ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98" | สสป | 06/11/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาลแรงงานกลาง องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘" โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบาย และการเตรียมการในเรื่องดังกล่าว โดยมีรายละเอียดความเห็นและข้อเสนอแนะขั้นตอนการเตรียมการแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ดังนี้
๑. ระยะแรก ขั้นการเตรียมการ ๑.๑ การเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กฎหมายของกระทรวงแรงงาน โดยแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ และกฎหมายเกี่ยวกับการประกันสังคม เป็นต้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว และด้านความมั่นคงของชาติ ของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ตลอดจนกฎหมายที่รองรับการรวมตัวของข้าราชการแต่ละประเภท รวมถึงแก้ไขบทบัญญัติในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับอื่น ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งกระทรวงแรงงานควรได้จัดทำประชาพิจารณ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ครบทุกกลุ่ม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงรอบด้านในการนำมาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน และกระทรวงมหาดไทยควรมีกฎหมายลักษณะบริหารจัดการองค์กรต่าง ๆ ต่อการได้รับสิทธิการมีส่วนร่วมในกระบวนการของภาครัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากเป็นการควบคุมดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยแล้ว ยังป้องกันมิให้องค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่จดทะเบียนหรือองค์กรที่ไม่ถูกกฎหมายเข้ามาแสวงประโยชน์ในการเป็นตัวแทนกิจกรรมต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวควรมีการกำหนดสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐว่าควรเท่าเทียมกับองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่อย่างไร ๑.๒ การเตรียมการด้านลูกจ้างและองค์กรลูกจ้าง ได้แก่ การสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิตามอนุสัญญาซึ่งต้องเคารพสิทธิตามกฎหมายไทย โดยผ่านการอบรมผู้นำองค์กรแรงงาน รวมทั้งจัดทำสื่อ ประชาสัมพันธ์ ผ่านเว็บไซต์ และเอกสารประชาสัมพันธ์อื่น ๆ ควรพัฒนาองค์กรลูกจ้างให้เข้มแข็งในกระบวนการเจรจาต่อรองเนื่องจากภาครัฐมีบทบาทลดลงในการเข้าไปประสาน ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยรัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซงใด ๆ และแรงงานควรได้รับการอบรมเรื่องกฎหมายแรงงาน ๑.๓ การเตรียมการด้านนายจ้างและองค์กรนายจ้าง ได้แก่ การสร้างความรู้ความเข้าใจพันธะกิจของนายจ้างตามอนุสัญญา โดยผ่านการอบรมผู้นำองค์กรแรงงาน รวมทั้งจัดทำสื่อ ประชาสัมพันธ์ ผ่านเว็บไซต์ และเอกสารประชาสัมพันธ์อื่น ๆ การทำความเข้าใจในการเจรจาต่อรองระบบทวิภาคี โดยมิให้มีการแทรกแซงกระบวนการ ทั้งของลูกจ้างและนายจ้าง และการอบรมนายจ้างในเรื่องกฎหมายแรงงาน ๑.๔ การเตรียมการด้านการรวมกลุ่มของข้าราชการ ได้แก่ รัฐบาลสามารถกำหนดให้ข้าราชการทั้งหมด หรือข้าราชการบางกลุ่มมีสิทธิในการนัดหยุดงานที่แตกต่างหรือน้อยกว่าคนทำงานในกิจการทั่วไปได้ ได้แก่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการระดับบริหาร ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการและลูกจ้างในโรงพยาบาล การไฟฟ้า การประปา การโทรคมนาคม และหอบังคับการบิน รวมทั้งการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการรวมกลุ่มข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยสถาบันพระปกเกล้าเป็นที่ปรึกษาจัดทำร่างกฎหมาย และการสร้างความรู้ความเข้าใจพันธะกิจของรัฐบาลตามอนุสัญญา เพื่อให้ข้าราชการเข้าใจบทบาทและสิทธิตามอนุสัญญาและร่างกฤษฎีกาที่ออกรองรับอนุสัญญาดังกล่าว ๒. ระยะที่สอง ขั้นตอนระหว่างการนำเสนอต่อรัฐสภา ควรเร่งดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ๒.๑ ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ลูกจ้าง องค์กรลูกจ้าง นายจ้าง และองค์กรนายจ้างให้รับทราบพันธะที่ตนเองต้องปฏิบัติตามโดยเร็ว อาจมีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ๒.๒ เร่งจัดทำ ปรับปรุง กฎ ระเบียบ ข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่บริหาร เจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ๒.๓ จัดให้มีการพัฒนาอบรมแก่ฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และแรงงานในสถานประกอบการอย่างทั่วถึง ๒.๔ เผยแพร่ความรู้ ข้อมูล การปฏิบัติการในโรงเรียนโดยเฉพาะชั้นปีการศึกษาที่คาดว่านักเรียน นักศึกษา จะสำเร็จการศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงาน ๒.๕ ใช้รูปแบบไตรภาคีในการพิจารณากำหนด กลไก และมาตรการสนับสนุนการเจรจาต่อรองในระบบทวิภาคี เพื่อให้รัฐลดบทบาทในการเข้าไกล่เกลี่ยได้อย่างเป็นรูปธรรม ๓. ระยะที่สาม ขั้นตอนการปฏิบัติจริงในช่วง ๒ ปี หลังการให้สัตยาบันหรือก่อนทำรายงานต่อองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ๓.๑ ติดตามประมวลปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามบทบัญญัติของอนุสัญญา พร้อมทั้งให้ความรู้และสร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่องแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ลูกจ้าง องค์กรลูกจ้าง นายจ้าง และองค์กรนายจ้าง ๓.๒ พิจารณาส่งเสริมสนับสนุน กลไก มาตรการ การเจรจาโดยสมัครใจระหว่างนายจ้างหรือองค์กรของนายจ้างกับองค์กรของลูกจ้าง หรือการเจรจาระบบทวิภาคีให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
|
.....