ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | การปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท | กค | 24/04/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักการปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ดังนี้ ๑.๑.๑ ปรับปรุงเงื่อนไขการดำเนินงานโครงการพักหนี้ฯ ที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ แล้ว โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ร่วมโครงการพักหนื้ฯ ซึ่งมีลูกหนี้ที่ต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูศักยภาพต้องเร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้และเริ่มฟื้นฟูลูกหนี้อย่างเป็นรูปธรรมภายหลังสิ้นสุดการรับยื่นแบบแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๕ ตามแผนงานที่คณะทำงานฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้โครงการพักหนี้ฯ กำหนด พร้อมจัดทำแผนการชำระหนี้ใหม่ร่วมกับลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้เริ่มชำระหนี้คืนได้หลังจาก ๑๒ เดือนนับแต่วันที่สิ้นสุดการฟื้นฟูลูกหนี้แต่ละราย หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ตามแผนชำระหนี้ใหม่ได้ หรือไม่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีขึ้นจากก่อนเข้าโครงการ ลูกหนี้ดังกล่าวจะยังคงมีสถานะเป็นลูกหนี้พักหนี้ในโครงการพักหนี้ฯ แต่รัฐบาลจะไม่ต่อระยะเวลาชดเชยต้นทุนเงินสำหรับการพักหนี้ในอัตราร้อยละ ๔ ต่อปี ๑.๑.๒ ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการซึ่งได้รับการชดเชยต้นทุนเงินจากรัฐบาลในอัตราร้อยละ ๔ ต่อปี สามารถนำเงินชดเชยที่ได้ไปขยายการให้สินเชื่อพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีการขยายวงเงินสินเชื่อใหม่สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากเงินชดเชยที่ได้รับ ๑.๑.๓ ขยายกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มเติมรูปแบบการช่วยเหลือ โดยเปิดโอกาสให้ลูกหนี้สถานะปกติของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) เข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ โดยมีคุณสมบัติคือ ต้องมีหนี้คงค้างไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ก่อนวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ และมีสถานะหนี้ปกติ ณ วันที่มายื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ ต้องไม่เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ/ลิสซิ่ง และสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ และต้องไม่เป็นลูกหนี้ที่ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ย หรือได้รับอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษตามข้อตกลงจากสถาบันการเงินนั้น ๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้ปกติตามเงื่อนไขดังกล่าว สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยลูกหนี้สามารถสมัครใจเลือกพักเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี หรือลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปีโดยไม่พักเงินต้น เป็นระยะเวลา ๓ ปี และลูกหนี้สามารถมีสิทธิ์ขอกู้เพิ่มจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นตามความสามารถในการชำระหนี้ได้ทั้ง ๒ กรณี โดยการกู้ยืมเพิ่มจะชำระดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ณ วันที่ได้รับการอนุมัติให้กู้เพิ่ม ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าพักหนี้หรือลดภาระหนี้ และเงื่อนไขโครงการสำหรับการเกษตร ตามที่เสนอ ๑.๓ แนวทางเบื้องต้นสำหรับการบรรเทาผลกระทบทางการเงินให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๔ กรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงของสถาบันการเงินเฉพาะกิจจากการดำเนินโครงการที่ปรับปรุงใหม่ ในอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อปี คิดเป็นวงเงินในช่วงโครงการพักหนี้ ๓ ปี รวมเป็นเงิน ๒๒,๘๕๑.๘๒ ล้านบาท โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ร่วมโครงการทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) เสนอเพิ่มเติมว่า เห็นควรปรับปรุงคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการ จากเดิม “๔.๒.๑ ต้องมีหนี้คงค้างไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ก่อนวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ ...” เป็น “๔.๒.๑ ต้องมีหนี้คงค้างไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ก่อนวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ...” ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพักหนี้หรือลดภาระหนี้ให้กับสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรด้วย เพื่อให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวพักหนี้หรือลดภาระหนี้ให้กับสมาชิกต่อเนื่องได้ และในการจัดทำแผนฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้ ควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ความเข้าใจทางการเงิน การออม การลงทุน การบริหารความเสี่ยง และการสร้างวินัยทางการเงิน รวมทั้งการเพิ่มรายได้จากการพัฒนาประสิทธิภาพและมูลค่าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ การลดรายจ่ายและต้นทุนในการประกอบอาชีพ และการสร้างความมั่นคงด้านอาหารในครัวเรือนควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....