ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายจำเริญ โพธิยอด ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | กค. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ๒. นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางวรนุช ภู่อิ่ม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเอด วิบูลย์เจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
๕. นายชาญวิทย์ นาคบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
442 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางปิยรัชต์ สันตะรัตติวงศ์ และนางชินมนัส เลขวัต) | สธ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นางปิยรัชต์ สันตะรัตติวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขากุมารเวชกรรม) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๒. นางชินมนัส เลขวัต ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาตจวิทยา) สถาบันโรคผิวหนัง
กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
443 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... | สว. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
444 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายไชยยศ จิรเมธากร) | นร.04 | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายไชยยศ จิรเมธากร
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
[รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗
กันยายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
445 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2565-2567 เพื่อเป็นค่าเช่าสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ | สกช. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
446 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต [กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 2) | สธ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
447 | การเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) | กก. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
448 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซานตากรุซเดเตเนริเฟ ราชอาณาจักรสเปน (นายคริสท็อฟ คีสลิง) | กต. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. ปรับการเรียกชื่อตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ จากกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำหมู่เกาะคานารี
เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซานตากรุซเดเตเนริเฟ และสถานทำการทางกงสุลจากสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำหมู่เกาะคานารี
เป็นสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ เมืองซานตากรุซเดเตเนริเฟ
โดยยังคงสถานะของสถานทำการทางกงสุลเป็นสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ฯ ไว้เช่นเดิม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
449 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ ฯลฯ จำนวน 7 ราย) | กษ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๕ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ ๒. นายปราโมทย์ ยาใจ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ๓. นายประกอบ เผ่าพงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมม่อนไหม ๔. นายอภัย สุทธิสังข์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายสุรเดช สมิเปรม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
450 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายนราพัฒน์ แก้วทอง) | นร.04 | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
451 | การแก้ปัญหาส่งมอบพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (บริเวณพื้นที่โรงงานมักกะสัน) | สกพอ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมที่ดิน
และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการแก้ไข ทบทวน
หรือปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตตามมาตรา
๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓
ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อนุญาตให้ใช้ไม่เกิน ๕ ปี
นับแต่วันออกใบอนุญาต และการห้ามไม่ให้ขุดพื้นดินลึกจากพื้นดินทั่วไปเกินกว่า ๕
เมตร
เพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินสามารถดำเนินการขออนุญาตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
[Environmental Impact Assessment
(EIA)] และขออนุญาตก่อสร้างได้ในระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการขอถอนสภาพตามมาตรา
๘ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งนี้
สำหรับการขอใช้และการขอถอนสภาพลำรางสาธารณประโยชน์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติปัจจุบันนั้น
เมื่อได้มีการปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ
และมีผลใช้บังคับแล้วให้สามารถใช้แนวทางปฏิบัติตามระเบียบใหม่ไปดำเนินการต่อเนื่องได้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าของการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ
และกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในภาพรวม
และควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการรถไฟแห่งประเทศไทย
ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถมอบที่ดินได้ตามสัญญา
โดยการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับการดำเนินการภายใต้แนวคิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน
เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ภายใตแนวคิดดังกล่าวของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
452 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 รอบ 6 เดือน ครั้งที่่ 1 | กค. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รอบ ๖ เดือน
ครั้งที่ ๑ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การจัดทำรายงานการประเมินผลฯ มีโครงการทั้งสิ้น ๑,๑๐๘ โครงการ ๓ แผนงาน ประกอบด้วย ๑)
เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ๒)
เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ภาคประชาชน เกษตรกร
และผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และ ๓)
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
โดยคัดเลือกโครงการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญที่แล้วเสร็จ จำนวน ๑๙ โครงการ (๒)
คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ได้จัดทำรายงานการประเมินผลฯ ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๕ จำนวน ๑๙ โครงการ
