ให้กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินคดีขอให้ศาลพิจารณาส่ง
ตัวนายทนง ศิริปรีชาพงษ์ ข้ามแดน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2538

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษกิจที่มีมติรับทราบรายงานผลการ
ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงอุตสาหกรรม  เรื่อง  การจัดตั้งบริษัทผู้ส่งออกน้ำตาลทรายใน
ประเด็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ภายหลังการเจรจาการค้าหลายฝ่ายรอบอุรุกวัยได้
เสร็จสิ้นแล้ว  โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ไปดำเนิน
การด้วย

          รับทราบรายงานภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในการสกัดกั้นโสเภณี
เด็ก ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการปรับปรุงระบบสาธารณูปการ และโครงการ
ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยโรคซับซ้อน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัย เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการใช้พื้นที่เขตทางหลวง กับอนุมัติการใช้พื้นที่ 5 จุด
เพื่อจัดตั้งสถานีดับเพลิงย่อย  ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถิติเกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503
ระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2537 ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี  เรื่อง  
การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ  สำหรับปัญหาในเรื่อง  
กองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อปลดเปลี้องหนี้สิน
เดิมของเกษตรกรที่ยากจน พ.ศ. 2533   และกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี   
ว่าด้วยกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนด้านหนี้สินและที่ดิน พ.ศ. 2536 
มอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายอำนวย ปะติเส)  รับไปพิจารณาร่วมกับ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   (นางพิมพา  จันทรประสงค์)   แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไป

          เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงการกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจ โดยให้ตัดโอนและปรับระดับ   
ตำแหน่ง โดยตำแหน่งรองสารวัตร ประจำกรมตำรวจ จำนวน 21 ตำแหน่ง  เป็นตำแหน่งผู้บังคับการ   
หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดต่าง ๆ  และตำแหน่งสารวัตร  ประจำกรมตำรวจ  และตำแหน่งรองสารวัตร  
อื่น ๆ  ที่เป็นตำแหน่งว่าง  รวม  25  ตำแหน่ง  เป็นตำแหน่งรองผู้บังคับการ  รองหัวหน้าตำรวจภูธร 
จังหวัดต่าง ๆ     โดยให้กระทรวงมหาดไทย  (กรมตำรวจ)  รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐ 
มนตรีไปดำเนินการด้วย     ทั้งนี้  ให้มีผลตั้งแต่ผู้มีอำนาจแต่งตั้ง  สั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรง   
ตำแหน่งดังกล่าว  แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ  (27 ธันวาคม 2537)  สำหรับ   
การนำตำแหน่งรองผู้บังคับการที่กำหนดไว้เป็นการชั่วคราวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  21  ธันวา   
คม 2536  จำนวน 38 ตำแหน่ง มากำหนดเป็นตำแหน่งของตำรวจภูธรจังหวัดต่าง ๆ  เป็นการถาวร   
โดยไม่ยุบเลิกไปตามเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวนั้น  ถือเป็นการเพิ่มอัตรากำลัง   จึงให้กระ   
ทรวงมหาดไทย (กรมตำรวจ) รับไปดำเนินการตามมาตรการกำหนดขนาดกำลังคนภาครัฐ  ตามมติ   
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2537  เรื่อง  การกำหนดขนาดกำลังคนภาครัฐ  โดยให้ส่งคณะ 
กรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
พิจารณาก่อน

     ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27ธันวาคม 2537 คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็น
ว่าตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 และเมื่อวันที่ 13
ธันวาคม 2537 เกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน ค่าจ้างของ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ นั้น สมควรปรับปรุงแก้ไขและดำเนินการต่อไป ดังนี้
     1.มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 ข้อ 2 ซึ่งกำหนดว่า
"การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้มีผล
ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2537 เป็นต้นไป พร้อมกับบัญชีโครงสร้างอัตราเงิน
เดือนของข้าราชการใหม่ และหากมีการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือน
ค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจเสร็จก่อนบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนของ
ข้าราชการใหม่ ก็ให้ได้รับเงินเดือนค่าจ้างตกเบิกพร้อมข้าราชการ"นั้น โดยที่
คาดว่า ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. ....
จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2538 เป็นต้นไปและกระทรวงการคลังยืนยันว่า
ได้ประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อวางฎีกาตกเบิกเป็นการล่วงหน้าแล้วสามารถจ่าย
เงินเดือนตกเบิกได้ภายในวันที่ 5 มกราคม 2538 และเนื่องจากขณะนี้ รัฐวิสาหกิจหลาย
แห่งมีความพร้อมที่จะจ่ายเงินเดือนค่าจ้างตกเบิกให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจได้ จึง
ให้รัฐวิสาหกิจที่พร้อมสามารถจ่ายเงินเดือนค่าจ้างตกเบิกได้ภายในสิ้นเดือน
ธันวาคม 2537 นี้
     2.มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2537 ข้อ 2 ซึ่งกำหนดว่า "สำหรับข้อ
เสนอที่ให้พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสิทธิได้รับการเลื่อนขั้น
เงินเดือนประจำปี 2537 (ในวันที่ 1 ตุลาคม 2537 ) เนื่องจากได้รับเงินเดือนถึง
ขั้นสูงสุดของตำแหน่งหรือระดับตามบัญชีโครงสร้าง ๆ เดิมเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2535
ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการเลื่อนขั้น
เงินเดือนของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ได้ไม่เกิน 1 ขั้น ในปีงบประมาณ 2538 นั้น
เนื่องจากกรณีดังกล่าวสมควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกรณีของข้าราชการด้วย
จึงให้รอการพิจารณาไว้ก่อนเมื่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
เสนอในส่วนของข้าราชการมาแล้ว ให้นำข้อเสนอข้างต้นเสนอคณะรัฐมนตรี
พิจารณาในคราวเดียวกัน" โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (27 ธันวาคม 2537)
เห็นชอบกรณีข้าราชการที่ไม่ได้เลื่อนเงินเดือนในวันที่ 1 ตุลาคม 2537 เนื่อง
จากได้รับเงินเดือนขั้นสูงสุด ๆ เมื่อได้ปรับอัตราเงินเดือนตามบัญชีกำหนดการ
ปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการ ๆ แล้ว ยังมีขั้นเงินเดือนหากผู้มีอำนาจเห็นสมควรจะ
เลื่อนขั้นเงินเดือนให้ข้าราชการผู้นั้น ไม่เกิน 1 ขั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม
2537 ในระดับอันดับหรือชั้นเดิมก็ได้ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และเห็นชอบให้
ลูกจ้างประจำที่ได้รับอัตราค่าจ้างเต็มขั้นสูงของตำแหน่งตามบัญชีกำหนดค่าจ้าง
เดิมได้เพิ่มค่าจ้างเป็นกรณีพิเศษสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของข้าราชการ ตามข้อเสนอของ
กระทรวงการคลังแล้ว จึงให้พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสิทธิเลื่อนขั้น
เงินเดือนประจำปี 2537 (ในวันที่ 1 ตุลาคม 2537)เนื่องจากได้รับเงินเดือนถึง
ขั้นสูงสุดของตำแหน่งหรือระดับตามบัญชีโครงสร้างเดิมได้รับการพิจารณาเลื่อน
ขั้นเงินเดือนตามหลักเกณฑ์ ฯลฯ เช่นเดียวกับข้าราชการและลูกจ้างของทางราชการต่อไป

          ให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2537 เรื่อง  การนำเข้าน้ำมันดิบอิหร่าน  
ข้อ 1   เป็นดังนี้  "ข้อ 1  เห็นชอบให้จัดสรรเงินเพื่อชดเชยค่าสูญเสียในการกลั่นน้ำมันดิบอิหร่าน 
ตามค่าใช้จ่ายจริงที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่เกิน 0.60 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อบาเรลล์ จากเงินงบประมาณ
หรือเงินรายได้ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่จะต้องนำส่งคลัง"

          อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้าง  
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 354 สายแยกทางหลวงพิเศษหมายเลข 37 - บรรจบท่าอากาศ  
ยานสากลกรุงเทพ ฯ  แห่งที่  2  ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข  355  สายแยกทางหลวงพิเศษ  
หมายเลข 36 -  บรรจบท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ ฯ   แห่งที่  2  ทางหลวงแผ่นดินหมาย 
เลข 3458  สายแยกถนนอ่อนนุช  (ลาดกระบัง)  -  บรรจบท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ ฯ
แห่งที่ 2 เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข  3256  สายแยกถนนอ่อนนุช  (ลาดกระบัง) 
- บางพลี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข  3119  สายมีนบุรี - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมาย
เลข 3256 ที่บ้านวัดกระทุ่มเสือปลา และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 สายบางนา - บาง
ปะกง ที่บ้านคลองบางโฉลง พ.ศ. ....  (เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำรวจอสังหาริมทรัพย์ได้  ก่อนที่จะ
ทำการเวนคืน) ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา  โดยให้รับข้อสังเกตตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2537   ไป
ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การนำระบบ เอ.พี.เอ
คาร์เนท์ (A.T.A. Carnet) มาใช้ในงานศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและมติคณะรัฐมนตรีงวดที่สอง 
ปีงบประมาณ  2537  ตั้งแต่เดือนเมษายน - เดือนกันยายน  2537   ตามที่กระทรวงพาณิชย์
เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับเรื่อง 
การปรับปรุงเงินตอบแทนตำแหน่งและสิทธิประโยชน์ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน 
และ  ผู้ช่วยผุ้ใหญ่บ้าน  ไปพิจารณาได้ตามที่เสนอ  แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง    ทั้งนี้  ให้
ประสานกับสำนักงบประมาณด้วย

