ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด | พณ | 24/07/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ด้านการตลาด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๒ โครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ ๖๕,๐๑๖.๙๘ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี กรอบวงเงินงบประมาณ ๖๔,๕๐๙.๑๗ ล้านบาท และ (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร กรอบวงเงินงบประมาณ ๕๐๗.๘๑ ล้านบาท โดยภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามผลการดำเนินการจริง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับวงเงินชดเชยส่วนต่างที่อาจจะเกิดขึ้น จำนวน ๒,๖๙๘.๕๐ ล้านบาท นั้น เห็นควรที่กระทรวงพาณิชย์และ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องบริหารจัดการระบายข้าวที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยคำนึงถึงวิธีการและขั้นตอนที่มีความโปร่งใส ชัดเจน โดยนำข้าวที่ผ่านการตรวจนับปริมาณและมีการตรวจวิเคราะห์และจัดระดับคุณภาพแล้วมาระบายตามจังหวะเวลา และช่องทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ การกำหนดเกณฑ์ราคาขั้นต่ำจะต้องไม่เป็นการชี้นำราคาข้าวในตลาด รวมถึงจำกัดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการโครงการดังกล่าวอย่างรอบคอบ ตลอดจนมีการติดตามการดำเนินโครงการและพิจารณาทบทวนให้เหมาะสมกับสถาพการณ์ ทั้งนี้ หากได้ดำเนินการตามขั้นตอนและคำนึงถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบแล้ว และยังมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก็ให้เสนอคณะรัฐมนตรีในโอกาสแรก ๑.๒ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน กรอบวงเงินงบประมาณ ๕๗๒ ล้านบาท หากมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการค่าชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าในการเก็บสต็อกที่เสนอตั้งไว้ จำนวน ๑๗๑.๕๑๙๙ ล้านบาท เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๓ การดำเนินโครงการในภาพรวมดังกล่าวข้างต้นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งดำเนินการอย่างโปร่งใส คำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ รวมถึงการลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว อันจะนำไปสู่เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของภาครัฐในภาพรวม โดยพิจารณาเป้าหมายและประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาบูรณาการการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับโครงการที่ส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหรือดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรรูปแบบอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากกว่าการปลูกข้าว และควรเชื่อมโยงข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลังด้วย เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังกำกับดูแลโครงการสินเชื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัดและไม่ก่อให้เกิดภาระทางด้านงบประมาณที่เพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ๔. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการฯ ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินมาตรการฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้รายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือนด้วย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....