คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ   
และสังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 8  ระยะที่  1  ปีงบประมาณ  พ.ศ.  2543  (ตุลาคม 2542 - มีนาคม 2543)  ของ 
กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีการดำเนินการเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8  ทาง  
ด้านการบริการขนส่งและสื่อสารโทรคมนาคม  ได้แก่  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  การพัฒนาศักยภาพทาง 
เศรษฐกิจของพื้นที่เฉพาะและพื้นที่เมือง  การพัฒนาสภาพแวดล้อมทางสังคม  ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์
สิน การฟื้นฟูบูรณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและแนวทางการดำเนินงานใน  
ระยะต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการกำหนดเครื่องชี้วัดเพื่อแสดงผลที่ได้รับจากการปฏิบัติงาน 
ภายใต้แผนปฏิบัติการประจำปีดังกล่าว  และการดำเนินโครงการต่าง ๆ  ในระยะต่อไป ควรจะพิจารณาดำเนิน 
โครงการให้สอดคล้องกับการจัดลำดับความสำคัญโครงการ ลงทุนขนาดใหญ่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน  ตามมติ 
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543  ต่อไปด้วย) ไปดำเนินการ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง  การดำเนินการโครงการอุทยานสัตว์ป่านครสวรรค์  คืนไปได้  
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางปวีณา หงสกุล) เสนอ โดยให้องค์การสวนสัตว์นำไปพิจารณา  
ทบทวนในบางประเด็น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ 
การจัดลำดับความสำคัญโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ช่วงปี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2549   ตาม  
ข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และมอบหมายให้หน่วยงาน 
เจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ พิจารณาเร่งรัดหรือทบทวนโครงการที่อยู่ในกลุ่มต่าง ๆ
ตามข้อเสนอของ  สศช.  และให้รับประเด็นความเห็นและข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับการพิจารณาเงื่อนไขทาง 
ด้านงบประมาณของรัฐและภาระหนี้สินของประเทศ ตลอดจนความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 
การศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม   การบริหารจัดการน้ำเสียและขยะให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ    การจัด 
กลุ่มโครงการเพื่อกระจายโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนและระบบไฟฟ้าไปยังพื้นที่ภูมิภาคและชนบท การประสาน
การดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกันของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งมาตรการดูแลรักษา 
สิ่งก่อสร้างเพื่อให้เกิดความเสียหายและสิ้นเปลืองงบประมาณน้อยที่สุด)  ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อ 
ไป   ทั้งนี้  ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานผลการดำเนินโครงการในกลุ่มโครงการที่ควรเร่งรัดผลักดันให้  
แล้วเสร็จและกลุ่มโครงการที่ควรสนับสนุนให้เริ่มดำเนินการให้ คศก. ทราบทุก  1  เดือน  ส่วนโครงการในกลุ่ม  
ที่มีประเด็นเพื่อสร้างความชัดเจนหรือพิจารณาทบทวน ให้รายงานผลการพิจารณาทบทวนให้  คศก.  พิจารณา  
ภายใน 3 เดือน   สำหรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี  (นายพิชัย  รัตตกุล)  (เกี่ยวกับการให้ สศช. 
