ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 64 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 1261 - 1280 จากข้อมูลทั้งหมด 5030 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1261 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2552 (ครั้งที่ 125) | พน | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2552
(ครั้งที่ 125) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับรัฐวิสาหกิจ ไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) เรื่อง ความร่วมมือในการเชื่อมต่อระบบส่งไฟฟ้า 115 เควี จุดใหม่ ระหว่างสถานีไฟฟ้าท่าลี่ (ไทย) กับสถานีไฟฟ้าปากลาย (สปป.ลาว) 2. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับรัฐวิสาหกิจ ไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) เรื่อง ความร่วมมือในการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินความต้องการของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวจากโครง การโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 3. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนต์ และมอบหมายให้ กฟผ. นำ ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ที่ได้รับความเห็นชอบแล้วไปลงนามร่วมกับผู้ลงทุนต่อไป รวมทั้งเห็นชอบในหลักการให้ กฟผ. สามารถปรับปรุงเงื่อนไขจากร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ในขั้นการจัดทำร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ เนื่องจาก โครงการหงสาลิกไนต์เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนโรงแรกที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติได้อย่าง เหมาะสม แต่ทั้งนี้จะไม่กระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
1262 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 | ทส | 13/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้วใน การประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ดังนี้ 1. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายพหลโยธิน (หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา) ของกรุงเทพมหานคร กับเห็นชอบมาตรการป้อง กัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคม ในการ ประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 โดยให้เพิ่มการจัดหาที่จอดรถ (park & ride) ให้เหมาะสม รวมทั้งให้มีการสร้างโรงซ่อมบำรุงเพิ่มอีก 1 จุด และควรมีมาตรการระยะสั้นในการผ่อนคลายปัญหาการจราจร ด้านล่าง 2. เห็นชอบการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดหนองคาย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานา ชาติ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือแรมซาร์ไซต์ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบในหลักการให้มีการศึกษาผลกระทบภายหลังการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาด ใหญ่ โดยในระยะแรกให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทยจัดทำโครงการบูรณาการ เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการดำเนินโครงการ ฯ เป็นโครงการนำร่องเพื่อหารูปแบบการดำเนินการในระยะต่อไป 4. เห็นชอบการกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง ระดับที่ 1 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม 5. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซไนโตรเจน ไดออกไซต์ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยกำหนดค่าเฉลี่ยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ในเวลา 1 ปี ต้องไม่เกิน 30 ppb (0.030 ppm หรือ 0.057 mg/m3) ตามความเห็นของกรมควบคุมมลพิษ 6. เห็นชอบการใช้ประมวลหลักการปฏิบัติงาน (COP) เพื่อลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวด ล้อมสำหรับระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อบนบก แทนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และเห็นชอบการแก้ไขกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแก้กฎหมายเพื่อ ให้สามารถนำ COP ไปใช้ได้ภายในต้นปี พ.ศ. 2552 7. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย ชลบุรี-พัทยา ของกรมทางหลวง โดยให้ปรับรูปแบบการเขียนรายงาน ฯ ให้ชัดเจนว่าเป็นการยกระดับถนนเดิม ให้เป็นทางหลวงพิเศษมิใช่การก่อสร้างทางหลวงพิเศษขึ้นมาใหม่ รวมทั้งปรับแก้ไขระยะเวลาดำเนินโครงการ และ เพิ่มเติมข้อมูลสภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบันของโครงการ ฯ 8. เห็นชอบกับรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550 ที่พิมพ์แล้วเสร็จ และข้อเสนอแนะ ที่เป็นรูปธรรมเพิ่มเติม และให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบตามลำดับต่อไป 9. เห็นชอบการเลื่อนระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรฐานก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์ บอนจากรถจักรยานยนต์ใช้งานที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับที่ 6 ออกไปอีก 1 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้มาตรฐานรถจักรยานยนต์ใหม่ระดับที่ 6 ตามความ เห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1263 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 3/2552 | นร | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหา
ทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2552 โดยที่ประชุม ฯ ได้พิจารณาเกี่ยวกับผลกระทบจาก การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 11/1 ข้อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติป่า ไม้ พ.ศ. 2484 การทบทวนการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี การเร่งรัดแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการนำเข้า เหล็กภายใต้กรอบความตกลง JTEPA แนวทางความร่วมมือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่มาบตาพุด และ พื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งพิจารณาเรื่องการชะลอการขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) และการนำค่าไฟฟ้ามาหักเป็นค่าใช้ จ่ายในการชำระภาษี ความคืบหน้าโครงการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มาตร การภาษีเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ และการจัดตั้งคณะกรรมการ กรอ.จังหวัด/กลุ่มจังหวัด และเห็นชอบมติคณะกรรม การ กรอ. โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและมติของคณะกรรมการ กรอ . ไปพิจารณาประกอบการดำเนิน การต่อไป แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมขอตัดข้อ ความในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1104/1675 ลงวัน ที่ 24 เมษายน 2552 หน้า 7 ในส่วนของมติคณะกรรมการ กรอ. ข้อ 3.2.2 (2) (เกี่ยวกับการปรับลดค่าประกันการ ใช้ไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรม) ออก
|
|||||||||||||||||||||||||||
1264 | แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณา
การ ครั้งที่ 3/2552 วันที่ 8 เมษายน 2552 ซึ่งเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัด 75 จังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด และเห็นชอบแผนปฎิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และ คำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เสนอ สำหรับงบประมาณ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เห็นชอบเฉพาะโครงการที่สมควรได้รับการสนับสนุนงบ ประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดลำดับที่ 1 ซึ่งเป็นโครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ยุทธศาสตร์จังหวัด และหลักเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งเป็นโครงการที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จำนวน 4,546 โครงการ วงเงินรวม 18,012.64 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
1265 | การประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานรับ-ส่งเอกสาร/สิ่งของ แก่ธนาคารพาณิชย์ | ทก | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานรับ-ส่งเอกสาร/สิ่งของ
แก่ธนาคารพาณิชย์ ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 6/ 2551 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1266 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 ยกเลิกบทบัญญัติในมาตราที่เกี่ยวข้องกับบทนิยามของหน่วยงานเฉพาะด้าน การจัดตั้งหน่วยงาน เฉพาะด้านของสำนักงาน การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่บริหารหน่วยงานเฉพาะด้าน และการกำหนดให้มี หัวหน้าหน่วยงานเฉพาะด้านที่มีอำนาจบริหารกิจการโดยอิสระ 1.2 กำหนดบทนิยามคำว่า "เจ้าหน้าที่" และ "ลูกจ้าง" ใหม่ 1.3 กำหนดให้สำนักงานจัดสรรเงินและรายได้ส่วนหนึ่งตั้งเป็นกองทุนภายในของสำนักงาน เรียกว่า "กองทุนพัฒนาการเรียนรู้สาธารณะ" เพื่อใช้ในการบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ 1.4 แก้ไขปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหาร งานทั่วไปในการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือข้อกำหนดให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการที่ไม่มีหน่วยงาน เฉพาะด้าน 1.5 กำหนดให้ผู้อำนวยการมีหน้าที่บริหารกิจการของสำนักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ประกาศ นโยบาย มติคณะกรรมการบริหาร 1.6 กำหนดให้ผู้อำนวยการมีอำนาจต่าง ๆ เกี่ยวกับบุคลากรหรือการวางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนิน งานของสำนักงาน เป็นผู้แทนของสำนักงาน มอบอำนาจให้บุคคลใดทำการแทนได้ และยกเลิกการกำหนดอัตรา เงินเดือนของหัวหน้าหน่วยงานเฉพาะด้าน 1.7 แก้ไขเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่พ้นจากตำแหน่งเมื่อครบกำหนดเวลาจ้างตามสัญญาหรือให้เป็นไปตาม เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ในสัญญา 2. ให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและ กระทรวงการคลังกรณีร่างมาตรา 5 กำหนดให้มีการจัดสรรเงินและรายได้ส่วนหนึ่งตั้งเป็นกองทุนภายในของสำนัก งาน ฯ เพื่อใช้ในการบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ เมื่อมีการยกเลิกบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งและการจัด การหน่วยงานเฉพาะด้าน และได้แก้ไขให้ผู้อำนวยการเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ทุกตำแหน่ง ตลอดจนเมื่อ องค์การมหาชนมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการโดยมีอำนาจในการกำหนดระเบียบ ข้อบังคับ ในเรื่องการเงิน การบัญชี การงบประมาณ เงินรายได้ของหน่วยงานไม่ต้องนำส่งคืนคลังและสามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการ ภายในองค์กรได้อยู่แล้ว เห็นควรแก้ไขร่างมาตรา 5 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2547 โดยไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนพัฒนา การเรียนรู้สาธารณะเป็นกองทุนภายในสำนักงาน ฯ อีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
