ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1098 จากทั้งหมด 6216 หน้า แสดงรายการที่ 21941 - 21960 จากข้อมูลทั้งหมด 124307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21941 | การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | ปช | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานเข้าร่วมรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการทุจริตในประเทศไทย ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ นั้น ให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบการประเมินดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรแล้ว หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของหน่วยงานฯ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยดำเนินการตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบการประเมินเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภารกิจตามความจำเป็นและเหมาะสม และจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามขั้นตอนต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21942 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์สำหรับโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... | ศธ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์สำหรับโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวงเงินสูงสุดในการส่งเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์สำหรับผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน เพื่อให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21943 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สว | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการเสนอให้มีกฎหมายกลางเพื่อรับรองสถานะและความสามารถทางกฎหมาย รวมทั้งการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่องค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคขององค์การระหว่างประเทศและศูนย์การประชุมระหว่างประเทศ รวมทั้งให้ประเทศไทยมีสถานะและบทบาทที่เด่นชัดในเวทีระหว่างประเทศอันจะทำให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องออกพระราชบัญญัติเป็นรายกรณีทุกครั้งไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21944 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่ จังหวัดน่าน เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเหมืองและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) | สม | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเหมืองและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพิจารณาทบทวนแผนการพัฒนาพลังงานของชาติ การดำเนินการตามแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกร้อยละ ๒๕ ใน ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๔) และแผนอนุรักษ์พลังงาน ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๗๓) การให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การริเริ่มหรือพัฒนาโครงการใด ๆ ในระดับชาติ ต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ สิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน และผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ รวมทั้งการจัดตั้งกลไกหรือกำหนดภารกิจการกำกับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน ๒. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพาณิชย์เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21945 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เรื่อง ประโยชน์และปัญหาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ) | สว | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เรื่อง ประโยชน์และปัญหาของสภาเกษตรกรแห่งชาติ) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เห็นควรให้สภาเกษตรกรแห่งชาติดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เป็นเสมือนสภาที่ปรึกษาภาคการเกษตรของรัฐตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ เช่นเดิมต่อไป และควรโอนย้ายสภาเกษตรกรแห่งชาติไปอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากงานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21946 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสามารถเข้าไปดำเนินการจัดที่ดินและพัฒนาศักยภาพของที่ดินได้ อันจะทำให้เกษตรกรได้รับสิทธิและใช้ประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับแผนบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และแนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ ตลอดจนโครงการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรทางเลือกอื่น ๆ หรือการทำสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันร่วมกับการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ทางเลือกที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการผลิตและการตลาดในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์และสามารถรักษาที่ดินทำกินที่มีอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยไม่บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21947 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) | ทส | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื่อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื่อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการแก้ไขแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบพื้นที่อุทยานดังกล่าว โดยส่งเสริมเครือข่ายอนุรักษ์และป้องกันการบุกรุกป่าไม้ โดยภาคประชาชนและชุมชน ส่งเสริมหลักการชุมชนอยู่ร่วมกับป่า และควรจำกัดกิจกรรมในการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษาพื้นที่ป่า ไม่ควรให้มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และใช้สารเคมีการเกษตร รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการทำเกษตรแบบอินทรีย์ร่วมกับการปลูกป่า และใช้ประโยชน์จากป่าที่ปลูกอย่างเหมาะสม ลดผลกระทบที่จะมีต่อพื้นที่อนุรักษ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21948 | ร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีหรือการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | ยธ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาร่างกฎหมายของส่วนราชการที่มีข้อแย้งหรือข้อถกเถียงในสังคม โดยคณะอนุกรรมการพิจารณา เร่งรัด ติดตามร่างกฎหมายในกระบวนการนิติบัญญัติและสำนักงานกิจการยุติธรรม ได้รวบรวมร่างกฎหมายในขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงร่างกฎหมายที่มีข้อขัดแย้งหรือข้อถกเถียงในสังคมที่ยังไม่ได้ข้อยุติ พบว่า มีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทบทวน หรือพิจารณาความเหมาะสม จำนวน ๖๓ ฉบับ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒๓ หน่วยงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการเสนอร่างกฎหมายในความรับผิดชอบที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีหรือการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนในการเสนอกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21949 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบแสดงฐานะการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ๑.๑ รัฐบาลมีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน ๒,๒๗๓,๑๘๓.