ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 02/07/2556 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาโลก สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๘๑ ขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organization for Animal Health - OIE) ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเดินทางไปหารือความร่วมมือด้านการเกษตรกับกระทรวงอาหาร เกษตร และคุ้มครองผู้บริโภค ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมหารือกับปลัดกระทรวงอาหาร เกษตร และคุ้มครองผู้บริโภค ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑.๑ ฝ่ายเยอรมนีเสนอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยมาอบรมเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคนิคในการวิเคราะห์ความเสี่ยงกับสถาบันที่เกี่ยวข้องของเยอรมนีเพื่อเป็นโครงการนำร่อง และหากโครงการความร่วมมือนี้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย สามารถที่จะเสนอความร่วมมือในระยะต่อไปได้ ส่วนฝ่ายไทยยังสนใจโครงการ Summer School ที่ทางกระทรวงอาหาร เกษตร และคุ้มครองผู้บริโภคของเยอรมนีได้ริเริ่มขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจเข้าร่วมการฝึกอบรมเป็นระยะเวลาประมาณ ๒ สัปดาห์ โดยการอบรมนี้จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยอาหารของเยอรมนี รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากฝ่ายไทยมีความสนใจก็สามารถที่จะเข้าร่วมรับการอบรมได้ ๑.๒ ฝ่ายไทยได้ขอหารือในประเด็นต่อเนื่องจากที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้เดินทางมาเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ ในการจัดทำระบบรับรองสินค้าเกษตรก่อนการส่งออก ซึ่งทางเยอรมนีได้มีการดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานเอกชนเพื่อให้ทำการรับรองสินค้าอุตสาหกรรมก่อนส่งออกจากประเทศต้นทางแล้ว แต่ในการรับรองก่อนการส่งออกในสินค้าเกษตรยังไม่ได้มีการดำเนินการ โดยฝ่ายไทยได้หารือในเรื่องนี้ว่า หากสินค้าเกษตรสามารถดำเนินการได้ในลักษณะเดียวกัน จะเป็นการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและสนับสนุนทางด้านความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเยอรมนีจะขอหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ หากสามารถดำเนินการได้จะแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบต่อไป เนื่องจากมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไปในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปด้วย ๑.๓ ฝ่ายเยอรมนีแจ้งให้ทราบว่า จะมีการจัดงาน International Green Week ณ กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นงานที่แสดงสินค้าเกษตรและอาหาร รวมถึงเทคโนโลยีในการผลิต และเห็นว่าไทยเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตร จึงอยากให้ไทยเข้าร่วมงานในการแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่ายินดีที่จะร่วมงานดังกล่าว และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเบอร์ลินได้ประสานงานมาระดับหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ จากการศึกษาดูงานพบว่า เยอรมนีได้รวมหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านอาหาร เกษตร และการคุ้มครองผู้บริโภคไว้ภายในหน่วยงานกระทรวงเกษตร ทำให้การดูแลความปลอดภัยทางอาหารมีความเป็นเอกภาพ และการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยอาหารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่างจากไทยที่ได้มีการแยกการกำกับดูแลเป็นหลายหน่วยงาน ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาโลก สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ ๘๑ ของ OIE เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยเน้นถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ เช่น ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ การขาดแคลนพลังงาน ที่จะมีผลกระทบต่อการผลิตอาหารและการเกิดโรคระบาดต่าง ๆ ทั้งในสัตว์และมนุษย์ การแก้ไขปัญหาดังกล่าว OIE ในฐานะที่เป็นองค์กรในการดูแลเรื่องสุขภาพสัตว์และสวัสดิภาพสัตว์ได้มีการดำเนินการร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nation : FAO) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ในโครงการ One Health เพื่อดูแลสุขภาพของมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สัตวแพทย์ทั่วโลกจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานในการจัดระบบการควบคุมโรค มาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ คุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสัตว์ การดูแล การฆ่าสัตว์ และมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตจากปศุสัตว์และประมง ซึ่งไทยได้เสริมสร้างศักยภาพของสัตวแพทย์ในระดับมหาวิทยาลัยของรัฐ ๕ แห่ง และกรมปศุสัตว์ โดยจัดทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Utrecht ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี่ยงของยุโรปในด้านสัตวแพทย์ และได้แจ้งให้ทราบถึงนโยบายของรัฐบาลไทยในการจัดเขตเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งเป็นการดำเนินการที่นำไปสู่การผลิตที่ไม่เหลือทิ้ง (Zero Waste Agriculture) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่สอดคล้องกับนโยบาย One Health ของ OIE
|
||||||||||||||||||
.....
