ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2566/67 | กษ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
ปีการผลิต ๒๕๖๖/๖๗ และโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑
โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๖/๖๗ วงเงิน ๑๐,๑๒๐.๗๑ ล้านบาท และ ๑.๒ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
ปี ๒๕๖๖/๖๗ วงเงิน ๔๘๑.๒๕ ล้านบาท ทั้งนี้
การชดเชยต้นทุนเงินและดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งให้คงหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการชดเชยอัตราต้นทุนทางการเงินที่ต้องขอรับชดเชยจากภาครัฐในอัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรประจำไตรมาส
บวก ๑ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการชดเชย
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
ปีการผลิต ๒๕๖๖/๖๗ จำนวน ๒ โครงการดังกล่าว
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ๒. ให้กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการของทั้ง ๒
โครงการดังกล่าวข้างต้น เป็นตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรมีการสนับสนุนให้เกษตรกรได้ขายข้าวในช่วงที่ราคาข้าวอยู่ในระดับสูงแทนการให้สินเชื่อเพื่อยืดเวลาการขายข้าวเปลือก
เพื่อให้เกิดการใช้กลไกตลาดในการบริหารจัดการให้เป็นประโยชน์สูงสุด
จะต้องบริหารจัดการระบายข้าวให้เหมาะสมตามช่วงเวลา สอดคล้องกับสถานการณ์
รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการการบริหารจัดการการผลิต การระบายและการค้าข้าว
เพื่อกำจัดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตลอดจนจัดทำระบบการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการดำเนินโครงการ
ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
และการยกระดับให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจในการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้วัตถุดิบจากข้าวเป็นหลัก
ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพในการแปรรูปเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมข้าวของประเทศได้อย่างเหมาะสม
และควรดำเนินการเพื่อป้องกันความเสี่ยง อาทิ
กำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันให้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้านราคาและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร
และกำหนดวิธีการควบคุมการเก็บและตรวจสอบความมีอยู่จริงของผลผลิตทางการเกษตรที่นำมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|