คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ [Memorandum of Understanding (MOU) between the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) and the International Renewable Energy Agency (IRENA)] และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนสามารถลงนามในนามของอาเซียนได้ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญในระดับภูมิภาคเพื่อนำพาอาเซียนก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่อนาคตพลังงานที่มีคาร์บอนต่ำ สะอาด มั่นคง ราคาถูก และยั่งยืน ตามแผนปฏิบัติการพลังงานอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ (APAEC 2016-2025) ที่มีวัตถุประสงค์ในการรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในภาพรวมการใช้พลังงานอาเซียนให้ได้ร้อยละ ๒๓ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
               ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรพิจารณาประเด็นการเลือกใช้แหล่งและชนิดของเชื้อเพลิงที่มีความเหมาะสมและมีเสถียรภาพในระยะยาว การยอมรับจากทุกภาคส่วน รวมถึงการส่งผลกระทบทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และควรคำนึงถึงการเชื่อมโยงด้านพลังงาน (Energy Connectivity) ในอาเซียน ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงและเสถียรภาพทางด้านพลังงาน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับประเด็นการเข้าถึงพลังงาน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการตระหนักและให้ความสำคัญในการใช้พลังงานหมุนเวียนตามบริบทของประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานของภูมิภาคต่อไป นอกจากนี้ อาเซียนควรพิจารณากำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้สอดคล้องระหว่างความต้องการใช้พลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียน และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDG) และการสร้างหลักประกันการเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถหาซื้อได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน โดยให้ความสำคัญทั้งในด้านความมั่นคงของพลังงาน ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสม และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป