ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 684 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13661 - 13680 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13661 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการกำหนดอาหารเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการกำหนดอาหารเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาการกำหนดอาหารเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13662 | การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการพัฒนาโรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี (Biorefinery) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS) ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ (๒) โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน ๓ GeV และห้องปฏิบัติการ ของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง [ซึ่งรวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) และ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวปฏิบัติในการเสนอเรื่องและขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท)] อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรเตรียมความพร้อมด้านอื่น ๆ เพื่อรองรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงควบคู่กันไป โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ส่วนโครงการวิจัยและนวัตกรรมขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) แผนงานบูรณาการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13663 | การทบทวนข้อเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐตามแผนการปฏิรูปประเทศ | นร12 | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๑.๑ ให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ตัดข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานต่าง ๆ ออกจากแผนการปฏิรูปประเทศ ๑.๒ ในการเสนอขอจัดตั้งหน่วยงาน ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ) โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ การขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง กับต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม (One-In, X-Out) เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ และให้เสนอแผนการนำ Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอนประกอบคำขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐตามยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๓ ในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาตินั้น มิให้กำหนดเรื่องการจัดตั้งหน่วยงาน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับแผนการปฏิรูปประเทศอีก ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามไม่ให้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ แต่เป็นการเน้นการยุบเลิกภารกิจที่ไม่จำเป็น ซึ่งการจัดตั้งหน่วยงานอาจจะเป็นกลไกที่มีความจำเป็นและเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญ จึงเห็นควรให้ส่วนราชการยึดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาทบทวนบทบาท/ภารกิจที่ภาครัฐควรดำเนินการทั้งระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ ๓.๑ ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ) และ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การมอบอำนาจการแบ่งส่วนราชการภายในกรม) อย่างเคร่งครัด ๓.๒ ระบุข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ ๓.๓ เสนอแผนการนำ Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงาน ประกอบคำขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13664 | สรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 10 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งที่ประชุมฯ ได้พิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์อาเซียน แผนงาน/โครงการกิจกรรมด้านการศึกษาภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน อาเซียนบวกสาม สุดยอดเอเชียตะวันออก และความร่วมมืออาเซียนกับประเทศคู่เจรจา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนให้ข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนาการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาของภูมิภาค และการกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้พิจารณารับรองกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน แผนปฏิบัติการอาเซียน-จีนเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ และแผนปฏิบัติการอาเซียนบวกสามด้านการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยร่วมลงนามในกฎบัตรฯ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสมาชิกอาเซียนหรือผู้แทนในโอกาสแรก และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยร่วมลงนาม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกฎบัตรฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา-ภาครัฐบาล-ภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลิตกำลังคนรองรับการเป็นอุตสาหกรรม ๔.๐ และการจัดตั้ง ASEAN TVET Development Council เพื่อเร่งยกระดับการพัฒนาการศึกษาด้านอาชีพ (TVET) เพื่อรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ โดยมีความกังวลถึงความเป็นไปได้ของการประสานงานข้ามสาขาระหว่างเสาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนกับเสาเศรษฐกิจ และอำนาจหน้าที่ของ ASEAN TVET Development Council ของ TVET ยังขาดความชัดเจนซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหา ที่ประชุมคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนว่าด้วยแนวปฏิบัติที่ก้าวหน้าด้านแรงงานเพื่อเสริมสร้างการแข่งขันในอาเซียนจึงมีมติเห็นควรชะลอการนำเรื่องดังกล่าวสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน จนกว่าจะมีความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13665 | โครงการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลเพื่อจัดตั้งฐานข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแห่งชาติ | ยธ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลเพื่อจัดตั้งฐานข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแห่งชาติในภาพรวมทั้งระบบให้มีความชัดเจน เหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น (๑) ความครบถ้วนของข้อมูลที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน (๒) การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแห่งชาติกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๓) แนวทางการบริหารจัดการข้อมูลของศูนย์ฯ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ (๔) เทคโนโลยีที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการ (๕) ภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว (๖) ความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงข้อมูลของศูนย์ฯ กับระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้นำความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องการรักษาความลับ (Confidentiality) จึงควรพิจารณาการเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง (End-to-end encyption) การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และขอบเขตของการเข้าถึงข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลสำหรับการให้บริการภาคเอกชน เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนและไม่ให้มีการนำข้อมูลไปใช้โดยไม่เหมาะสมหรือเป็นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการในระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13666 | ขออนุมัติโครงการศูนย์บูรณาการวิจัยและรักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และงบประมาณสนับสนุน | สกช | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับโครงการศูนย์บูรณาการวิจัยและรักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยให้สภากาชาดไทยเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สภากาชาดไทยรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณที่เห็นควรนำโครงการศูนย์บูรณาการวิจัยและรักษาโรคมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะเวลา ๕-๑๐ ปี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และควรกำหนดกิจกรรมรายการให้ครบถ้วน เช่น การจัดหาครุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ การสรรหาบุคลากรเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของโครงการฯ เป็นต้น เพื่อให้สามารถทราบวงเงินทั้งสิ้นของโครงการฯ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13667 | มาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการชำระเงิน การรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดรายการสินค้าและบริการที่จะไม่ได้รับสิทธิ (Negative List) ของมาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13668 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และการแบ่งส่วนราชการภายใน ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ๑-๙ และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และการแบ่งส่วนราชการภายใน ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับ (๑) การเพิ่มหน่วยงานระดับกองกำกับการเพื่อรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี สืบสวนสอบสวนปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ควรดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรและเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาระบบการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถรับมือกับรูปแบบการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น (๒) การดำเนินการของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง ต้องเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลด้านความมั่นคงของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของประเทศ (๓) การปรับเกลี่ยกำลังพลเพื่อรองรับการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น โดยกรณีของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาจใช้วิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน โดยเน้นการฝึกอบรมกำลังพลให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับปริมาณงานในความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น และ (๔) หากการเพิ่มส่วนงานดังกล่าวทำให้มีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ควรปรับแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13669 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์) | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางญาใจ พัฒนสุขวสันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13670 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... | นร09 | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. .... เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13671 | ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อยกเลิกมาตรา 14 และมาตรา 41) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2561)] | นร | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเห็นควรเสนอแนะคณะรัฐมนตรีชะลอร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อยกเลิกมาตรา ๑๔ และมาตรา ๔๑) ไว้ก่อน และให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๗ ในภาพรวมทั้งฉบับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13672 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนรวม 12 โครงการ) [การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรณีรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติม)] | มท | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม ๑๒ โครงการ โดยให้กระทรวงมหาดไทยจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดพื้นที่ดำเนินการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13673 | ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... | ดศ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... ซึ่งเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่อย่างใด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. .... ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13674 | ร่างพระราชบัญญัติสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร05 | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป นั้น โดยที่ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังได้เสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยขอตัดเรื่อง กองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ออกจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เนื่องจากเมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามบทบัญญัติของกฎหมายจัดตั้งแล้ว สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหน่วยงานของรัฐที่หารายได้ส่งเป็นรายได้แผ่นดิน โดยมิได้มีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมแต่อย่างใด ซึ่งการตัดกองทุนดังกล่าวออกเป็นการแก้ไขหลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ โดยที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น เพื่อให้เรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการที่กระทรวงการคลังขอแก้ไขเพิ่มเติม และเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสร็จแล้ว และกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13675 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2560 | ศย | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินของสำนักงานศาลยุติธรรม ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน หมายเหตุประกอบงบการเงิน รวมถึงหมายเหตุสรุปนโยบายการบัญชีสำคัญ รายงานฐานะเงินงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบันและปีก่อน และรายงานรายได้แผ่นดิน แล้ว เห็นว่างบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานศาลยุติธรรม ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ และผลการดำเนินงานทางการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13676 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการชลประทาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13677 | การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2540 เรื่อง การทำความตกลงกับแคนาดาเรื่องการขายอาคารชุดของสถานเอกอัครราชทูตโดยได้รับการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม | นร05 | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๔๐ (เรื่อง การทำความตกลงกับแคนาดาเรื่องการขายอาคารชุดของสถานเอกอัครราชทูตโดยได้รับการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม) ในส่วนที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการว่า ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาทำความตกลงในเรื่องการซื้อและการขายที่ดิน อาคาร และอาคารชุดกับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ โดยได้รับการยกเว้นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมการโอนบนพื้นฐานของหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติได้ โดยรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13678 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม แทนนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และแต่งตั้งให้ นายประสพ เรียงเงิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงวัฒนธรรม ที่ ๒๒๙/๒๕๖๑ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม สั่ง ณ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13679 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย | ศธ | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย [Memorandum of Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Southeast Asian Ministers of Education Organization on the Establishment of the SEAMEO Regional Centre for Sufficiency Economy Philosophy for Sustainability (SEAMEO SEPS) in Thailand] และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยบันทึกความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นหนังสือสัญญาความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเนื้อหาระบุถึงสถานที่ตั้งของศูนย์ อำนาจหน้าที่ของศูนย์โดยมีสถานะเป็นองค์กรในสังกัดของซีมีโอ (Subordinate Body) รวมถึงการบริหารจัดการด้านแผนและงบประมาณในการจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ โดยจะมีการลงนามบันทึกความตกลงฯ ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของซีมีโอ ครั้งที่ ๔๑ (41st SEAMEO High Officials Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการเงินอุดหนุนศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอที่ประเทศไทย (SEAMEO SEPS) ที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้ว จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามกรอบเวลาของแผนพัฒนา ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗) ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะต้องให้เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13680 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ลต | 25/12/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และรายงานฐานะเงินงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบันและปีก่อน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
|
.....