ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 683 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13641 - 13660 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13641 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมืองนราธิวาส และตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจนำที่ดินมาใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งควรติดตามดูแลให้เกษตรกรสามารถรักษาที่ดินที่ได้รับให้เป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เป็นไปตามเจตนารมณ์และขั้นตอนตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13642 | ขออนุมัติดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ (โครงการอ่างเก็บน้ำยางนาดี จังหวัดชัยภูมิ เดิม) มีกำหนดแผนงานโครงการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๗) กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น ๓,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และอนุมัติหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน สามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในกรณีที่กรมชลประทานไม่สามารถจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบหรือราษฎรไม่ประสงค์จะรับที่ดินแปลงอพยพ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนงานปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๒๒,๕๒๓,๔๑๓.๘๔ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการงานบ่อก่อสร้างอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าใช้จ่ายในการเตรียมงานเบื้องต้น ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแลโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งรัดดำเนินการในการจัดหาที่ดินและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นธรรมแก่ประชาชน และควรพิจารณาทบทวนข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินและสภาพเศรษฐกิจสังคมของพื้นที่โครงการฯ ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ในการทบทวนมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความเหมาะสมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13643 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโกเธนเบอร์ก ราชอาณาจักรสวีเดน (นางพีอา ออร์เกรน) | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพีอา ออร์เกรน (Mrs. Pia Orrgren) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโกเธนเบอร์ก ราชอาณาจักรสวีเดน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองโกเธนเบอร์ก สืบแทน นายเคนเนท ออร์เกรน (Mr. Kenneth Orrgren) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13644 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 | นร04 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน) โดยนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดลำปาง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13645 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... | คค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงคลองสามประเวศ แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตำบลบางเตย ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลบ้านสวน ตำบลหนองข้างคอก ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี ตำบลบางพระ ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา ตำบลนาเกลือ ตำบลหนองปรือ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และตำบลสำนักท้อน ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อก่อสร้างย่านสถานี ทางเข้าออกสถานี ทางรถไฟ และดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน หรืออยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืนที่ดินเพื่อดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการรถไฟ ตามโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (๒๗ มีนาคม ๒๕๖๑) และเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการส่งมอบที่ดินที่จะเวนคืนให้ครบถ้วนเพื่อให้ดำเนินโครงการฯ ได้ และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น (๑) กระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้างด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต (๒) รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินกระบวนการขั้นตอนการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในโครงการฯ เพื่อให้ รฟท. สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ในการจัดหาและส่งมอบที่ดินให้แก่เอกชนคู่สัญญาได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการฯ และ (๓) ให้ รฟท. พิจารณาการกำหนดแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามความจำเป็นเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบการเวนคืนที่ดินของประชาชน และช่วยให้ รฟท. ควบคุมวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13646 | ร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร09 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยยังไม่ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๖ จนกว่าการโอนส่วนงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) จะแล้วเสร็จตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ และรองรับสภาพนิติบุคคลของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ให้ยังคงดำรงอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกานี้ และในระหว่างที่ยังดำเนินการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่แล้วเสร็จ ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) มีอำนาจบริหารจัดการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและกิจการที่ต่อเนื่องจนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กรณีพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เนื่องจากยุบเลิกหน่วยงานนั้น ให้ได้รับค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินสะสมของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13647 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. .... | พณ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การห้ามส่งออกอาวุธและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธทุกประเภทไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ และปรับปรุงประกาศดังกล่าวขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และเพิ่มเติมข้อยกเว้นที่มิให้ใช้บังคับกับกรณีการส่งออกหรือนำผ่านเครื่องแต่งกายที่ใช้สำหรับการป้องกัน รวมถึงเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกสนามเพื่อนำไปใช้เฉพาะตัวเป็นการชั่วคราวสำหรับบุคลากรของสหประชาชาติ ผู้แทนสื่อมวลชนผู้ปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๔๒๔ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้เพิ่มเติมการอ้างมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ในบทอาศัยอำนาจ และควรกำหนดระยะเวลาสิ้นผลของร่างประกาศฯ ให้สอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อมติ ที่ ๒๔๒๔ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ซึ่งกำหนดระยะเวลาสิ้นผลของมาตรการให้ใช้บังคับจนถึงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13648 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... | สว | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และการให้สำนักงานศาลยุติธรรมจัดทำแผนแม่บทในการจัดตั้งศาลในภาพรวมทั้งประเทศที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ มาตรการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน โดยพิจารณาถึงประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชนกับแผนแม่บทดังกล่าว ทั้งนี้ ควรพิจารณายกฐานะศาลในต่างจังหวัดเฉพาะเท่าที่จำเป็น รวมทั้งในการจัดตั้งศาลขึ้นใหม่ควรพิจารณาเขตอำนาจศาลที่จะจัดตั้งขึ้นให้สอดคล้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเขตอำนาจของพนักงานสอบสวน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอาญาพระโขนง และศาลอาญามีนบุรี พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13649 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 จำนวน 2 ฉบับ | อก | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตให้โรงงานสามารถระบายน้ำทิ้งโดยวิธีเจือจางได้ และกำหนดค่ามาตรฐานของปริมาณสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ประกอบการโรงงานจัดทำรายงานข้อมูลปริมาณการผลิต การใช้ การครอบครอง การปลดปล่อย และการเคลื่อนย้ายสารเคมีหรือสารมลพิษออกจากโรงงาน เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและติดตามให้เป็นไปตามกฎหมาย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำทำเนียบการปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ รวมทั้งพัฒนาระบบและกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการควบคุม เฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบการปล่อยมลพิษ และการจัดการของเสียจากการผลิต เพื่อเพิ่มบทบาทและความรับผิดชอบของภาคเอกชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13650 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าในการรับประกันภัยตามกฎกระทรวง และรวมถึงการรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยหรือองค์กรอื่น จะเป็นการรับประกันภัยในกรอบของการรับประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองที่รัดกุมและมีความชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพื้นที่และประเทศปลายทางที่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกัน moral hazard ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ ธสน. ได้ในอนาคต และประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ผู้ลงทุนธนาคารของผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13651 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของ ตุน ดร.มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือทวิภาคีระหว่างกันในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ด้านการเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านการค้า การเกษตร และการท่องเที่ยว ด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน รวมทั้งเร่งรัดให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจและสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนดังกล่าว เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับ (๑) ประเด็นการขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัมเป็น ๒๔ ชั่วโมง ควรให้มีการทดลองใช้กับรถขนส่งสินค้าก่อนเป็นเวลา ๖ เดือน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่ายและประเมินสถานการณ์ก่อนว่าได้รับประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ ก่อนที่จะพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบและดำเนินการอย่างเป็นทางการต่อไป (๒) ฝ่ายไทยควรเตรียมการรองรับการปรับเปลี่ยนรัฐบาลมาเลเซียชุดต่อไป เนื่องจากอาจมีการปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยความสะดวกกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๓) ประเด็นบุคคลสองสัญชาตินั้น การดำเนินงานทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลทางชีวภาพบุคคล (Biometrics) ด้วยระบบฐานข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกัน ควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทางเทคนิคของไทยได้มีโอกาสหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13652 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการแฟลตพักแพทย์ 20 ยูนิต 6 ชั้น เป็นอาคาร คสล. 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2,366 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 หลัง | สธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการแฟลตพักแพทย์ ๒๐ ยูนิต ๖ ชั้น เป็นอาคาร คสล. ๖ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒,๓๖๖ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ หลัง จากวงเงิน ๒๔.๕๒ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๒๘.๓๕ ล้านบาท โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๓.๘๓ ล้านบาท ใช้จ่ายจากเงินบำรุงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน ๑.๕๙ ล้านบาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒.๒๔ ล้านบาท จากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามที่สำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของวงเงินค่าก่อสร้างแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ขอให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13653 | การเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ | พณ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวกับการเชื่อมโยงดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความลับของทะเบียนประวัติราษฎรอย่างเคร่งครัด และให้คำนึงถึงแนวทางการดำเนินการให้เกิดความเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลตามกรอบการกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance Framework) พร้อมทั้งดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศตามวิธีการแบบปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งพิจารณากำหนดมาตรการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งระบบการตรวจสอบหรือการป้องกันการนำข้อมูลไปใช้นอกเหนือภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ให้ชัดเจนด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น เร่งพิจารณากำหนดกลไกคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13654 | (ร่าง) มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ | ศธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติที่คณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ (ก.พ.ป.) ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการเพื่อประกาศใช้ต่อไป โดย (ร่าง) มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการดูแลพัฒนาและจัดการศึกษาและการดำเนินงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัดที่ดูแลเด็กในเวลากลางวัน ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิด-๖ ปีบริบูรณ์ หรือก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่สามารถนำไปใช้ประเมินการดำเนินงานของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในทุกสังกัด ประมาณกว่า ๕๓,๓๓๕ แห่ง เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดบริการและความต่อเนื่องของการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยกำหนดมาตรฐานย่อย ๓ ด้าน คือ (๑) ด้านการบริหารจัดการสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย (๒) ด้านครู/ผู้ดูแลเด็กให้การดูแลและจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการเล่นเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย และ (๓) ด้านคุณภาพของเด็กปฐมวัย แบ่งเป็นเด็กแรกเกิด-อายุ ๒ ปี และเด็กอายุ ๓-อายุ ๖ ปี (ก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ ๑) ๑.๒ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เรื่อง (ร่าง) มาตรฐานศูนย์เด็กเล็กแห่งชาติ และให้ใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติเป็นมาตรฐานกลางของประเทศแทน ๑.๓ ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณานำมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและรับผิดชอบมีการบริหารจัดการ การประเมินผลกาดำเนินงาน เพื่อยกระดับการพัฒนาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานฯ ๑.๔ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและรายงานต่อ ก.พ.ป. เป็นระยะ ๆ หรืออย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ดำเนินการตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อแผนแม่บทดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และแผน/ยุทธศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13655 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓ โครงการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ (๑) โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (๒) โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน และ (๓) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (ระยะที่ ๑) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรเร่งเตรียมความพร้อมทั้งด้านการจัดหาที่ดิน และการขอใช้พื้นที่ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการและรายการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13656 | การเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ | คค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์แก่กรมเจ้าท่า เพื่อให้การปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่เป็นไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะการนำข้อมูลไปใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลของคนประจำเรือและแรงงานประมงทะเลที่ลงทำการในเรือประมงทะเลมาเปรียบเทียบกับภาพใบหน้าบุคคลที่จัดเก็บอยู่ในระบบ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวกับการเชื่อมโยงดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความลับของทะเบียนประวัติราษฎรอย่างเคร่งครัด และให้คำนึงถึงแนวทางการดำเนินการให้เกิดความเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลตามกรอบการกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance Framework) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น เร่งพิจารณากำหนดกลไกคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13657 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งตะไคร ตำบลช่องไม้แก้ว และตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งตะไคร ตำบลช่องไม้แก้ว และตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำคลองตะโกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชุมพร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปดำเนินการสำรวจที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมชลประทานควรวางแผนการดำเนินการจัดการเรื่องที่ดินให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยพิจารณาราคาค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทาน ควรคำนึงถึงค่าเสียโอกาส และค่าเสียประโยชน์ของเจ้าของที่ดินที่จะต้องเสียสละที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามกรอบเวลา และกรอบงบประมาณที่กำหนดไว้ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13658 | การขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue) | กต | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue : ACSDSD) ไม่เกินปีละ ๑๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นระยะเวลา ๕ ปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ รวมถึงควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงการดำเนินงานของศูนย์ ACSDSD และประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งศูนย์ ACSDSD ดังกล่าว และควรมีการติดตามและประเมินผลเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของศูนย์การดำเนินงานในการประสานงานระหว่างประเทศในครั้งต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ในประเด็นงบเงินอุดหนุน ควรพิจารณาตามความจำเป็นและอาจจะของบประมาณสนับสนุนจากเครือข่ายความเป็นหุ้นส่วนกับภาคีภายนอก เช่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สหภาพยุโรป และธนาคารโลก สำหรับโครงการ กิจกรรม และงานวิจัยของศูนย์ ACSDSD ซึ่งจะช่วยลดภาระรายจ่ายด้านงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13659 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 3/2561 | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) การบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี ๒๕๖๒ ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) (๒) การบริหารการนำเข้ามะพร้าวผลตามความตกลงของเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ปี ๒๕๖๒ และ (๓) มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure : SSG) ภายใต้ความตกลงเกษตรของ WTO ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13660 | โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2562 ของกระทรวงพลังงาน | พน | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี ๒๕๖๒ ของกระทรวงพลังงาน โดยได้ลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดลง ๑ บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อลดค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางช่วงปีใหม่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๐.๕ บาท/ลิตร และส่วนที่เหลือเป็นการให้ความร่วมมือลดค่าการตลาดของผู้ค้าตามสภาพราคาตลาดที่ลดลง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
.....