รับผิดชอบการศึกษาด้านนโยบายการจัดสรรการลงทุนนโยบายราคา รวมถึงการบริหารจัดการเพื่อกำหนดทิศ 
ทางการลงทุนในภาพรวมเท่านั้น  นอกจากนี้ ควรจัดลำดับความสำคัญภายในแต่ละสาขาให้เป็นไปตามอำนาจ  
หน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายสาขานั้น ๆ โดยให้มี สศช. ร่วมด้วย)  มอบให้  สศช.  รับไป 
พิจารณา

า

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ  โดยเห็นชอบ 
ในการที่ประเทศไทยจะลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสหภาพยุโรปในการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการเทค  
โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประจำเอเชีย (Programme Management Office : PMO) ในประเทศไทย   และ 
เห็นชอบข้อตกลงโครงการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการ  PMO  เพื่อใช้ในการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ  
ระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปต่อไป  และให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติเป็น  
ผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว   โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ  รับข้อสังเกต   
ของกระทรวงการคลัง  (เกี่ยวกับการพิจารณารายละเอียดของประโยชน์ที่ได้จากการจัดตั้งสำนักงาน  PMO  ว่า 
เป็นผลประโยชน์ในลักษณะต่างตอบแทนหรือไม่    กำหนดรายละเอียดประเภทสิ่งของและเงื่อนไขเวลาของการ  
นำเข้าตามโครงการ ฯ และเงื่อนไขในการเสียภาษีอากรหากมิได้มีการ re-export สิ่งของตามที่ระบุใน Article 6   
และการยกเว้นภาษีเงินได้และธุรกิจของบุคคลและพนักงาน ซึ่งควรยกเว้นให้เฉพาะบุคลากรทางวิชาชีพเท่านั้น) 
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เจียดจ่ายจากงบประมาณของโครงการ   
จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง  สำหรับงบประมาณที่  
จะใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ถึง พ.ศ. 2547   สำนักงบประมาณาจะพิจารณาจัดสรรให้สอดคล้องกับแผนการดำเนิน 
งานตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ  (กพช.)  ครั้งที่  3/2543    
(ครั้งที่ 73)  เมื่อวันที่  13  มีนาคม  2543  รวม  2  เรื่อง  คือ  เรื่องการประเมินผลกระทบจากราคาน้ำมันที่
เพิ่มสูงขึ้น และมาตรการบรรเทาผลกระทบ โดยเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบต่อราคา  
น้ำมันที่สูงขึ้น  ประกอบด้วย  มาตรการลดราคาน้ำมันเพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะกลุ่มที่ได้รับความ    
เดือดร้อนโดยตรง ได้แก่ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มประมง กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารและรถบรรทุก รวมทั้งกลุ่ม
อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม มาตรการปรับเปลี่ยนพลังงาน โดยปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันเป็นก๊าซ   
ธรรมชาติมากขึ้น ทั้งในภาคการผลิตไฟฟ้า  ภาคอุตสาหกรรม  และภาคคมนาคมขนส่ง   มาตรการประหยัด  
พลังงานโดยการให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพิจารณาให้การสนับสนุนในการดำเนินโครงการ   
อนุรักษ์พลังงาน และมาตรการด้านอื่น ๆ  กับเรื่อง  ขอผ่อนผันระยะเวลาในการติดตั้งระบบควบคุมไอระเหย  
น้ำมันเบนซิน ระดับที่ 1 (Stage 1)  ในคลังน้ำมัน  รถบรรทุกน้ำมัน  และสถานีบริการน้ำมันในเขตกรุงเทพ   
มหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 มกราคม 2543 เลื่อนเป็น
วันที่ 1 กรกฎาคม 2544 ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ  รับทราบ 
รายงานผลการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส  ครั้งที่  8   โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ  
สามฝ่าย  อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย   ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
เสนอ สรุปได้ว่า  ที่ประชุมได้รายงานความก้าวหน้าและเร่งรัดให้เกิดการนำไปสู่การปฏิบัติของโครงการต่าง ๆ ใน  
สาขาเกษตรและประมง  สาขาการท่องเที่ยว  สาขาการขนส่งทางบก  ทางน้ำ  และทางอากาศ  สาขาการสื่อสาร 
โทรคมนาคม    สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเคลื่อนย้ายแรงงาน   สาขาพลังงาน    สาขาการค้าและ
