กระทรวงการคลังขอให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา 
1.ร่างพระราชบัญญัติ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม   พ.ศ. ....    
 เห็นควรขอแก้ไขอัตราส่วนการถือหุ้นของ กระทรวงการคลัง  ตามมาตรา 7 วรรคสี่
จาก   "ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50" เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25"ตามร่างเดิม เพื่อให้
ภาคเอกชนมีส่วนเข้ามาบริหาร โดยรัฐไม่ต้องลงทุนมากได้เคยมีมติ (2 ก.พ. 25) 
ให้ กระทรวงการคลัง ถือหุ้นในบรรษัทได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 รวมทั้งเห็นควร
ให้ตัดข้อความ "การลดมูลค่าหุ้นจะกระทำมิได้ "ตามมาตรา 7   วรรคสามออก 
เนื่องจากอาจก่อปัญหาอุปสรรคต่อการระดมทุนของบรรษัท    หากบรรษัท
ประสงค์จะลดมูลค่าหุ้นของตน    เพื่อสะดวกต่อการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
 ร่างพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม   พ.ศ. ....   
เห็นควรให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดอัตราส่วนการก่อภาระค้ำประกันสูงสุด 
ของบรรษัทได้ ไม่เกิน 5 เท่าของเงิน  กองทุน และมีบทกำหนดให้ คณะรัฐมนตรี 
สามารถขยายอัตราส่วนการก่อภาระค้ำประกัน ได้ในอนาคตไว้ในร่าง พระราชบัญญัติ 
นี้ด้วย และเห็นสมควรเพิ่มบทบัญญัติการโอนทรัพย์สิน สิทธิหนี้ และความรับผิดชอบ
ของกองทุนประกันเสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (กสย.)ให้แก่บรรษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ 
โดยทรัพย์สินสุทธิที่โอนไปให้ถือเป็นการชำระมูลค่าหุ้นของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม
ขนาดย่อม  ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ 

            อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตามที่ กระทรวงการคลัง เสนอทั้ง 2 ฉบับ 
โดยให้คัดข้อกำหนดที่ให้รัฐบาลรับผลขาดทุนหรือผลกำไร จากการกู้ยืมในต่างประเทศ ออกจาก
ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ ให้เพิ่มบทบัญญัติกำหนดให้เลิกกิจการของสำนักงานธนกิจ 
อุตสาหกรรมขนาดย่อมและให้โอนทรัพย์สิน หนี้และความรับผิดชอบของสำนักงานธนกิจ
อุตสาหกรรมขนาดย่อมและให้แก่บรรษัทเป็นส่วนหนึ่งของทุนประเดิม ให้กำหนดทุนเรือนหุ้น
ของบรรษัทเป็นจำนวนสามล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละหนึ่งร้อยล้านบาท ในระยะเริ่มแรก ประกอบด้วย
เงินที่ได้รักจากงบประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท ทุนที่ได้รับโอนจากสำนักงานธนกิจ
อุตสาหกรรมขนาดย่อมและเป็นร่วมทุนจากบุคคลอื่น ให้กระทรวงการคลังแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ
 ทั้ง 2 ฉบับส่งรองนายกรัฐมนตรี (นายมีชัย ฤชุพันธ์) และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา 
แล้วนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา