ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การจัดซื้อยาที่ผลิตในประเทศ | นร | 06/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ผลิตได้เองในประเทศและผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง นั้น ได้มีการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ผลิตได้เองในประเทศตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมีความเหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันยาที่ผลิตในประเทศมีคุณสมบัติเทียบเท่ายาที่ผลิตจากต่างประเทศและสามารถจะประหยัดงบประมาณภาครัฐได้มาก เนื่องจากมีราคาต่ำกว่ายาจากต่างประเทศ (ประเทศไทยมีการจัดซื้อยาทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นมูลค่ายาที่นำเข้าจากต่างประเทศประมาณ ๑๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยาในประเทศอย่างครบวงจรและจูงใจให้ผู้ประกอบการยาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตยาในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้วย ๑.๒ หน่วยงานของรัฐสามารถถือปฏิบัติตามมาตรการการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศตามที่เสนอในครั้งนี้ได้ โดยไม่ถือว่าขัดต่อความตกลงระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอยู่ในปัจจุบัน เพราะเป็นเรื่องความจำเป็นในการจัดหาในส่วนของภาครัฐ (Government Procurement) ๑.๓ เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ประกอบการในประเทศบางส่วนเป็นผู้วิจัย พัฒนา และผลิตยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมิได้เป็นผู้จำหน่ายโดยตรงแต่ได้จัดตั้ง/แต่งตั้งบริษัทผู้แทนจำหน่ายขึ้นมาทำหน้าที่แทน ดังนั้น ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐประสงค์จะจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมผ่านทางผู้แทนจำหน่าย เห็นควรให้ดำเนินการได้ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของการจัดซื้อดังกล่าวเป็นกรณี ๆ ไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา อุปสรรค และความล่าช้าในการจัดซื้อดังกล่าว ๒. ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๒.๑ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตได้เองในประเทศและผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งเป็นนโยบายการจัดหาในภาครัฐ (Government Procurement) ที่สำคัญตามยุทธศาสตร์การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าและยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามนัยแห่งข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยใช้กับยา เวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น รถพยาบาล อาหารทางการแพทย์ที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยด้านการแพทย์และรัฐได้ให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมดังกล่าวตามที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติได้ตรวจสอบคุณสมบัติและสำนักงบประมาณได้ประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยแล้ว ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๒.๒ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อ ๒.๑ โดยวิธีกรณีพิเศษได้อย่างน้อยร้อยละ ๓๐ ของปริมาณความจำเป็นที่ต้องการใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ๒.๓ เมื่อพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับแล้ว (๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐) โดยที่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษอีกต่อไป แต่มีการจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะใช้กับเรื่องใดให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด จึงให้กระทรวงการคลังดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดให้ยา เวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามข้อ ๒.๑ เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้อย่างน้อยร้อยละ ๓๐ ตามข้อ ๒.๒ ในระหว่างนี้ให้กระทรวงการคลังเตรียมการออกกฎกระทรวงเพื่อจะสามารถรับช่วงไปดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องกับการมีผลใช้บังคับของพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ๒.๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมในการนำมาตรการดังกล่าวไปใช้กับการจัดซื้อยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติที่ผลิตในประเทศด้วย ๒.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลให้การดำเนินการตามมาตรการนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส หากมีปัญหาหรือการละเว้นไม่ดำเนินการในเรื่องใด ให้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการ ๒.๖ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีความจำเป็นต้องจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมผ่านทางผู้แทนจำหน่าย ให้เสนอเรื่องให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมก่อนดำเนินการจัดซื้อต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการพิจารณาดังกล่าวโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา อุปสรรค และความล่าช้าในการจัดซื้อ ๓. ในการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแยกวงเงินงบประมาณเพื่อการนี้ให้ถูกต้อง ชัดเจน และให้สำนักงบประมาณกำกับดูแลให้ถูกต้องต่อไปด้วย
|
.....