ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาสับปะรดปี 2555 | กษ | 20/11/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาสับปะรดปี ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะอนุกรรมการโครงการแก้ไขปัญหาสับปะรด ในการประชุมครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ได้มีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นผู้รับซื้อสับปะรดสดจากเกษตรกร จัดจ้างโรงงานแปรรูปเพื่อผลิตเป็นสับปะรดกระป๋อง และประสานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในเรื่องการใช้เงิน รวมทั้งได้จัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางปฏิบัติ และให้มีการจัดประชุมชี้แจงแก่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเร่งรัดดำเนินการรับซื้อโดยเร็วที่สุด ๑.๒ อ.ต.ก. ได้ประสานกับจังหวัดในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำจุดรับซื้อและดำเนินการจัดหาโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด ๑.๓ สำนักงบประมาณได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๗๕,๖๘๘,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปสับปะรดกระป๋อง การประชาสัมพันธ์ และการบริหารจัดการโครงการแก้ไขปัญหาสับปะรด ปี ๒๕๕๕ ๑.๔ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้สำรวจความต้องการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในจังหวัดต่าง ๆ โดยเร่งด่วน เพื่อพิจารณาจัดสรรปริมาณการรับซื้อสับปะรดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ผลผลิต และราคาในแต่ละพื้นที่ หากพบว่าไม่มีความต้องการให้พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการดำเนินโครงการฯ ๑.๕ คณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ ได้มีมติเห็นสมควรสนับสนุนค่าขนส่งให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในจังหวัดที่ไม่มีโรงงานแปรรูปเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อขนส่งสับปะรดไปยังจุดรับซื้อหน้าโรงงานแปรรูป และขยายระยะเวลาการรับซื้อสับปะรด จากสิ้นสุด ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นสิ้นสุด ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี ๑.๖ อ.ต.ก. ได้รับแจ้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาสับปะรดผลสดหน้าโรงงาน ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ส่วนใหญ่รับซื้อกิโลกรัมละ ๔.๐๐-๔.๒๐ บาท ซึ่งสูงกว่าราคารับซื้อตามโครงการฯ ๑.๗ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๔ ซึ่งรวมถึงเงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาสับปะรด ปี ๒๕๕๕ จำนวนเงิน ๕๐๐ ล้านบาท และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ประสานกับ อ.ต.ก. ว่าสามารถดำเนินการกู้เงินจาก ธ.ก.ส. ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ๑.๘ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งสิ้นสุดระยะเวลาการรับซื้อตามโครงการฯ แล้ว ประกอบกับสถานการณ์ราคาสับปะรดอยู่ในเกณฑ์ดี อ.ต.ก. จึงไม่ได้มีการลงนามในสัญญากู้เงินกับ ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการรับซื้อสับปะรดจากเกษตรกร โดยเห็นว่า หากดำเนินโครงการฯ ต่อไป จะไม่เกิดประโยชน์กับเกษตรกร และทำให้การใช้งบประมาณภาครัฐไม่คุ้มค่า ๑.๙ การใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลางฯ วงเงิน ๑๗๕,๖๘๘,๔๐๐ บาท อ.ต.ก. ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในการแปรรูปสับปะรดสด จำนวน ๔๐,๐๐๐ ตัน เป็นสับปะรดกระป๋อง วงเงิน ๑๗๒,๖๕๖,๕๐๐ บาท อ.ต.ก. ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน ๕๙,๗๐๘ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ จำนวนเงินคงเหลือ ๑๗๒,๕๙๖,๗๙๒ บาท และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในส่วนของการประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์ และการบริหารจัดการโครงการ วงเงิน ๓,๐๓๑,๙๐๐ บาท โดยไม่มีการเบิกจ่าย ทั้งนี้ อ.ต.ก. และ สศก. ได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่กรมบัญชีกลางเรียบร้อยแล้ว ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมกรณีที่โรงงานแปรรูปยังคงมีสับปะรดกระป๋องเหลืออยู่ปริมาณมากในสินค้าคงคลัง จากผลกระทบทางเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลัก ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อใด จึงมีผลต่อการสั่งซื้อ แนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร หรือโรงงานแปรรูป เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง เช่น ปริมาณผลผลิต กำลังการผลิต สินค้าแปรรูปคงคลัง เป็นต้น อันจะนำมาซึ่งกระบวนการในการแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาด้วย ๓. ให้ทุกหน่วยงานถือเป็นหลักปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นว่า หากหน่วยงานไม่สามารถใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นได้ตามเป้าหมายและมีเงินเหลือ ให้หน่วยงานส่งคืนเงินดังกล่าวให้สำนักงบประมาณเพื่อจะได้นำไปจัดสรรให้กับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป |
.....