ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ข้อเสนอ แนวทาง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในรูปแบบแรงงานประมง | พม | 09/10/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อเสนอ แนวทาง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบแรงงานประมง และแนวทางการจัดตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมง เพื่อสกัดกั้นและขจัดขบวนการการค้ามนุษย์ ในรูปแบบแรงงานประมง ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ๓ เรื่อง ดังนี้ ๑.๑.๑ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับตัวเรือ บุคคลบนเรือ ให้สอดคล้องกับวิธีการทำประมงของไทย ได้แก่ การปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ข้อ ๒ และข้อ ๔ การปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ มาตรา ๒๘๕-๒๙๐ ว่าด้วยการจ้างและเลิกจ้างคนทำงานบนเรือ การปรับปรุงตำแหน่งหน้าที่และเอกสารรับรองคุณสมบัติคนบนเรือให้สอดคล้องกับศักยภาพขั้นต่ำและประสบการณ์ของแรงงานไทย และการปรับปรุงวิธีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตามเงื่อนไขของบันทึกความเข้าใจทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์) และคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าว ๑.๑.๒ การบังคับใช้กฎระเบียบและการตรวจสอบ ได้แก่ การดำเนินคดีกับสาย/นายหน้าที่หลอกลวงคนหางาน ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ การควบคุมเรือเข้า-ออกท่า การจัดระเบียบเรือประมงเข้าระบบอย่างถูกต้อง ทั้งตัวเรือ และตัวบุคคลบนเรือ การตรวจสอบเรือประมง คนทำงานบนเรือ และอุปกรณ์การทำงาน ให้เป็นไปตามกฎหมาย และกฎระเบียบต่าง ๆ การติดตั้งหรือพัฒนาระบบเพื่อใช้ในการบอกตำแหน่งเรือ/ติดตามเรือประมง การสร้างความเข้าใจในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้กับผู้เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รูปแบบแรงงานประมง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านและเฝ้าระวังการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลักดันแรงงานอพยพไปทำงานในประเทศปลายทาง ๑.๑.๓ การแก้ไขการขาดแคลนแรงงานและการบังคับใช้แรงงานที่นำไปสู่การค้ามนุษย์ ได้แก่ การทบทวนและปรับปรุงบันทึกความเข้าใจทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์) เกี่ยวกับขั้นตอน ค่าธรรมเนียม และการเตรียมความพร้อมในการทำงานตามลักษณะ/สภาพงาน เพื่อให้สามารถรองรับแรงงานย้ายถิ่น การสร้างมาตรฐานลักษณะการปฏิบัติงานและการดำรงชีวิตบนเรือ/ในโรงงานอุตสาหกรรม การส่งเสริมให้มีการใช้จรรยาบรรณของผู้ประกอบการภาคประมง การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเทคโนโลยีลดจำนวนการใช้แรงงานบนเรือ และการจัดตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมง เป็นโครงการนำร่อง ๗ ศูนย์ (ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ระยอง ตราด ชุมพร สงขลา ระนอง และสตูล) ที่จะนำแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับอนุญาตให้ทำงานเฉพาะกิจการบนเรือประมงเท่านั้น โดยมีระบบการควบคุม ตรวจสอบ คุ้มครองแรงงาน ให้ความรู้เรื่องสิทธิที่พึงจะได้รับแก่นายจ้างและลูกจ้าง จัดทำข้อตกลงการจ้างที่ชัดเจน ฯลฯ ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมเจ้าท่า กรมการจัดหางาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์) สำนักงานอัยการสูงสุด กองทัพเรือ กรมประมง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งดำเนินการตามข้อเสนอ แนวทาง มาตรการดังกล่าว และดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานแรงงานประมง เพื่อสกัดกั้นและขจัดขบวนการการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกต/ข้อเสนอแนะของที่ประชุมคณะกรรมการฯ ไปประกอบการดำเนินงานด้วย ๑.๓ รายงานผลการดำเนินงานและความคืบหน้าให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทราบภายใน ๖ เดือน เพื่อรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานของกรมเจ้าท่า โดยการจัดหลักสูตรสำหรับผู้ควบคุมเรือกลประมงโดยเฉพาะให้สามารถสอบประเมินความรู้เพื่อรับประกาศนียบัตรตามข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการสอบความรู้ผู้ทำการในเรือ พ.ศ. ๒๕๓๒ รวมทั้งการออกมาตรการเพื่อให้เรือประมงทะเล โดยเฉพาะเรือประมงทะเลลึกที่มีเขตการเดินเรือไปต่างประเทศมาทำสัญญาคนประจำเรือกับกรมเจ้าท่า เพื่อช่วยในการตรวจสอบติดตามข้อมูลของคนประจำเรือ ซึ่งมาตรการดังกล่าวควรมีการหารือร่วมกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อกำหนดแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ดำเนินการได้จริง และเกิดผลในทางปฏิบัติ สำหรับการติดตั้งหรือพัฒนาระบบเพื่อใช้ในการบอกตำแหน่งเรือ/ติดตามเรือประมง โดยการใช้เทคโนโลยี Global Positioning System (GPS) ร่วมกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากในบางพื้นที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจไม่ครอบคลุม ควรมีการสนับสนุนให้เกิดการขยายบริการของเครือข่ายดังกล่าวให้ครอบคลุมในอนาคต เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการติดตั้งหรือพัฒนาระบบเพื่อใช้การบอกตำแหน่งเรือ/ติดตามเรือประมงได้อย่างเต็มที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....