๓๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๘๘,๒๓๔.๑๗ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๐๔ ส่วนใหญ่เป็นรายได้แผ่นดินที่หน่วยงานภาครัฐนำส่ง ซึ่งเป็นรายได้จากภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ รวมทั้งรายได้จากการนำส่งกำไรและเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจ รายได้ที่ไม่เป็นตัวเงิน ประกอบด้วย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และส่วนเกินมูลค่าพันธบัตรตัดจำหน่ายซึ่งเป็นรายการปรับปรุงบัญชีเพื่อรับรู้รายได้ที่ไม่เป็นตัวเงินตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายได้อื่น ๑.๒ รัฐบาลมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน ๒,๔๖๔,๒๓๖.๓๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๐๘.๔๑ ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๑๑๓,๓๖๔.๘๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๘๒ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายจากเงินงบประมาณ (ปีปัจจุบันและปีก่อน) ดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมเงินกู้ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ๑.๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๙๑,๐๕๓.๐๓ ล้านบาท ๒. งบแสดงฐานะการเงิน ๒.๑ รัฐบาลมีสินทรัพย์ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๖,๖๗๓,๔๕๙.๒๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๔๓๔,๔๓๖.๙๐ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๙๖ ประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียน จำนวน ๖๙๕,๓๒๖.๓๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๐.๔๒ ของสินทรัพย์รวม และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน จำนวน ๕,๙๗๘,๑๓๒.๙๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๕๘ ของสินทรัพย์รวม ๒.๒ รัฐบาลมีหนี้สินและภาระผูกพัน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๔,๑๐๖,๘๑๒.๐๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๑.๕๔ ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๒๗๐,๗๑๘.๕๐ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๐๖ ประกอบด้วย หนี้สินหมุนเวียน จำนวน ๘๐๑,๔๒๖.๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๒.๐๐ ของสินทรัพย์รวม และหนี้สินไม่หมุนเวียน จำนวน ๓,๓๐๕,๓๘๕.๖๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๙.๕๓ ของสินทรัพย์รวม ๒.๓ รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๕๖๖,๖๔๗.๒๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๘.๔๖ ของสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๑๖๓,๗๑๘.๔๐ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๘๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21950 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย และหลักประกัน ในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. .... | พน | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย และหลักประกัน ในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาให้ผู้รับสัมปทานยื่นแผนงานและประมาณการค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน และการวางหลักประกันการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21951 | รายงานตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2557 | พม | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๕๗ ประกอบด้วย รายงานข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี ๒๕๕๗ รายงานความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติฯ บทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และข้อเสนอแนะเชิงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และแนวทางการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติฯ ในปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21952 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปภาคเกษตร และร่างพระราชบัญญัติปาล์มและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อโค กระบือ พ.ศ. ....) | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูปภาคเกษตร และร่างพระราชบัญญัติปาล์มและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อโค กระบือ พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับการปฏิรูปภาคเกษตร รวมทั้งเห็นด้วยในหลักการของร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะดังกล่าวของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21953 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | มท | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในภาพรวม ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ จำนวน ๓๑๘,๕๒๗.๙๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๒๗ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร (๓๔๑,๕๐๑.๖๐ ล้านบาท) และการจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนและผู้ที่สนใจได้รับทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งการนำเอกสารการสอบราคา ประกวดราคา ฯลฯ ประกาศเชิญชวนและเผยแพร่ลงเว็บไซต์ ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน ได้แก่ ๒.๑ การแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ได้กำหนดเขตพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ๒.๒ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้จัดทำโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วถิ่นไทย น้อมใจสมานฉันท์ เทิดไท้องค์ราชันย์” และโครงการ “มอบโฉนดที่ดิน ๖๐ พรรษา ๖๐ ร้อยแปลง” รวมทั้งโครงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุกเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาชนบท ๒.๓ การจัดระเบียบสังคม ได้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงมหาดไทย” เพื่อเป็นศูนย์กลางอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น ๒.๔ การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้บุกรุก รวมทั้งกำหนดแนวทางดำเนินการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ กรณีคลองลาดพร้าวและคลองสอง ระยะทาง ๒๒ กิโลเมตร เป็นต้น ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้ดำเนินโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดทำโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย เป็นต้น ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมในส่วนกลางและจังหวัด/อำเภอ ครบทั้ง ๗๖ จังหวัด ๘๗๘ อำเภอทั่วประเทศ ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการทบทวนสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัย ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๕๘ ดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ เพื่อดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำและเตรียมการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในฤดูร้อน ปี ๒๕๕๘ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21954 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2558 (ครั้งที่ 9) | มท | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๙) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๘๑ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๘๒.