1267 | จ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงาน/ลูกจ้างประจำที่มีเงินเดือน/ค่าจ้างเต็มขั้นสูงของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด | ทก | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงาน/ลูกจ้างประจำที่มีเงินเดือน/ค่า
จ้างเต็มขั้นสูงของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการ แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 6/2551 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1268 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8/2552 | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุม ได้พิจารณาแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (2553-2555) และโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรสำหรับปี การผลิต 2551/2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 เห็นชอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (2553-2555) โดยมีวงเงินลงทุนเบื้องต้น 1,566,867 ล้านบาท 2.2 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เพื่อ ทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามกรอบแผน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฯ พิจารณาความเหมาะสมของวงเงินลงทุน แหล่งเงินลงทุน และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม รวม ทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 กำกับ ติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของ แผนปฏิบัติการ และแผนการดำเนินโครงการ 2.3 เห็นควรให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่ คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง โดยยกเลิกคณะกรรมการกำกับด้านการเงินและการระดมทุน สำหรับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ฯ ในข้อ 2.2 แทน 2.4 ในกรณีที่โครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย เช่น พระราช บัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เป็นต้น เมื่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ ฯ พิจารณากลั่นกรองแล้วเสร็จ ให้ หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป 2.5 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแจ้งกระทรวงที่เกี่ยวข้องจัดทำ รายละเอียดโครงการ และแผนการดำเนินการโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เพื่อนำเสนอคณะกรรม การกลั่นกรองโครงการ ฯ พิจารณาภายใน 1 เดือน 2.6 เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงานโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรสำหรับปีการผลิต 2551/2552 เพื่อชดเชยให้แก่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องต่อไป 2.7 สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เห็นชอบให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดหาเม็ดเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานไปก่อน โดยอาจเจียดจ่ายจากงบ ประมาณของหน่วยงาน ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณชดเชยคืนให้ต่อไปในโอกาสแรก
|
|||||||||||||||||||||||||||
1269 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 (ครั้งที่ 124) | พน | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/ 2552 (ครั้งที่ 124) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งที่ประชุม กพช. ได้พิจารณา เรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1.1 แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2564 (PDP 2007 : ฉบับปรับ ปรุงครั้งที่ 2) 1.2 ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 1.3 นโยบายการนำส่งเงินและการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามพระราชบัญญัติการประกอบ กิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 1.4 แนวทางการชำระเงินชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จากการนำเข้า 1.5 รายงานการดำเนินการการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับเพิ่ม อัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย ดังนี้ 2.1 เรื่อง แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2556 (PDP 2007 : ฉบับ ปรับปรุงครั้งที่ 2) ในส่วนของการจัดทำแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2556 มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นหน่วยงานรับผิด ขอบดำเนินการ โดยขอให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนข้อมูลและการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยว ข้อง และนำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป 2.2 เรื่อง ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในส่วน ของการกำหนดเป้าหมายปริมาณพลังไฟฟ้ารับซื้อใหม่โดยการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าในแต่ละปีให้สอด คล้องกับเป้าหมายในแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี นั้น ในการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ยื่นข้อเสนอขาย ไฟฟ้า ให้สามารถรับซื้อไฟฟ้าเกินกว่าปริมาณเป้าหมายที่กำหนดได้เท่าที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่า Ft
