ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | โครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถให้กับนักเรียน สำหรับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล | ศธ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถให้กับนักเรียน สำหรับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาโรงเรียนประจำตำบล (๑ ตำบล ๑ โรงเรียนคุณภาพ) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๘,๒๒๔ โรง ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามบริบทของชุมชนตนเอง ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน เพื่อให้ “โรงเรียนกลายเป็นศูนย์กลางในชุมชน” และมอบหมายสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๕๑,๙๐๔.๗๓ ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ (๓ ปี) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติเงินจัดสรรไว้แล้ว สำหรับการดำเนินการในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อยอดสู่การเรียนรู้ทักษะสำหรับศตวรรษที่ ๒๑ ควรเน้นการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนการสอนในลักษณะบูรณาการอย่างเป็นองค์รวม และการจัดการเรียนการสอนเชิงรุกที่เน้นการปฏิบัติจริง และควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการฯ ที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดที่สะท้อนการพัฒนาผู้เรียน รวมถึงการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อเก็บข้อมูลโรงเรียนในทุกมิติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) บูรณาการโครงการฯ ร่วมกับโครงการอื่น ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยพิจารณาจัดกลุ่มโรงเรียนในโครงการตามประเด็นการพัฒนาที่มีลักษณะเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน เช่น กลุ่มโรงเรียนที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มโรงเรียนที่ต้องการพัฒนา/ส่งเสริมคุณภาพครู เป็นต้น เพื่อให้สามารถวางแผนการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีเป้าหมายของการดำเนินการในแต่ละระยะที่ชัดเจน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ควรมีกลไกในการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการของโรงเรียน ก่อนที่จะขยายผลการดำเนินโครงการในแต่ละระยะเพื่อให้โรงเรียนดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อลดภาระให้แก่นักเรียน ครู และโรงเรียน และเป็นการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาที่ประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สามารถแก้ไขปัญหาที่มีความหลากหลายในแต่ละโรงเรียนและแต่ละบริบทให้ตรงประเด็นและตรงตามความต้องการของพื้นที่มากยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงเรียนขนาดกลางให้มีความพร้อม เพื่อเป็นศูนย์กลางให้แก่โรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อรองรับกรณีที่จะต้องมีการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในอนาคต ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การขอยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐) ๔. โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานจนกว่าปัญหาดังกล่าวจะหมดสิ้นไป ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงควรพิจารณาทบทวนและจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการต่าง ๆ โดยเน้นการพัฒนาหลักสูตรออนไลน์และพัฒนาระบบการเรียนการสอนด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วประเทศเป็นลำดับแรก เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย
|
.....