๔๐ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ส่งมอบแล้ว ๑๐๒-๓-๗๖ ไร่ (คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๕) โดยส่งมอบครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๒๐-๐-๘๐ ไร่ ๓. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ได้ขนย้ายดินออกจากพื้นที่แล้ว ๙๙๗,๘๑๘ ลูกบาศก์เมตร มีปริมาณดินส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้ขุดและขนย้ายออก ประมาณ ๓๓,๓๒๑ ลูกบาศก์เมตร ๔. ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ ปัญหากรณีชาวบ้านปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภา บริเวณก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ และปริมาณดินที่เหลือในพื้นที่ก่อสร้างที่มากกว่าปริมาณจากการคำนวณ จำนวน ๓๓,๓๒๑ ลูกบาศก์เมตร ยังไม่มีการบริหารจัดการทำให้กระทบกับงานก่อสร้างฐานรากส่วนที่เหลือ รวมทั้งงานก่อสร้างในส่วนต่อเนื่องอื่น ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21955 | การดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในฐานะประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้บริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) กรอบการเจรจาการตกลงการค้า (Free Trade Agreement : FTA) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) โดยผู้มีสิทธินำเข้า ๘ สมาคม ๑๒ บริษัท และให้ผู้มีสิทธินำเข้าให้การสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตถั่วเหลืองภายในประเทศ โดยรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองที่ผลิตได้ภายในประเทศในราคาตามกลไกตลาด แต่ไม่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำตามชั้นคุณภาพ และให้ความร่วมมือรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองภายในประเทศและการใช้เมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าตามนโยบาย เป็นลายลักษณ์อักษรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ๒. เห็นชอบเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลเมล็ดถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ จากเดิม “พิจารณาผู้มีสิทธินำเข้าถั่วเหลืองรายใหม่ เป็น “พิจารณาผู้มีสิทธินำเข้าถั่วเหลืองรายใหม่และพิจารณาตัดสิทธิผู้มีสิทธินำเข้ารายเดิมในกรณีที่ทำผิดสัญญา” ๓. เห็นชอบใช้ร่างสัญญารับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้ปรับแก้ไข โดยไม่ต้องวางหลักประกันสัญญา ๔. เปิดตลาดนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง น้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๕๙ ตามปริมาณและอัตราภาษีที่ผูกพัน ทุกกรอบการค้า โดยการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับ WTO ๕. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนกรณีการนำผ่านเมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าวผลมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตามพันธกรณีความตกลงระหว่างประเทศ และนำกลับมาเสนอคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชพิจารณาอีกครั้ง ๖. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๗. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาส่งเสริมการผลิตถั่วเหลืองให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21956 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. โครงการที่สำคัญของปี ๒๕๕๘ ภายใต้แผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ได้แก่ โครงการ ASEAN Cyberkids Camp 2015 โครงการ ASEAN ICT Awards 2015 การประชุม The 4th ASEAN Network Security Action Council โครงการ ASEAN ICT Skill Upgrading และโครงการ Intra-ASEAN Secure Transaction Framework Implementation Workshop ๒. รายงานการประเมินผลแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ซึ่งประเทศไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการการประเมินผลตามแผนแม่บทฯ รายงานว่า อาเซียนสามารถดำเนินการตามแผนแม่บทฯ อย่างครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ประกอบด้วย ๒๙ แผนงาน ๖ ยุทธศาสตร์ ๘๗ โครงการ และเป้าหมาย ๔ ข้อ พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะว่า อาเซียนควรให้ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์ทั้งในส่วนของการจัดสรรงบประมาณ และการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น ๓. สถานะงบประมาณของกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนเงินคงเหลือ ๒,๗๕๑,๐๕๙.๑๘ ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอนุมัติงบประมาณจากกองทุน ASEAN ICT Fund จำนวน ๔๐๑,๑๗๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือในปี ๒๕๕๙ ได้แก่ โครงการ Study on Agricultural Market Information Systems in ASEAN Member States โครงการ ASEAN Broadband Strategy และการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ Impacts of Internet of Things to e-Government applications in ASEAN เป็นต้น ๔. ปฏิญญาดานัง ว่าด้วยประชาคมอาเซียนที่มุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้ดิจิทัล อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง มั่นคงปลอดภัย และยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาดานัง โดยมีสาระสำคัญคือ การรับรองแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2020 ๕. อาเซียนมีการหารือกับประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ๖. การหารือทวิภาคี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สิงคโปร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21957 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 46/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ | สลธ.คสช. | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ สั่ง ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้การระงับยับยั้งและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนรำคาญ อันตราย และความเสียหายอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคม ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21958 | การขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจน ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | มท | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของกระทรวงการคลัง รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนระมัดระวังไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานในพื้นที่ เพื่อให้มีการกระจายงบประมาณให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ขอให้คำนึงถึงการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ผลิตภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21959 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายสาโรจน์ ธนสันติ และนายณัช ภิญโญวัฒนชีพ) | กต | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสาโรจน์ ธนสันติ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ๒. นายณัช ภิญโญวัฒนชีพ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21960 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ (ภาครัฐ) (นายกำพล ศรธนะรัตน์) | ทก | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกำพล ศรธนะรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ (ภาครัฐ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
.....