คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกดำเนินการก่อสร้างอาคารแสดง  
สินค้าศิลปหัตถอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกและอาคารตลาดศิลปาชีพบางไทร  ภายในวงเงินทั้งสิ้น  635,962,500
บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ จำนวน 409,060,000 บาท  และเจียดจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย  
ประจำปี พ.ศ. 2542 จำนวน 5,000,000 บาท และผูกพันงบประมาณปี 2543 - 2545  อีกจำนวน 221,902,500  
บาท  ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ   โดยคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ในการดำเนินโครงการอาคารศิลปหัตถ 
อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกและตลาดศิลปาชีพบางไทร นั้น ควรให้ภาคเอกชนเป็นผู้บริหาร

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจเกี่ยวกับดัชนี
ชี้นำเศรษฐกิจเดือนมีนาคม  2542  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เสนอ  สรุปได้ว่า  ดัชนีชี้นำวัฏจักรธุรกิจ (หรือดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ) ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ระดับ 112.1  โดย
เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่าดัชนีชี้นำต่ำสุดเดือนพฤษภาคม โดยตัวแปรชี้นำที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ มูล
ค่าทุนจดทะเบียนใหม่กับกระทรวงพาณิชย์ วงเงินลงทุนกิจการเปิดดำเนินการใหม่และขยายกิจการที่ได้รับ
การส่งเสริมจาก BOI ดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ และปริมาณเงินแท้จริง (MI/CPI)

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  คือ  รับทราบรายงาน 
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ  4  เดือนแรก   และข้อมูลเบื้องต้น  5  เดือนแรกของปี  2542   ตามที่ 
กระทรวงพาณิชย์รายงาน   และตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายประวิช รัตนเพียร)  ชี้แจงเพิ่มเติม
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปราย (เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการกระตุ้นการส่งออกสินค้าเกษตรและ  
การสนับสนุนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม การหารือร่วมกันในการประชุม  Export  Summit  ถึงผลกระทบของผู้   
ประกอบการทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกของไทยจากกรณีที่ประเทศไทยจะต้องลดอัตราภาษีนำเข้าตามข้อตกลง  AFTA  
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 การเตรียมรับผลกระทบดังกล่าว และการมีบทบาทของรัฐ รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ 
รับไปดำเนินการทำความเข้าใจกับสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องการขายข้าวให้อิหร่านว่าโดยเท็จจริงแล้ว แม้ว่าการขาย
ข้าวให้อิหร่านจะขาดทุนแต่ก็มีผลทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีแก่เกษตรกร) ไปดำเนินการต่อไป
          

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  คือ  รับทราบรายงาน 
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ  4  เดือนแรก   และข้อมูลเบื้องต้น  5  เดือนแรกของปี  2542   ตามที่ 
กระทรวงการคลังรายงาน  และตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายประวิช รัตนเพียร)  ชี้แจงเพิ่มเติม 
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปราย (เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการกระตุ้นการส่งออกสินค้าเกษตรและ 
การสนับสนุนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม การหารือร่วมกันในการประชุม  Export  Summit  ถึงผลกระทบของผู้   
ประกอบการทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกของไทยจากกรณีที่ประเทศไทยจะต้องลดอัตราภาษีนำเข้าตามข้อตกลง  AFTA 
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 การเตรียมรับผลกระทบดังกล่าว และการมีบทบาทของรัฐ) ไปดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจเกี่ยวกับดัชนีชี้
นำเศรษฐกิจเดือนมีนาคม 2542 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ว่า ดัชนีพ้องวัฏจักรธุรกิจ (Coinciden
index) จนถึงเดือนมีนาคม 2542  เท่ากับ  99.1  ซึ่งยังคงปรับตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคม  2541
แต่ปรับตัวลดลงจากเดือนภุมภาพันธ์  2542   เป็นผลให้อัตราการเจริญเติบโตของดัชนีพ้องวัฏจักรธุรกิจลด
ลง ขณะที่ดัชนีชี้นำวัฏจักรธุรกิจ (Leading index) ในเดือนมีนาคม 2542  ปรับตัวสูงขึ้นจากจุดต่ำสุด  และมี
ทั้งปรับตัวสูงขึ้นและลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2542 โดยตัวแปรที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ปริมาณเงิน
ในความหมายแคบ (M1) ดัชนีราคาหุ้นเงินทุนจดทะเบียนธุรกิจรายใหม่และมูลค่าทางการส่งออกในรูปเงิน
บาท ส่วนตัวแปรชี้นำที่ลดลง ได้แก่ พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยว

