาคม 2563 - 25 กรกฎาคม 2564) | นร.04 | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓-๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๔) และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงรับไปพิจารณาร่างรายงานฯ อีกครั้งหนึ่ง
และส่งการปรับปรุงแก้ไขให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๑.๒
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์รายงานฯ ๑.๓
ให้กระทรวงการต่างประเทศแปลบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ในต่างประเทศ ๑.๔ ให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
จัดพิมพ์บทสรุปสำหรับผู้บริหารฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๒.
กรณีรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของแต่ละหน่วยงานประสงค์จะปรับปรุงแก้ไขรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓-๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๔) ให้แจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7447 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 38/2564 | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดกระบี่ จังหวัดยโสธร จังหวัดอ่างทอง จังหวัดมุกดาหาร
จังหวัดพังงา จังหวัดพิจิตร และจังหวัดกาฬสินธุ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการหรือยกเลิกโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7448 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กต. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการสานต่อและใช้แทนที่บันทึกความเข้าใจฉบับที่มีการลงนามแล้วเมื่อวันที่
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ (ตามข้อ ๒) เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศในระยะ
๕ ปีข้างหน้า โดยให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7449 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเเลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2564 - 2569 | วธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม
กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญมุ่งเน้นความร่วมมือทางวัฒนธรรมในทุกระดับผ่านความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากร
การสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ
การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันที่หลากหลาย เช่น ศิลปะการแสดง
วิจิตรศิลป์และศิลปกรรม มรดกทางวัฒนธรรม และภาพยนตร์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม
กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7450 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564)] | ปสส. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7451 | (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสาระสำคัญ
(ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) และกรอบแนวคิดของการขับเคลื่อน
ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ การนำความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง
ๆ มาพิจารณาปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นั้น เป็นเรื่องที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต้องดำเนินการตามมาตรา
๑๕ และ ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
อยู่แล้ว ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักงบประมาณ
เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณสำหรับสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) สามารถบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนด ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าควรจัดทำประเด็นหรือจุดเน้นสำคัญตาม (ร่าง) แผนดังกล่าว
ที่ต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และจัดส่งให้สำนักงบประมาณเพื่อเป็นข้อมูล
และให้ความสำคัญแก่การสื่อสารและการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของ (ร่าง)
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ แก่ทุกส่วนของสังคม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7452 | โครงการสำคัญประจำปี 2566 ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (ปี 2566 - 2570) | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑
เห็นชอบโครงการสำคัญประจำปี ๒๕๖๖ ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๔๐๖ โครงการ
และเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการสำคัญ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกันภายใต้แผนแม่บทย่อย
รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับประเด็นที่ต้องเร่งรัดดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ตาม (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณารายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไป
และควรส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการพัฒนาการผลิตพืชสมุนไพรของจังหวัดสงขลามาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการสำคัญฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์
ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำโครงการต่าง ๆ
เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างครบถ้วน
ร่วมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความเชื่อมโยงในการขับเคลื่อนเป้าหมายแผนแม่บทย่อยทั้ง
๑๔๐ เป้าหมาย เพื่อให้การจัดทำโครงการสำคัญประจำปี ๒๕๖๖
ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (ปี
๒๕๖๖-ปี ๒๕๗๐)
มีความต่อเนื่องและสามารถสนับสนุนการขยายตัวและต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7453 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๓๓๔,๙๔๕,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมและใช้จ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีและเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7454 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564)] | ปสส. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7455 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหารต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหารต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหาร
ที่ผลิตจากสารเคมี เช่น พอลิเอทิลีน พอลิพรอพิลีน พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต
พอลิไวนิลแอลกอฮอร์ และพอลิเมทิลเพนทีน เป็นต้น ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อนที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7456 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด
และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด
และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเพิ่มหลักเกณฑ์การคำนวณจำนวนเงินสะสมสูงสุดในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารการคลังของรัฐ
และการกำหนดให้ทุนหมุนเวียนที่ใช้จ่ายเงินบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือแผนการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนแล้วและมีเงินคงเหลือหรือมีเงินคงเหลือเกินความจำเป็นในรอบบัญชีนั้น
ให้นำเงินดังกล่าวส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าในการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนต่าง
ๆ ตามภารกิจ จะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด
รวมถึงการใช้จ่ายของทุนหมุนเวียนจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นของภารกิจ
ตลอดจนความสำคัญกับการจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7457 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) | รง. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความจำเป็น ความคุ้มค่า และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และจัดให้มีระบบการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7458 | การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล
เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ
ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นว่า
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรจัดการประชุมชี้แจงให้ผู้ตรวจราชการของทุกส่วนราชการรับทราบรายละเอียด
ควรกำหนดค่าเป้าหมายของแผนย่อยของแผนแม่บทฯ เป็นรายปี
และควรพิจารณากำหนดประเด็นหรือจุดเน้นสำคัญตาม (ร่าง)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
ชัดเจน
เพื่อให้การดำเนินการตามแนวทางการติดตามดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยให้กำกับดูแลและบริหารจัดการฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้ฐานข้อมูลของกลไกต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องมีมาตรฐานเดียวกัน
และสามารถบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันสำหรับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผล (Check) และการปรับปรุงการดำเนินงาน (ACT) ได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว
รวมทั้งให้เร่งพัฒนากระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักการบริหารงานคุณภาพ
(PLAN DO CHECK ACT : PDCA) โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้
การถ่ายทอดและการแลกเปลี่ยนข้อมูล/องค์ความรู้ที่สมบูรณ์
จากขั้นตอนการปรับปรุงการดำเนินการ (ACT) เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายหรือแนวทางต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนการวางแผน (PLAN) ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7459 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2564 | นร.04 | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๔
และมอบหมายให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม กตน. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การบริหารจัดการขยะติดเชื้อ
(ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง) (๒) การขับเคลื่อนการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑ และ (๓)
(ร่าง) รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่
๒ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓-๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔) (ฉบับที่ ๑)
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7460 | การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากของเกษตรกร | นร. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ปัจจุบันมีเกษตรกรจำนวนมากที่ประสบความเดือดร้อนและมีความยากลำบากในการประกอบอาชีพอันเนื่องมาจากปัญหาต่าง
ๆ หลายประการ เช่น ต้นทุนทางการผลิตสูง ราคาผลผลิตตกต่ำ
ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
ขาดแคลนปัจจัยการผลิตและอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตร
ขาดความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งในด้านของการผลิตและการตลาด เป็นต้น ดังนั้น
เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
เป็นประธานในการบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำกับ
ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในภาพรวม
ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างเป็นระบบและเกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วภายในฤดูการผลิตครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย
|