ตามกรอบวงเงิน รวม ๘๐๕,๑๐๖.๕๕ ล้านบาท มีผลการเบิกจ่าย รวม
๗๙๕,๗๗๘.๗๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๘๔ ของกรอบวงเงิน
โดยทั้ง ๑๙ โครงการ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก
และสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จำนวน ๒,๖๕๔,๙๕๔.๗๕ ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐ จำนวน ๕๑๒,๔๐๖.๒๖
ล้านบาท โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน เช่น แผนงานที่ ๑
แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙
แผนงานที่ ๒ แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร
และผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และแผนงานที่ ๓
แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
453 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๕๗๔,๖๘๖,๖๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
454 | ผลการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
455 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับหน่วยบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 จำนวนเงินทั้งสิ้น ๓๖๕,๖๘๑,๗๐๗.๔๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
456 | แนวทางเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางสังคม | นร.08 | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายทางสังคม
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานการจัดทำแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งเสริมสังคมไทยอยู่ร่วมกันโดยเคารพความแตกต่างหลากหลาย
โดยให้ความสำคัญกับหลักการอดทนอดกลั้นและยึดมั่นแนวทางสายกลาง
อันจะเป็นการป้องกันและรับมือกับการบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรงทุกรูปแบบ
โดยมียุทธศาสตร์หลัก ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การป้องกัน (Pervention)
มุ่งเน้นการเฝ้าระวังความขัดแย้งและการเผยแพร่อุดมการณ์/แนวคิดที่นิยมความรุนแรง
(๒) การยับยั้ง (Deterring) มุ่งเน้นลดปัจจัยทางการเมือง
เศรษฐกิจ สังคม และขจัดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การมีแนวคิดที่นิยมความรุนแรง และ (๓)
การฟื้นฟูเยียวยา (Rehabilitation)
การนำผู้ที่มีแนวคิดที่นิยมความรุนแรงให้กลับเข้าสู่สังคม ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ปรับแนวทางในส่วนที่มอบหมาย
เพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง
การยับยั้งปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และการฟื้นฟูเยียวยากลุ่มเสี่ยงเพื่อเตรียมพร้อมกลับคืนสู่สังคม
อาทิ จำนวนสถานการณ์การชุมนุมที่มีการใช้ความรุนแรง
จำนวนเยาวชนและบุคคลทั่วไปที่เป็นผู้กระทำความผิดให้กลับคืนสู่สังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
457 | รายงานสรุปผลการพิจารณาการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 | สม. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
กรณีการชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๔
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ วรรค ๒
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ซึ่งได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๒๑
เมษายน ๒๕๖๕ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นข้อยกเว้น
เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งมีกลไกทางกฎหมายที่จะเข้ามามีการควบคุม ดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและกลั่นกรองตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกขั้นตอนแล้ว
และจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่รัฐบาลจะใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น
สำหรับการเร่งรัดจัดทำกฎหมายหรือระเบียบกลางในการช่วยเหลือเยียวยาที่ครอบคลุมทุกกรณี
กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำกฎหมายกลางดังกล่าว
รวมทั้งเห็นควรให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(กรุงเทพมหานคร) ร่วมกันกำหนดแนวทางในการหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนและแสวงหาทางออกร่วมกันและลดแรงกดดันต่าง
ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
458 | ร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และการสมัครเข้าเป็นภาคีความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ภายใต้กรรมสารเจนีวา ค.ศ. 1999 | พณ. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
459 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
460 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ | นร.53 | 27/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ
โดยมีผลการดำเนินการ ระยะที่ ๑ เช่น การเข้ารับการอบรมของผู้ประกอบการ SMEจำนวน ๑,๒๘๖ ราย (เป้าหมาย ๒,๐๐๐
ราย) การสนับสนุนค่าธรรมเนียม FX Options และค่าธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๓๙.๙๗ ล้านบาท (เป้าหมาย ๒๐๐ ล้านบาท)
และการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการฯ จำนวน ๙.๘๒ ล้านบาท (เป้าหมาย ๒๕ ล้านบาท)
ซึ่งโครงการดังกล่าวมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น สถานการณ์โควิด-๑๙
ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกและนำเข้าลดลง ทำให้ SME ไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผู้ประกอบการบางส่วนไม่เข้าใจเกี่ยวกับบริการ FX Options
และการประชาสัมพันธ์ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงยกเลิกการดำเนินโครงการฯ ในระยะที่
๒ (วงเงินส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๕ ล้านบาท) ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
และให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่ควรคำนึงถึงเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นด้วย เช่น
การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบอื่น เช่น สินเชื่อเพื่อการส่งออก และการประกันการส่งออก
เป็นต้น และควรดำเนินการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการส่งเสริมด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้ผู้ประกอบการ
SME
โดยนำปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมา นำมาปรับปรุงแผนการดำเนินโครงการดังกล่าว
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามเป้าหมายที่กำหนดรวมถึงสร้างความตระหนักความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ
ตามข้อสั่งการของประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕
และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|