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด  พ.ศ.  2535
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ (โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในส่วนของการคุ้มครอง 
ผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ผู้ถือหุ้นส่วนรายย่อยสามารถใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นได้อย่างแท้จริง    แก้ไขปรับปรุงกฎ 
หมายในส่วนบทบาทและความรับผิดชอบของกรรมการเพื่อกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการ  
ให้มีความชัดเจน   และเพื่อกำกับดูแลมิให้ผู้บริหารของบริษัทอาศัยช่องทางไปในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน 
ออกจากบริษัทหรือกระทำการอื่นใดในลักษณะเอาเปรียบ (non - controlling shareholder) ได้    และแก้ไข 
ปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่อาจเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการปรับโครงสร้างภาคธุรกิจเอกชนให้สอดคล้อง 
กับผลการศึกษาเรื่อง   ปัญหาและอุปสรรคการขายหนี้ที่มีปัญหา    การขายหุ้นที่เกิดจากการแปลงหนี้เป็น
ทุนหรือการบริหารหนี้ที่ได้มีการแปลงเป็นทุนโดยผู้บริหารมืออาชีพแทนสถาบันการเงิน)  และให้กระทรวง
พาณิชย์รับไปดำเนินการยกร่างกฎหมาย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ เห็นชอบ
ในหลักการยุทธศาสตร์พืชหลัก ตามที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ  โดยให้เปลี่ยนชื่อ 
เป็น  "ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรหลัก"  และมอบหมายให้คณะกรรมการหรือองค์กรที่ดูแลสินค้าเกษตรแต่ละชนิด 
รับไปพิจารณาในรายละเอียด แล้วรายงานผลให้ คศก. ทราบ โดยให้รับความเห็นของ  คศก.  ในส่วนที่เกี่ยวข้อง   
(เกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องที่ยังมีข้อโต้แย้งกันหรือเรื่องที่ต้องมีการตัดสินใจ    ตลอดจนการกำหนดยุทธศาสตร์  
ในระยะยาว  การให้ความสำคัญในเรื่องการพยายามลดการกีดกันทางการค้าในต่างประเทศ   การให้สำนักงาน 
พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้มีส่วนร่วมสนับ  
สนุนในการผลิตและการแปรรูป    รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก)  ไป
พิจารณาด้วย   และให้กระทรวงเกษตร ฯ รับความเห็นของ คศก. (เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบ 
ล่วงหน้าในส่วนของมาตรการช่วยเหลือว่าบางมาตรการไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากข้อผูกพันทางการค้า WTO
ที่ไทยจะต้องจำกัดการอุดหนุนการผลิตสินค้าเกษตรภายในประเทศ) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการ 
ประหยัดในภาครัฐ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์  ประจำเดือนธันวาคม 2541  เปรียบเทียบกับ 
เดือนสิงหาคม 2540 มีการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาลดลง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงาน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการ 
ประหยัดในภาครัฐ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์  ประจำเดือนมกราคม 2542  เปรียบเทียบกับ
เดือนสิงหาคม 2540 มีการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาลดลง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงาน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงพาณิชย์ 
ระยะที่ 1 (ตุลาคม 2541 - มีนาคม  2542) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2542 (ประกอบด้วย ภาพรวมงาน/โครงการ
ที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ส่วนที่ 1 นโยบายการเมือง  การปกครอง  การบริหารราชการ  ความมั่นคง  และ 
การต่างประเทศ รวม 17 งาน/โครงการ  ส่วนที่ 2  นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวม 19 งาน/โครง
การ  และผลการดำเนินงานเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล รวม 8 งาน/โครงการ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์ 
รายงาน 
 