|
|||||||||||||||||||||||||||
1270 | มาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ | พณ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 7 คณะ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และ 13 มีนาคม 2552 โดยหากเงินที่ใช้ในการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2552 ที่จะขอใช้จากวงเงินกู้สำหรับการรับจำนำผลิตผลทาง การเกษตร (110,000 ล้านบาท) ไม่เพียงพอให้ขอใช้เงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งองค์การคลังสินค้าได้ส่งคืนเงินค่าจำหน่ายข้าวโครงการรับจำนำปีเก่า ประมาณ 20,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการบริหารจัดการวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ควรแยกวงเงิน ออกจากการรับจำนำสินค้าทั้ง 5 ชนิด (ข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา) เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังเป็น ไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิผลในการบริหารจัดการ และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรเพิ่มศูนย์รับจำนำ ข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม ว่า เพื่อให้สามารถระบายข้าวจากโครงการรับจำนำได้อย่างมีเสถียรภาพด้านราคาและไม่เกิดปัญหาข้าวค้างสต๊อก อาจนำวิธีการค้าต่างตอบแทนและการค้าแบบแลกเปลี่ยนมาดำเนินการ เพื่อให้ประเทศผู้ขายสินค้าให้ไทยต้องซื้อ ข้าวสารจากไทยด้วย โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1271 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2551 | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้วในวาระ การประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาด โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ ปฏิบัติและแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเห็นชอบกับการทบทวนประเภทและ ขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใบอนุญาตและการออกใบ อนุญาต และการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... 3. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุม การปล่อยทิ้งไอน้ำมันเบนซินจากคลังน้ำมันเชื้อเพลิง และกำหนดให้คลังน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ 4. เห็นชอบค่าเฝ้าระวังสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่าย จำนวน 19 ชนิด ในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมง โดยใช้วิธีเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างสารอินทรีย์ระเหยง่าย ตามวิธีการของ US EPA (US EPA Compen dium Method TO-14A, TO-15, TO-11) หรือวิธีอื่นที่กรมควบคุมมลพิษให้ความเห็นชอบ 5. เห็นชอบกับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี โดยให้กรมชลประทานปรับแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดของสรุปการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ถูกต้อง ตามความ เห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในประเด็นผลการวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนักที่ละลายในตะกอนก้นอ่าง เก็บน้ำ 6. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการบ้านเอื้ออาทร ชุดที่ 1 และชุดที่ 2
|
|||||||||||||||||||||||||||
1272 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบให้ใช้อำนาจประกาศกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่ได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตควบคุมมลพิษจัด ทำแผนปฏิบัติการเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และดำเนินการตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. เห็นชอบนโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม โดยให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตราการ ฯ และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับ มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษจากการประกอบกิจการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสำรวจพื้นที่และจัดทำข้อมูลรายงานต่อประธานกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ภายใน 7 วัน 4. เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อตกลงในรายละเอียดต่อไป กรณีที่ไม่สามารถ สนับสนุนงบประมาณจากกลางปี พ.ศ. 2552 ได้ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาตาม ขั้นตอนต่อไป 5. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาด โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ ปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการปรับปรุงเอกสารท้ายประกาศ 1 ในลำดับที่ 28 โดยกำหนดให้โครงการจัดสรรที่ดิน จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกิน กว่า 100 ไร่ ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดสรรที่ดินแปลงย่อยขนาด 250 แปลง แต่ไม่ถึง 500 แปลง ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลข้อ มูล และให้เสนอแนวทางในการดำเนินการให้มีมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มโครงการตามหลักวิชาการที่ เหมาะสมเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป 6. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองแม่สอด จังหวัดตาก เทศบาลตำบลหัว ขวาง จังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยให้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียตามอัตราขั้นต่ำในปีแรกที่เริ่มจัดเก็บ ก่อน กับเห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมและวาง แผนงานต่าง ๆ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ โดยมีเงื่อนไขให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่า บริการบำบัดน้ำเสียทุก 5 ปี 7. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดการขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เทศบาล เมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เทศบาลตำบลเมืองแกลง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เป็นอัตราค่าบริการที่เป็นช่วง (ขั้นต่ำ-ขั้นสูง) โดยเทศบาลดังกล่าวจะต้องจัดให้มีกระบวนการสร้างความรู้เพื่อทำ ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าบริการด้วย และให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการทุก 5 ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
1273 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2552 | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ
และเลขาธิการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. รวม 2 เรื่อง คือ 2.1 นโยบายส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตเหล็กขั้นต้นเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูง คณะกรรมการ รศก. เห็นชอบในหลักการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูงของประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาความเป็นไปได้ของการดำเนินการ (Feasibility Study) ในราย ละเอียดโดยครอบคลุมประเด็นความต้องการใช้เหล็กคุณภาพสูงในอนาคต รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่และ โครงสร้างพื้นฐาน และกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยว ข้อง รวมทั้งประกาศของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เรื่อง แนวทางส่งเสริมการลงทุนกิจการ ผลิตเหล็กขั้นต้นเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูง และจัดทำแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม พร้อมทั้งจัดให้ มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยดำเนินการในลักษณะไตรภาคีร่วมกันระหว่างนักลงทุน ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 2.2 การย้ายเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) จากท่าอากาศยานดอน เมืองกลับมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหา การจัดการจราจรทางอากาศ ปัญหาการบริหารจัดการของสายการบิน และโอกาสในการสร้างเครือข่ายเส้น ทางบิน รวมทั้งเปรียบเทียบการกำหนดนโยบายให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ทั้งในด้านความคุ้มค่า ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน ข้อดีและข้อเสีย และการขยายขีดความสามารถ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในระยะต่อไป และนำเสนอคณะกรรมการ รศก. ภายใน 2 สัปดาห์ |
|||||||||||||||||||||||||||
1274 | นโยบายการจัดการสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อลดผลกระทบทางสุขภาพ | สช | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบข้อเสนอนโยบายการจัดการสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อลดผลกระทบทางสุขภาพตาม มติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2551 ที่เห็นชอบนโยบายการจัด การสารเคมี ฯ ในประเด็น "การมีส่วนร่วมของประชาชน" และ "การควบคุมโฆษณาและขายตรง" เพื่อมอบให้คณะ กรรมการวัตถุอันตรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เห็น ควรมีมาตรการสร้างความตระหนักและความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายต่าง ๆ ใน วงกว้างและอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันตนเองต่อเรื่องดังกล่าว และในการควบคุมและป้องกันสารเคมี โดยการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนควรนำข้อคิดเห็นของสาธารณชนไปเป็นปัจจัยหนึ่งในการประกอบการ พิจารณาการขึ้นทะเบียนสารเคมี โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ข้อคิดเห็น พร้อมแสดงข้อมูลและ หลักฐานประกอบเพื่อสร้างความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ ควรส่งเสริมเรื่อง ระบบการเฝ้าระวังในการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายทางการเกษตร โดยสนับสนุนให้มีกระบวนการสร้างความรู้และ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่เกษตรกร และเร่งดำเนินการมาตรการรณรงค์เรื่องการลดใช้สารเคมีร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งในกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้ ประชาชนผู้บริโภค ภาคเอกชนผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยว ข้องเพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1275 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2552 | นร | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 6/2552