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการสัมมนาเรื่อง "จะพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไรให้มั่นคง" 
ตามมติคณะรัฐมนตรี  (12  ตุลาคม  2536)  เกี่ยวกับข้อเสนอแนะด้านนโยบายและมาตรการในการพัฒนา
ระบบประชาธิปไตยให้มีความมั่นคง    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๖) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบของพนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจ
               ๒. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดวงเงินสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีของรัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไรในอัตราร้อยละ ๗.๕ ของจำนวนเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างประจำที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีเป็นอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับรัฐวิสาหกิจทุกแห่งแล้ว และให้รัฐวิสาหกิจคงถือปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบของพนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจต่อไป

          เห็นชอบบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจที่คณะกรรมการ    
รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้ทบทวนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 ตามที่กระทรวง  
แรงงานและสวัสดิการสังคม เสนอ ซึ่งได้ขยายขั้นเงินเดือนจากบัญชีโครงสร้าง ฯ เดิมออกไปอีก   
จำนวน  5  ขั้น  แล้ว   สำหรับข้อเสนอที่ให้พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีสิทธิได้รับการ 
เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี 2537 (ในวันที่ 1 ตุลาคม 2537) เนื่องจากได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง  
สุดของตำแหน่งหรือระดับตามบัญชีโครงสร้าง ฯ  เดิม  เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2535   ได้รับการ  
พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามหลักเกณฑ์ และวิธีการว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนของรัฐวิสา   
หกิจนั้น ๆ ได้ไม่เกิน 1 ขั้น ในปีงบประมาณ 2538 นั้น เนื่องจากกรณีดังกล่าวสมควรพิจารณา  
ให้สอดคล้องกับกรณีของข้าราชการด้วย   จึงให้รองการพิจารณาไว้ก่อน    เมื่อสำนักงานคณะ   
กรรมการข้าราชการพลเรือนเสนอในส่วนของข้าราชการมาแล้ว   ให้นำข้อเสนอดังกล่าวเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวดัน

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้กรมการศาสนาใช้ประโยชน์ในพื้นที่
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ที่บ้านหลักเมือง หมู่ที่ 8 ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราช
ธานี เนื้อที่ 15 ไร่ เพื่อสร้างวัด  โดยให้เพิกถอนพื้นที่ดังกล่าวออกจากเขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  22  สิงหาคม  2532  เรื่อง แนวทางปฏิบัติการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขต
อุทยานแห่งชาติ

          อนุมัติให้โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ดำเนินการพัฒนาบริเวณรอบบึง  โรงงานยาสูบ 
 โดยให้ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2532 เรื่อง การสงวนพื้น 
ที่ลุ่มบึง สระ และแอ่งน้ำ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไว้เป็นที่รองรับน้ำและเก็บกักน้ำฝน ตาม
ที่กระทรวงการคลัง เสนอ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง รับ  
ความเห็นของกระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับการจัดหาพื้นที่สำหรับรองรับน้ำมาทดแทนพื้นที่ที่ถูก 
ถมไปให้มีพื้นที่ไม่น้อยกว่าเดิม ไปดำเนินการด้วย

          อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเฉพาะรายการที่มีวงเงินการก่อหนี้ผูกพันทั้งสิ้นไม่เกิน 
1,000 ล้านบาท จำนวน 2,022 รายการ วงเงิน 104,303.4 ล้านบาท  ตามที่สำนักงบประมาณ  
เสนอ สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณที่มีจำนวนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน 24 ราย  
การ วงเงิน 61,063.5 ล้านบาท ให้ดำเนินการเช่นเดียวกับปีงบประมาณ 2537  โดยให้กระทรวง  
ทบวง เจ้าของเรื่องพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเป็นกรณี ๆ  ไป  ตาม  
ความจำเป็น  กับอนุมัติให้กรุงเทพมหานคร  สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ  กรมโรงงานอุต 
สาหกรรม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันงบประ
มาณล่วงหน้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2534 เป็นกรณีพิเศษ