ศุลกากร  สาขาการเงินและการลงทุน  และสาขาอุตสาหกรรม  รวมทั้งเห็นชอบข้อเสนอแนวทางใหม่  การพัฒนา
โครงการ ฯ หลังปี ค.ศ. 2000 ของฝ่ายไทย โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจเฉพาะสงขลา - ปีนัง - เบลาวัน 
การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมสามประเทศ (Task  Force) เพื่อทำหน้าที่กำหนดกรอบแนวทางและยุทธศาสตร์
การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจปีนัง - สงขลา - เบลาวัน  นอกจากนี้  รองนายกรัฐมนตรี  (นายศุภชัย พานิชภักดิ์)  
ชี้แจงเพิ่มเติม (เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้  จึงได้กำหนด  
พื้นที่ใหม่เป็น ปีนัง - สงขลา - เบลาวัน ซึ่งมีศักยภาพสูงและมีความพร้อมในด้านพื้นที่   รวมทั้งสามารถดึงดูดให้  
เอกชนที่สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการเส้นทางสตูล - เปอร์ลิส
ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ 
รายงานความคืบหน้าโครงการลงทุนเพื่อสังคม  (Social  Investment  Project)   ณ   วันที่  31  ธันวาคม  2542  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน  แหล่งเงินทุนในการดำเนินโครงการ  โครงสร้าง   
การบริหารและจัดการโครงการลงทุนเพื่อสังคม ความคืบหน้าของการดำเนินงานและการเบิกเงินกู้ของโครงการ   
การติดตามและประเมินผล   และสรุปภาพรวมของการดำเนินโครงการ    และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความ 
เห็นและข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการซึ่งยังมีความล่าช้า  จึงให้กรุงเทพมหานคร  
เร่งดำเนินโครงการสร้างโอกาสในการจ้างงานเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมในระยะสั้น กับให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศ   
ไทยติดตาและมเร่งรัดงานปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวให้แล้วเสร็จโดยให้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้อง  ให้ 
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อปรับปรุงคุณภาพของแรงงาน การหารือร่วมกับธนาคารโลกเพื่อ 
พิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาชุมชนเมือง (RUDF) การพิจารณานำวงเงินกู้ตามโครง  
การ ฯ ไปดำเนินการโครงการกำจัดน้ำเสียและขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในรูปเงินยืมและชดใช้  
คืนภายหลัง  และการพิจารณาแหล่งเงินในการดำเนินโครงการของส่วนราชการ หากสามารถดำเนินการโดยใช้  
งบประมาณปกติได้ควรขอตั้งงบประมาณตามปกติโดยไม่พึ่งพาเงินกู้) ไปดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน  
พ.ศ. .... (ให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้  
แจงและเหตุผลจากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ  หรือราชการส่วนท้องถิ่น  ก่อนการอนุญาต 
หรือการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต   
หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับประชาชนหรือชุมชนท้องถิ่นและมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเพื่อนำมา  
ประกอบการพิจารณดำเนินการให้เกิดประโยชน์) ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะ  
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย รัตตกุล) รัฐมนตรี 
ช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (เกี่ยวกับการกำหนดให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น สำนัก  
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบเป็นฝ่ายเลขานุการ และเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย 
ค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานดังกล่าว  ทั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพของการบริหารเงินงบประมาณในการจัดทำประชา  
พิจารณ์ นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่ควรมีบทบัญญัติให้มีการอุทธรณ์ผลการตัดสินใจของหน่วย
งานของรัฐได้ และควรกำหนดเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการซึ่งเป็นปัญหาว่า จะถือเป็นการ 
ประชาพิจารณ์หรือไม่อย่างไรให้มีความชัดเจน) รวมทั้งข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการ
พิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 


           

             

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ  
รายงานผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการว่างงานของผู้มีการศึกษาโครงการ  "เกษตรทฤษฎีใหม่"  ตามแนวพระ 
ราชดำริ  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และตามที่ปลัดกระทรวงเกษตร  ฯ   ชี้แจงเพิ่มเติม   (สรุปได้ว่า 
กระทรวงเกษตร ฯ  ได้รับอนุมัติเงินกู้  ADB  เพื่อดำเนินการตามโครงการในวงเงิน  777 ล้านบาท  และได้จัดสรร
วงเงินให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด   เพื่อทำการจัดจ้างผู้ว่างงานที่มีการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป   ใน
ตำแหน่งบัณฑิตอาสา จำนวน 750 อัตรา  เป็นเวลา 1 ปี  สิ้นสุดการจ้างในเดือนมกราคม  2543  และตั้งแต่เดือน
กุมภาพันธ์ - กันยายน 2543  กระทรวงเกษตร ฯ ได้รับงบประมาณปกติเพื่อรองรับการดำเนินงานต่อไป  รวมทั้ง
หน้าที่ของบัณฑิตตามโครงการ และการรับช่วงต่องานโครงการ     เมื่อโครงการสิ้นสุดลง    เกษตรตำบลจะรับช่วง
สานต่องานของบัณฑิตอาสาที่ดำเนินงานไว้)  โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ รับความเห็นของ คศก. (เกี่ยวกับการสร้าง
ความเข้าใจที่ชัดเจนกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า การจ้างบัณฑิตอาสาเป็นเพียงการดำเนินการตามโครงการชั่วคราว   และจะ
ต้องได้รับการสานต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง     การติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อ
เนื่องเป็นระบบ และรายงานให้ คศก. ทราบด้วย) ไปดำเนินการต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.)  คือ  อนุมัติ 
หลักการโครงการภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ระยะที่ 2  ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ  และให้ 
กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง  
ชาติ  และ  คศก.  (เกี่ยวกับการให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปหารือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่ง  
แวดล้อม  กระทรวงการคลัง  และสำนักงบประมาณ ในเรื่องเป้าหมาย   วิธีการดำเนินงาน   ผู้รับผิดชอบหลักใน  
กิจกรรมของโครงการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันและเสนอ คศก. อีกครั้งหนึ่ง กับให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสาน 
ให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.) ราย    
งานผลการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการภายใต้แผนระยะที่ 1 เสนอต่อกระทรวงการคลังก่อนจัดสรรเงินสินเชื่อใน   
ระยะที่ 2  การแก้ไขปัญหาอุปสรรคและหากระบวนการไปสู่ภาคปฏิบัติ   การขยายเป้าหมายการให้บริการไปสู่
สหกรณ์ต่าง ๆ  ที่มีศักยภาพ  การประสานงานกับกระทรวงต่าง ๆ  เพื่อการดำเนินโครงการไม่ซ้ำซ้อนกัน  การ  
เสริมโครงการประเภทอื่น ๆ เช่น  โครงการที่ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร  และโครงการด้านเทค 
โนโลยีสารสนเทศ  การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมผ่านสถาบันการเงินพิเศษของรัฐ  และ 
การรายงานผลการติดตามการดำเนินการตามแผนให้ คศก. ทราบทุก 2 เดือน) ไปดำเนินการต่อไป  

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินโครงการเสริมศักยภาพการฝึกของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดด้านครุภัณฑ์การฝึก (โครงการเงิน   
กู้เดนมาร์ก) ระหว่างเดือนตุลาคม - ธันวาคม  2542  เกี่ยวกับการลงนามสัญญาเงินกู้  การดำเนินงานของ 
บริษัทผู้ดำเนินโครงการ และสรุปผลการดำเนินโครงการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ 
รายงานผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจไตรมาสแรกของปีงบประมาณ  2543  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ 
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ   และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับการ  
ขยายให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติอย่างกว้างขวางและครอบคลุมยิ่งขึ้น     รวมทั้งการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่จะ 
ต้องมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมนั้น  ให้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อมร่วม
ในการจัดทำโครงการตั้งแต่เริ่มต้น) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงรายการครุภัณฑ์ จากจำนวน 39  
รายการ เป็น 31 รายการ  และให้ดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ในส่วนที่เหลือตามลำดับความสำคัญรองลงมา   
และพิจารณาปรับจำนวนขึ้นตามความจำเป็นที่แท้จริงของหน่วยงานกลุ่มเป้าหมายเดิม  โดยให้อยู่ในกรอบ   
วงเงินและรายการตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทางราชการ และไม่ผลกระทบ   
ต่อแผนการดำเนินโครงการโดยรวม  ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ    โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกต   
ของสำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญ การจัด   
หาครุภัณฑ์  และจัดซื้อเฉพาะครุภัณฑ์ที่มีความสำคัญลำดับแรกก่อน  หากผลการประกวดตามเงื่อนไขของ  
แหล่งเงินกู้ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่ำกว่าวง  
เงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ก็ให้ดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ในลำดับความสำคัญรองลงมา โดยปรับจำนวนชิ้น  
ตามความจำเป็นที่แท้จริงของหน่วยงาน  รวมทั้งในการจัดซื้อตามผลการประกวดราคาที่ได้ดำเนินการแล้ว  
และการจัดซื้อครั้งใหม่ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของระเบียบดังกล่าว และที่แก้ไข
เพิ่มเติมไปดำเนินการด้วย

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะ 
กรรมาธิการแม่น้ำโขง    สรุปได้ว่า   บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมาธิ   
การ ฯ  ในการดำเนินโครงการและกิจกรรมในประเทศไทย   โดยคณะกรรมาธิการ ฯ  ได้รับยกเว้นจากภาษี 
ทางตรง   ภาษีศุลกากร   ภาษีมูลค่าเพิ่ม   ภาษีสรรพสามิต  สำหรับทรัพย์สินสิ่งของและวัสดุอุปกรณ์  และ 
พนักงาน  ผู้เชี่ยวชาญ  ที่ปรึกษาของโครงการ ฯ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินเดือนค่าตอบแทนที่คณะ   
กรรมาธิการ ฯ จ่ายให้ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเล็กน้อยในประเด็นซึ่งมิใช่สาระสำคัญก่อน  
การลงนาม  ให้สามารถดำเนินการต่อไปได้  และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนาม
ในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  6  พฤษภาคม  2540  เรื่อง 
มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่  กพอ. 1/2540  เรื่อง  โครงการก่อสร้าง 
ท่าเรือแหลมฉบัง  ขั้นที่  2  เกี่ยวกับการงดนำรายได้ส่งรัฐและนำเงินมาลงทุนในโครงการดังกล่าว  ซึ่งจะก่อ  
ให้เกิดปัญหากับการบริหารงาน   และการของดนำรายได้ส่งรัฐดังกล่าวคงเป็นไปไม่ได้ จึงให้นำรายได้ส่งรัฐ  
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยตามภาระของรัฐบาลใน 
สัดส่วนร้อยละ 60 ของเงินลงทุนเพื่อทดแทนวงเงินที่ของดนำเงินรายได้ส่งรัฐ  และเห็นชอบให้การท่าเรือ ฯ     
เลื่อนระยะเวลาการนำรายได้ส่งรัฐในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542  และ พ.ศ. 2543  ไปนำส่งในปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2544 โดยให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความเหมาะสมและความ  
จำเป็นต่อไป      รวมทั้งเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันในการดำเนินโครงการต่าง ๆ   
ของรัฐวิสาหกิจซึ่งต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณมิให้มีการงดนำส่งรายได้เข้ารัฐ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปลงทุนใน     
โครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล  ทั้งนี้  เงินลงทุนในส่วนของรัฐบาลให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการขอตั้งงบประมาณ    
รายจ่ายกับสำนักงบประมาณตามวิธีการโอนพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ  พ.ศ. 2502  ต่อไป   ตาม  
ความเห็นของสำนักงบประมาณ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินโครงการเสริมศักยภาพการฝึกของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดด้านครุภัณฑ์การฝึก (โครงการเงิน
กู้เดนมาร์ก) ระหว่างเดือนมิถุนายน - กันยายน 2542 เกี่ยวกับการประกวดราคา การจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึก ผล
การพิจารณาคัดเลือกผู้เข้าประกวดราคา  การลงนามสัญญาจัดซื้อ  ระยะเวลาดำเนินโครงการ   และสรุปผล
การดำเนินโครงการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 211 เรื่อง การยุบโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการ 
การประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.)  และกระทู้ถามที่ 215 เรื่อง การต่อสัญญาระหว่างกรมการศึกษานอกโรงเรียน 
และมูลนิธิไทยคม ของนายอำนวย คลังผา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  รวม 2 เรื่อง และมอบให้รัฐมน
ตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม สรุปได้ดังนี้ กระทู้
ถามที่ 211 รัฐบาลจะสามารถจัดหารถเพื่อรับ - ส่งนักเรียนที่ต้องย้ายไปเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่ที่อยู่ห่างไกล
ออกไปจากเดิมหรือไม่  ถ้าไม่ได้เพราะเหตุใด  หากจัดหารถรับ - ส่งนักเรียนได้จะดำเนินการอย่างไร จะดำเนินการ
ได้เมื่อใด และจะมีมาตรการอย่างไรหรือไม่ที่จะหาที่เรียนที่ใกล้บ้านให้กับนักเรียนที่โรงเรียนถูกยุบ   และกระทู้ถามที่
215  รัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดสรรงบประมาณปี 2543 ให้กรมการศึกษานอกโรงเรียนไปดำเนินการต่อสัญญากับ
มูลนิธิไทยคมในการส่งสัญญาณผ่าวดาวเทียมเพื่อเผยแพร่การศึกษาให้กับประชาชนชนบทได้หรือไม่  และหากไม่ได้จัด
สรรงบประมาณดังกล่าวไว้เป็นเพราะเหตุใด  รวมทั้งในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การดำเนินการตามสัญญาระหว่าง
มูลนิธิไทยคมกับกรมการศึกษานอกโรงเรียนมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด การดำเนินโครงการดังกล่าวตลอดระยะ
เวลาตามสัญญา 5 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณไปจำนวนเท่าใด หากมีการต่อสัญญาไปอีก 5 ปี จะต้องใช้งบประมาณเท่าใด)

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ  รับทราบ   
ข้อมูลการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการต่าง ๆ ที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับภาพรวมของโครงการ   
เงินกู้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 สถานะการเบิกจ่ายโดยรวม  โครงการที่ดำเนินการ  
เรียบร้อยแล้ว โครงการผูกพันใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2542  การเบิกจ่ายโครงการลงทุน  รวมทั้งการพิจารณา   
โครงการที่มีศักยภาพการเบิกจ่ายต่ำ และมาตรการเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่าย  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้ 
กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับการขาดกลไกการบริหารที่เข้มแข็งและการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร 
ระดับสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาการเบิกจ่ายเงินล่าช้า  นอกจากนี้  การดำเนินโครงการขาดความต่อเนื่อง ควรเพิ่ม   
ความเข้มงวดเป็นพิเศษในการกำกับดูแลหน่วยงานที่มีการกู้เงินแล้วไม่ใช้หรือเบิกจ่ายเงินกู้ต่ำแต่ได้เสนอโครงการ  
ใหม่เข้ามา ไม่ควรรับพิจารณา)  ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการปรับปรุง 
และพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า 
อยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542  โดยได้มีการปรับปรุง
ย่านทางรถไฟ อาคารสถานี และการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟธนบุรี  การปรับปรุงท่าเทียบเรือบริเวณ
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา การก่อสร้างสวนสาธารณะและสวนหย่อมด้านหน้าสถานีรถไฟ  การก่อสร้างอาคารศูนย์อุบัติ
เหตุ โรงพยาบาลศิริราช การก่อสร้างทางลดขาขึ้น (RAMP) สะพานอรุณอัมรินทร์  การก่อสร้างเขื่อนเพื่อป้องกัน 
ปัญหาน้ำท่วม  การก่อสร้างถนน  ปรับปรุงโกดังสินค้าและการก่อสร้างท่าเทียบเรือ  โครงการก่อสร้างตลาดแห่ง 
ใหม่และลานจอดรถ รวมทั้งการก่อสร้างสถานีบริการเชื้อเพลิงเพื่อสวัสดิการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่  719 ร. เรื่อง โครงการปลูกต้นไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร
ของนางสาวรัตนา อนันต์นาคินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และ
ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม สรุปได้ดังนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้โครงการปลูก 
ต้นไม้ในเขตกรุงเทพมหานครขยายพื้นที่ดำเนินการให้ทั่วถึงและต่อเนื่องหรือไม่ รวมทั้งการดำเนินโครงการดังกล่าว 
มีปัญหาอุปสรรค และมีการแก้ไขอย่างไร)