ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | อื่นๆ | 07/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดินของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๑ (ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา) ได้จัดทำแผนการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการศึกษา ได้แก่ ๑.๑ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย มีเป้าหมายให้คนไทยในอนาคตต้องมีศักยภาพเพียงพอ มีความมั่นคงในชีวิต มีครอบครัวที่อยู่ดีมีสุข ทุกภาคส่วนร่วมมือและรับผิดชอบต่อสังคม มีตัวชี้วัดในการประเมินและติดตาม ครอบคลุมเด็กและเยาวชน สตรีและครอบครัว คนพิการ ผู้สูงอายุ คนไร้ที่พึ่ง/ขอทาน/ผู้ด้อยโอกาส ๑.๒ ด้านการศึกษา มีเป้าหมายพัฒนาระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ประชากรทุกช่วงวัยเข้าถึงโอกาสและความเสมอภาค ผู้เรียนแต่ละระดับได้รับการพัฒนาขีดความสามารถ มีทรัพยากรและทุนเพียงพอ มีระบบบริหารและจัดการที่มีประสิทธิภาพ ๑.๓ ด้านแรงงาน มีเป้าหมายในการจัดหา คุ้มครอง พัฒนา และสร้างหลักประกันให้แก่แรงงาน เพื่อให้คนไทยมีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้สูง ได้รับการคุ้มครองและมีหลักประกัน ๑.๔ ด้านปัจจัยแวดล้อม ประกอบด้วยด้านสังคม เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัยของโลก การพัฒนาศักยภาพและระดับคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การค้ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปสู่การค้าเสรีมากขึ้น มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น การเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ๔.๐ ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ เช่น บทบาทประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคอาเซียน การสรรหาและพัฒนาข้าราชการที่มีคุณภาพทดแทนข้าราชการที่เกษียณอายุ เป็นต้น ๒. รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานด้านกฎหมาย ระบบราชการ กระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ๒.๑ ด้านกฎหมาย ได้ดำเนินการเร่งรัดการออกกฎหมายโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว จำนวน ๑๗๒ ฉบับ และดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือเร่งด่วนทางบริหารหรือนิติบัญญัติ โดยออกเป็นคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งใช้อำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวมทั้งขับเคลื่อนกฎหมายสำคัญทางด้านกฎหมายเศรษฐกิจ กฎหมายที่ออกตามพันธกรณีระหว่างประเทศ กฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำ กฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการ มนุษยธรรมและแก้ปัญหาสังคม กฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย ๒.๒ ด้านระบบราชการ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาระบบราชการ โดยให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายทุก ๕ ปีที่กฎหมายใช้บังคับ ตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งวางหลักเกณฑ์ในการจัดทำแบบตรวจสอบความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ (Checklist) รวม ๑๐ ประการ และเพิ่มประสิทธิภาพในระบบราชการ โดยออกพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒.๓ ด้านกระบวนการยุติธรรม ได้มีการเร่งรัดนำคดีที่คั่งค้างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แก้ไขปัญหาด้านวิธีพิจารณาคดีให้รวดเร็วขึ้น โดยแก้ไขให้มีการโอนคดีได้ การให้คดีแพ่งสิ้นสุดในศาลอุทธรณ์ ให้มีการจัดตั้งแผนกคดีค้ามนุษย์ ยาเสพติด และให้มีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งให้มีกองทุนยุติธรรมขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ตามที่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น กรณีการเกิดเพลิงไหม้อาคาร ๗ ชั้น บริเวณซอยนราธิวาสราชนครินทร์ ๑๘ กรุงเทพมหานคร และกรณีเพลิงไหม้ที่พักนักเรียนหญิง โรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า อาคารที่เกิดเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ไม่มีระบบป้องกันหรือระงับอัคคีภัย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีมาตรการด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในอาคาร ได้แก่ ๓.๑ มีกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคารซึ่งจะบังคับใช้ในพื้นที่ที่กฎหมายกำหนด ๓.๒ การกำหนดประเภทของอาคารที่ต้องตรวจสอบ ๙ ประเภท เช่น อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน ซึ่งจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบอาคารทุกปีและตรวจสอบใหญ่ในทุก ๕ ปี ตลอดอายุการใช้งาน หากผลการตรวจสอบไม่ผ่านหลักเกณฑ์จะต้องปรับปรุงแก้ไขอาคารเพื่อให้มีความปลอดภัยต่อการใช้งานได้ตามเกณฑ์มาตรฐานต่อไป กรณีมีการฝ่าฝืนกฎหมายได้กำหนดบทลงโทษไว้ ๓.๓ พื้นที่นอกเขตควบคุมอาคารที่ต้องตรวจสอบมี ๔ ประเภท ได้แก่ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน และโรงมหรสพ ไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ใดให้ถือว่าเป็นพื้นที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารด้วย ๓.๔ กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งให้สำรวจและแจ้งให้เจ้าของอาคารที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบอาคารให้แล้วเสร็จทั้งหมดโดยเร็ว และรายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยทราบภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ๓.๕ กรณีอาคารอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมาย หากพบการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไป ๓.๖ กรณีอาคารเก่าที่เป็นอาคารสาธารณะ หรืออาคารที่มีผู้ใช้สอยจำนวนมาก ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นสำรวจและตรวจสอบอาคาร หากพบว่ามีสภาพไม่ปลอดภัยให้สั่งให้แก้ไขอาคารหรือระบบอุปกรณ์ให้มีความปลอดภัยหรือห้ามใช้อาคารได้ ๓.๗ ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการทุกจังหวัดกำชับเจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจสอบอาคารอย่างสม่ำเสมอทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่อาจเกิดเหตุสาธารณภัย เช่น อัคคีภัยและวาตภัย ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
.....