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ โดย 1. การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อเร่งรัดและอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (One Start -One Stop Service Center) ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินการ และ มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) ประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับสถานที่จัดตั้งศูนย์ ฯ ให้เหมาะสมและเกิดความสะดวกด้วย เช่น พื้นที่ของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น 2. การประชาสัมพันธ์การจัดงานเฉลิมฉลอง 777 ปี ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2558 ให้กระทรวง ศึกษาธิการรับไปตรวจสอบการใช้ถ้อยคำ "777 ปี ของประเทศไทย" ให้ถูกต้องเหมาะสม สอดคล้องกับข้อ เท็จจริงทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งให้เป็นประโยชน์ต่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว แล้วให้แจ้งกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1276 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2551 | ทส | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้วใน วาระการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่า พระ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และให้ รฟม. ดำเนินการออกแบบโครงสร้างรถไฟฟ้า ช่วงที่อยู่ใต้ดิน จากหัวลำโพง-ท่าพระ และตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารรายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้ประสานกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนนำ เสนอคณะรัฐมนตรี 2. เห็นชอบรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค (การเพิ่มสถานีเพชรเกษม 48 และศูนย์ซ่อมบำรุง) ของ รฟม. โดยรับข้อคิดเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติในประเด็นการเพิ่มความถี่ในการติดตามตรวจสอบฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศทั้งในระยะการก่อสร้างและ ช่วงเปิดการเดินรถแล้ว รวมทั้งเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว 3. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโรงไฟฟ้าพระ นครเหนือ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 4. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เรื่อง การกำหนดมาตรฐานค่าความเข้มกลิ่นของอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งจากแหล่งกำเนิด มลพิษ และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เรื่อง กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทและบางขนาด เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมค่าความเข้มกลิ่นจากอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งออกสู่บรรยากาศ 5. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 4 ฉบับ ออกไปอีก 1 ปี นับจากวันที่ 1 ตุลาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||
1277 | ร่างกฎกระทรวง รวม 8 ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 [ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115)] | พน | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม 8 ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติการส่งเสริม
การอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540 [ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2550 (ครั้งที่ 115)] ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัดลมไฟฟ้าชนิดตั้งโต๊ะ ชนิดติดผนัง และชนิดตั้งพื้นที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 4. ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 5. ร่างกฎกระทรวงกำหนดกระจกเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. .... 6. ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 7. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... 8. ร่างกฎกระทรวงกำหนดกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
1278 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2552 | นร | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม
การและเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 1.1 แนวทางการระดมทุนในรูปแบบ Public Private Partnerships (PPPs) ที่ประชุมมีมติเห็น ชอบแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปบบ PPPs มีหน้าที่พิจารณา แนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐในรูปแบบ PPPs กำหนดขั้นตอน และกระบวน การทำงานในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอก ชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และศึกษาแนวทาง การปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนำผลการพิจารณาเสนอให้คณะกรรมการ รศก. และคณะ รัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 1.2 กรอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะปานกลาง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบสาขาการลงทุนสำคัญใน 5 สาขา และมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องจัดส่งรายละเอียดแผนการลงทุนให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวมและกลั่นกรองและให้ สศช. ร่วมกับกระทรวงการคลัง พิจารณากรอบวงเงินให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย และการรักษาวินัยการคลังที่ยั่งยืน โดยดำเนินการให้แล้ว เสร็จภายใน 1 เดือน และนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะ กรรมการ รศก. ต่อไป 1.3 ผลกระทบจากพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ต่ออุตสาหกรรม ผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวง พาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยว ข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนของประเทศ ต่อไป แล้วรายงานคณะกรรมการ รศก. และคณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนา คมร่วมกันจัดทำแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนของประเทศเพื่อใช้เป็น กรอบแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอากาศยานทั้งระบบต่อไป 1.4 มอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.4.1 มอบให้ สศช. ประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ให้ สศช. รวบรวม และนำเสนอคณะกรรมการ รศก. 1.4.2 มอบให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานมาตรการกีดกันทางการค้าในทุกรูปแบบของประเทศคู่ค้าสำคัญเพื่อเป็นข้อมูล สำหรับนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปเจรจาในต่างประเทศ 2. รับทราบและเห็นชอบข้อเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนตามกรอบแผนฟื้นฟู ฯ ที่จะลงทุนใน 5 สาขาหลักที่สำคัญ โดยปรับเพิ่มเป็น 6 สาขาหลัก ฯ โดยแยก "เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์" ออกจาก "อุตสาห กรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์" ใน (3) เป็นอีก 1 สาขา
|
|||||||||||||||||||||||||||
1279 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 2/2552 | นร | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. รวม 6 เรื่อง ดังนี้ 1.1 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (6,900 ล้าน บาท) ที่ประชุมมีมติให้ภาคเอกชนประสานส่งคำขอเข้าร่วมโครงการกับคณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักย ภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน และกระทรวงแรงงานโดยเร่งด่วน 1.2 โครงการค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ (2,652.2 ล้าน บาท) และโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน (16,318.3 ล้านบาท) ที่ประชุมมีมติรับทราบข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับรูปแบบวิธีการจ่ายเงินของภาคเอกชน โดยรัฐบาลจะรับความเห็นไปประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนด วิธีดำเนินการที่เหมาะสมและรัดกุมต่อไป 1.3 โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน (1,000 ล้านบาท) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวง พาณิชย์ประสานภาคเอกชนเพื่อดำเนินการต่อไป 1.4 การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่แท้จริง ที่ประชุมมีมติขอให้ ภาคเอกชนรับไปพิจารณาปรับลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้สอดคล้องกับภาวะต้นทุนการผลิต 1.5 แนวทางการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ที่ประชุมมีมติขอให้สภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทยและสมาคมธนาคารไทยพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประสานนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการ กรอ. ในครั้งต่อไป รวมทั้งประสานกระทรวงการคลังให้รายงานความคืบ หน้าการดำเนินงานของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทย ให้ที่ประชุมทราบในครั้งต่อไป 1.6 มาตรการความช่วยเหลืออุตสาหกรรมสาขาอื่น ๆ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ สศช. ประสาน กับกระทรวงอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรวบรวมและกลั่นกรองประเด็นปัญหานำเสนอ ต่อคณะกรรมการ กรอ. ในการประชุมครั้งต่อไป 2. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและมติคณะกรรมการ กรอ. ไปพิจารณาประกอบ การดำเนินการต่อไป แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1280 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2552 | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 4/2552 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 และเห็น ชอบมติคณะกรรมการ รศก. รวม 2 เรื่อง ดังนี้ 1.1 สถานการณ์แรงงานและมาตรการแก้ไขปัญหาแรงงาน มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน กระทรวง พาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำรายละเอียดงบประมาณการแก้ไขปัญหา แรงงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว และเสนอให้คณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธานเพื่อ บูรณาการการดำเนินการร่วมกัน หากงบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอให้พิจารณาเสนอคณะกรรมการ รศก. ตาม ความจำเป็นต่อไป 1.2 มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินเพื่อ เพิ่มทุนที่เหมาะสมให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้ กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินเพื่อเพิ่มทุนที่เหมาะสมให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ตามขั้นตอนต่อไป และให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามมาตรการ ดังกล่าวของ ธสน. และ บสย. และรายงานให้คณะกรรมการ รศก. ทราบเป็นประจำทุกเดือน 2. สำหรับร่างกรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องขออนุมัติจาก รัฐสภา ให้กระทรวงการคลังเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ รศก. โดยด่วนต่อไป
|
.....