ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 4/2555 | นร | 20/05/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ๒. เห็นชอบตามมติที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ ณ จังหวัดกาญจนบุรี และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามมติที่ประชุมและรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ข้อเสนอของ กกร./สทท. จำนวน ๙ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑.๑ การพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการสนับสนุนการพัฒนาโครงการดังกล่าว และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนพัฒนาความเชื่อมโยงของไทยกับท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งบูรณาการแผนงานและโครงการโดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒.๑.๒ การเร่งรัดการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงภาคตะวันตก ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับการพัฒนาท่าเรือทวายและการเปิดด่านบ้านพุน้ำร้อน พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของถนนสายทางหลักและสายทางรอง และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๓ การเตรียมความพร้อมรองรับการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจ Southern Economic Corridor (SEC) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และจังหวัดกาญจนบุรี ประสานงานกับรัฐบาลเมียนมาร์ในการเร่งรัดการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราว และเจรจาเพื่อขอเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรีต่อไป ๒.๑.๔ การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนไทย - เมียนมาร์ ที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ๒.๑.๔.๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของพื้นที่ที่มีศักยภาพในการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนระหว่างไทย - เมียนมาร์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเจรจากับรัฐบาลเมียนมาร์ ๒.๑.๔.๒ รับทราบแนวทางการดำเนินงานของกองกำลังสุรสีห์ กระทรวงกลาโหม ในการแก้ไขปัญหาร่วมกับเมียนมาร์ เพื่อให้มีการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวพระเจดีย์สามองค์ และเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความพร้อม เห็นควรส่งเรื่องให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมในการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร และให้กระทรวงกลาโหมประสานกับกระทรวงมหาดไทยในด้านความมั่นคงอย่างใกล้ชิด ๒.๑.๔.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ติดตามและประเมินสถานการณ์การพัฒนาในเมียนมาร์ ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง หากเห็นสมควรให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าตะโกบนให้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๔.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาผลกระทบจากการเปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทย - เมียนมาร์ โดยเฉพาะการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการพัฒนาความสามารถแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย ๒.๑.๕ โครงการลดการสูญเสียในวงจรการผลิต และโครงการบริหารจัดการพลังงานแบบบูรณาการเพื่อลดต้นทุนและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานชีวมวล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ โดยให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมนำโครงการลดการสูญเสียในวงจรการผลิตไปพิจารณาดำเนินการ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงพลังงานดำเนินการในรายละเอียดของการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถลดต้นทุนและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานชีวมวล ๒.๑.๖. การส่งเสริมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกลุ่มภาคกลางตอนล่าง ที่ประชุมมีมติ ดังนี้ ๒.๑.๖.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพคลองตาหลวงจากสำนักงบประมาณ ภายใต้กรอบวงเงินการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๖.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอโครงการปรับปรุงระบบนิเวศคลองดำเนินสะดวกและคลองสาขา จังหวัดราชบุรี - สมุทรสาคร - สมุทรสงคราม และการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการของแม่น้ำท่าจีนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (จังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ไปพิจารณาในรายละเอียดแล้วเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อขอรับการสนับสนุนในการดำเนินการต่อไป ๒.๑.๖.๓ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาโครงการนำร่องสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง โดยให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมเมืองอุตสาหกรรมนิเวศ และให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายและการพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่น ๒.๑.๗ โครงการถนนท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย จังหวัดสมุทรสาคร - สมุทรสงคราม (Royal Coast Road) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงคมนาคมรับไปศึกษารายละเอียดของโครงการดังกล่าว เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๘ การประกาศเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองหัวหินและพื้นที่เชื่อมโยง (ชะอำและปราณบุรี) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการประกาศเมืองหัวหินและพื้นที่เชื่อมโยง (ชะอำ - ปราณบุรี) ภายในกลุ่มท่องเที่ยว The Royal Coast ให้เป็นเขตพื้นที่พิเศษตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๙ การปรับปรุงอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชีวิต ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงกลาโหมขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชีวิต โดยหารือกับกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศในรายละเอียดของการจัดแสดงนิทรรศการด้วย ๒.๒ เรื่องอื่น ๆ ที่ภาคเอกชนเสนอเพิ่มเติม ได้แก่ ๒.๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... (ผลกระทบตามประกาศ Financial Action Task Force : FATF) ที่ประชุมมีมติรับทราบและให้นำความเห็นที่ประชุมที่เห็นว่าประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงในการป้องกันและปราบปรามในการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดในการติดตามธุรกรรมทางการเงิน การอายัดทรัพย์ หรือการดำเนินทางกฎหมายผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งการออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความพร้อมของภาคเอกชนไทย และความเป็นไปได้ในการบังคับใช้ ไปประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ๒.๒.๒ การปรับกลไกและกระบวนการบริหารจัดการด้าน Climate Change ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอของ กกร. เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบายและเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศโดยสมัครใจ และจัดทำแผนแม่บทการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการ
|
.....