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ
รับทราบดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2542 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงการ
คลัง  กระทรวงพาณิชย์  และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  รับความ
เห็นและข้อสังเกตของ คศก.  ในส่วนที่เกี่ยวข้อง  (เกี่ยวกับการนำตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคมาตีความยัง
คลาดเคลื่อนจากหลักวิชาการ  ซึ่งส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ
รัฐบาล จึงให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน   ตลอดจนการประสานดำเนิน
การในการกำหนดกรอบทิศทางเศรษฐกิจ (Economic  Blueprint) การรายงานสถานะราคาของสินค้า
ต่าง ๆ ควรระบุด้วยว่า เป็นข้อมูล  ณ  เวลาใด  เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง  รวมทั้งติดตามผลการเบิกจ่าย
ภาครัฐตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้มาตรการเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตาม
โครงการมิยาซาวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค)  ไปดำเนินการต่อไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  (คศก.)  คือ 
รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามโครงการผลักดันการส่งออกเพื่อเพิ่มสัดส่วนการส่งออก 
ไปตลาดใหม่ รวม  3  มาตรการ  คือ  มาตรการด้านการเงิน   มาตรการด้านภาษี   และมาตรการส่งเสริม  
การส่งออก และเห็นชอบให้กำหนดกลุ่มตลาดใหม่ที่จะผลักดันการส่งออกให้ชัดเจน รวม  7  ตลาด  ตามที่ 
กระทรวงพาณิชย์เสนอ   โดยให้รับความเห็นของ คศก.  (เกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลข่าวสารการเปิดตลาด
สินค้าใดบ้างในกลุ่มตลาดใหม่ 7 กลุ่มที่ต้องเข้าสู่กระบวนการเปิดเสรีทางการค้า สนับสนุนการดำเนินงาน 
ของบริษัทการค้าระหว่างประเทศในการทำการค้าต่างตอบแทน และการช่วยผลักดันสินค้าของไทยเพื่อหา  
ตลาดในต่างประเทศ พร้อมทั้งดำเนินการขยายตลาดโดยการแลกเปลี่ยนสินค้า รวมทั้งการสร้างมาตรการ
เพื่อให้เกิดความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกไทย) ไปดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 136 เรื่อง
ผลกระทบของการขึ้นราคารถยนต์ต่อเกษตรกร ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี
และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุป
ได้ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการติดตามสถานการณ์การผลิต การจำหน่าย และความเคลื่อนไหวของ
ราคารถยนต์เป็นประจำอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่  2  กรกฎาคม  2540  เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
ราคารถยนต์ได้ทยอยปรับสูงขึ้นตามลำดับ  เนื่องจากต้นทุนการผลิต/การนำเข้าสูงขึ้น  อย่างไรก็ตาม  รถยนต์
นั่งและรถยนต์บรรทุกเล็กบางตรามีการลดราคาลงประมาณคันละ 70,000-80,000 บาท เพื่อระบายสต๊อกรุ่น
เก่า และราคารถยนต์จะลดลงอีกตามภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลได้ประกาศลดลงจากอัตราร้อยละ  10  เหลือ
ร้อยละ  7  และปัจจุบันรถยนต์เป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด
พ.ศ. 2532 ซึ่งมีอำนาจในการกำกับดูแลราคาจำหน่าย ดังนี้ (1) ผู้ผลิต ผู้นำเข้า  และตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว
ของรถยนต์นั่งใหม่ ขนาดไม่เกิน 1600 ซีซี และรถยนต์บรรทุกเล็ก (ปิ๊กอัพ) ขนาด  1  ตัน  แจ้งการตั้งหรือปรับ
ราคาล่วงหน้าก่อนนำสินค้าออกจำหน่าย  (2) ผู้จำหน่ายปลีกต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายในลักษณะที่เห็น
ได้ชัดเจน และห้ามขายเกินราคาที่แสดงไว้ และ (3) จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบราคาจำหน่ายปลีกเป็นประจำ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทะเบียนการค้าเข้าร่วมลงนามในบันทึกช่วยจำ 
(MOU) ของ Asia - Pacific  Legal  Metrology  Forum  (APLMF)  เพื่อพัฒนางาน ชั่ง ตวง วัด  ในเชิงพาณิชย์ให้ได้  
มาตรฐานสากล  เป็นการขจัดอุปสรรคทางเทคนิคและบริการทางการค้าระหว่างประเทศ  ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการค้า 
และอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศให้เป็น 
ไปอย่างยุติธรรมและได้มาตรฐานสากล ตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร จำนวน 12 คน 
แทนกรรมการชุดเดิมซึ่งได้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดสองปีตามวาระแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดย 
ให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ  
ร้อยละ 10 ของราคา เอฟ โอ บี  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542  ตามที่กระทรวงพาณิชย์ 
เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.)  คือ
รับทราบดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ 2542 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงพาณิชย์เสนอ และมอบให้ สศช. และกระทรวงพาณิชย์ พิจารณา
ปรับปรุงการจัดทำดัชนีชี้นำเศรษฐกิจให้รวดเร็วขึ้น และให้รวมตัวแปรอื่น ๆ ที่ทดสอบแล้วพบว่า  เป็นตัว
แปรนำเพิ่มเติม รวมทั้งให้หน่วยงานที่จัดทำข้อมูลต่าง ๆ เร่งรัดการเผยแพร่ข้อมูลให้เร็วขึ้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ  
เรื่อง ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3  เดือนแรกของปี  2542  ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  และ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับการเปรียบเทียบตัวเลขการส่งออกควรจะ  
ใช้วิธีการเปรียบเทียบจากเดือนเดียวกันของปีนี้กับปีที่ผ่านมา การให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประสานกับสำนัก  
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในช่วง  4  
เดือนแรกของปี 2542  การให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศเพื่อจัดทำข้อมูลเอก   
สารรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3  เดือนแรกของปี  2542  โดยใช้กรอบระยะเวลาเดียว
กันเพื่อให้สามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบการส่งออกและการนำเข้าของประเทศต่าง  ๆ  ได้ชัดเจน  
ยิ่งขึ้น และให้นำข้อมูลเกี่ยวกับภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จัด 
ทำขึ้นนำเสนอต่อ คศก. ก่อนแถลงต่อสื่อมวลชน) ไปดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการประหยัด 
ในภาครัฐ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2541  เปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม
2540 มีการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาลดลง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการกำหนดมาตรการปกป้องการนำ 
เข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. .... (กำหนดมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ  เพื่อความมั่นคงทาง 
เศรษฐกิจของประเทศ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้