ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงินประจำปีครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2557 | กค | 12/11/2557 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เป้าหมายนโยบายการเงิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. ได้กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ ๐.๕-๓.๐ ต่อปี ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับที่ใช้ในปี ๒๕๕๖ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยในไตรมาสที่ ๑ และ ๒ ของปี ๒๕๕๗ อยู่ในช่วงเป้าหมายที่ร้อยละ ๑.๑๙ และ ๑.๗๑ ตามลำดับ เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากครึ่งหลังของปีก่อน ๒. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ หดตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปีก่อน โดยในไตรมาสที่ ๑ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคเอกชนและการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกสินค้าฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับภาวะเงินเฟ้อ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๒.๒๓ และอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๑.๔๕ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๖ ตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและราคาพลังงาน โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งขึ้นจากการส่งผ่านต้นทุนก๊าซหุงต้มและเครื่องประกอบอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นไปยังราคาอาหารสำเร็จรูป ๓. การดำเนินนโยบายการเงิน ที่ประชุม กนง. เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินลงร้อยละ ๐.๒๕ จากร้อยละ ๒.๒๕ เป็นร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มแรงสนับสนุนให้กับเศรษฐกิจ ภายใต้ภาวะที่แรงส่งเศรษฐกิจแผ่วลงในระยะสั้นและแรงกระตุ้นทางการคลังมีจำกัด และในการประชุม กนง. เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่ประชุมได้มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี โดยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินอยู่ในระดับผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ๔. การดำเนินนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ มีเสถียรภาพแม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นปีจากความไม่สงบทางการเมืองและความกังวลของนักลงทุนต่างชาติต่อเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่บางประเทศ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ เนื่องจากเงินทุนจากต่างประเทศเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตรของไทยตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นหลังจากสถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลาย และการบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินการได้ โดยค่าเงินบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ อยู่ที่ ๓๒.๔๕ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) และดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (REER) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ ๑๐๒.๔๖ และ ๑๐๑.๕๗ ตามลำดับ ๕. แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อปี ๒๕๕๗ กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗ จะขยายตัวชะลอลงจากปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศหดตัวจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อในช่วงครึ่งแรกของปี ประกอบกับภาคการส่งออกฟื้นตัวช้า |
.....