ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 25 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน | พณ | 12/11/2556 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ต่อต้านมาตรการกีดกันทางการค้า (Protectionist measures) ขยายเวลาที่จะคง (standstill) การไม่นำมาตรการใหม่ ๆ ที่เป็นการปกป้องทางการค้ามาใช้จนถึงปี ๒๕๕๙ และเรียกร้องให้สมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) แสดงเจตจำนงทางการเมืองและความยืดหยุ่นเพื่อให้การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ ๙ (The 9th WTO Ministerial Conference : MC9) เมื่อวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย บรรลุผลสำเร็จ สนับสนุนการเจรจาขยายขอบเขตสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA Expansion) ให้สามารถหาข้อสรุปได้ก่อน MC9 โดยได้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าเชิงพาณิชย์ น่าเชื่อถือ ปฏิบัติได้ และสมดุล ๑.๒ ยืนยันการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคให้เหลือร้อยละ ๕ หรือต่ำกว่า ภายในปี ๒๕๕๘ และเห็นชอบการจัดตั้งเวทีหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชนเรื่องสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม (APEC Public-Private Partnership on Environmental Goods and Services : PPEGS) เพื่อหารือประเด็นด้านการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้การส่งเสริมการค้าสินค้าที่สนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึงโดยการพัฒนาชนบทและบรรเทาความยากจน นอกจากนี้ ต่อต้านและยกเลิกมาตรการที่ก่อให้เกิดการบิดเบือนทางการค้า ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff measures : NTMs) และให้การรับรองแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการสร้างงานและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน (APEC Best Practices to Create Jobs and Increase Competitiveness) เพื่อเสนอแนะนโยบายการสร้างงาน การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แทนการใช้มาตรการกำหนดเงื่อนไขให้ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ๑.๓ รับรองแผนงานด้านความเชื่อมโยงในกรอบเอเปค (APEC Framework on Connectivity) ประกอบด้วยความเชื่อมโยง ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านกายภาพ ด้านสถาบัน และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และเพื่อบรรลุเป้าหมายปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานของเอเปคให้ได้ร้อยละ ๑๐ ภายในปี ๒๕๕๘ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (APEC Trade and Investment Liberalization Sub-Fund on Supply Chain Connectivity) เพื่อใช้สำหรับกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร ๑.๔ ส่งเสริมบทบาทสตรีและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อการมีส่วนร่วมมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด ส่งเสริมความเป็นสากล ให้ความรู้เรื่องการเงิน และการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางน้ำ พลังงาน และทางอาหาร โดยส่งเสริมความร่วมมือและนโยบายแบบบูรณาการ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ภายในเวลาที่กำหนด การดำเนินการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค ให้รับฟังความเห็นจากภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชน รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการเข้าถึงการค้าบริการ [APEC Services Trade Access Requirements (STAR) Database] ควรมีการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ (Trade in Health Services) อย่างรอบคอบในทุกกรอบความร่วมมือ รวมทั้งท่าทีของประเทศไทยในการสนับสนุนการเจรจาขยายขอบเขตสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA Expansion) เพื่อให้สามารถหาข้อสรุปได้ก่อนการประชุม MC9 อยู่บนฐานของความยืดหยุ่นและระดับการพัฒนาด้าน IT ที่แตกต่างกัน และไม่ควรมีผลกระทบต่อรายการสินค้าอ่อนไหวของความตกลงการค้าเสรีในกรอบอื่น ๆ ที่ได้ลงนามไปแล้ว รวมถึงต้องคำนึงถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม IT ภายในประเทศ และการปฏิบัติได้จริงตามกระบวนการศุลกากร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....