คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ
ในการจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนใช้อาวุธปืนก่อคดียิงผู้อื่นและตัวเองถึงแก่ความตาย  
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า ปัญหาเรื่องเด็กใช้ความรุนแรงเป็นแนวโน้ม
ที่เกิดมากขึ้นทั่วโลก  ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ปัจจัยด้านตัวเด็กเองและบุคคลแวดล้อม อันได้แก่ วิธีการอบรม
เลี้ยงดูเด็ก ประสิทธิภาพของกลไกที่จะช่วยเหลือเด็ก เมื่อเด็กมีปัญหา เช่น  การได้รับคำปรึกษาจากครูแนะแนว  
และจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันเองในระบบเพื่อนช่วยเพื่อน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม  อันได้แก่  
สื่อภาพยนตร์ที่มีบทใช้ความรุนแรง หรือเกมคอมพิวเตอร์ที่เป็นเกมใช้ความรุนแรงซึ่งมีอิทธิพลต่อเด็ก วิธีการ
นำเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ และการละเลยต่อกฎความปลอดภัยของผู้ปกครองเด็กที่ครอบครองอาวุธปืน 
เป็นต้น จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ไปหารือร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
เพื่อวิเคราะห์ปัญหาให้รอบด้านและกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี
โดยด่วนต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นผู้รักษา
ราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน 2546

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะทำงานวิชาการโรคทางเดินหายใจเฉียบ
พลันรุนแรง กระทรวงสาธารณสุข เสนอสรุปสถานการณ์และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและควบ
คุมโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory  Syndrome : SARS) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
2545 ถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2546 สรุปได้ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการเตรียมการร่วมกับกระทรวง
การต่างประเทศ ในการจัดประชุม  Special Meeting APEC-SOM  ในวันที่  27  มิถุนายน  2546  และการประชุม
APEC Health Ministers Meeting on SARS ในวันที่ 28 มิถุนายน 2546  ณ  จังหวัดขอนแก่น  สำหรับสถานการณ์
โรคในต่างประเทศ จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ตั้งแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2545  ถึงวันที่  6  มิถุนายน
2546 มีรายงานผู้ป่วยจาก 29 ประเทศ จำนวน 8,404 ราย  เสียชีวิต 779 ราย  โดยมีผู้ป่วยใหม่ จำนวน  9  ราย 
อนึ่ง   ผู้ป่วยที่อาการหายเป็นปกติแล้วทั่วโลกมี  5,937  ราย  อัตราผู้ป่วยเสียชีวิตจากการวิเคราะห์ข้อมูลขององค์
การอนามัยโลกน่าจะอยู่ประมาณ 14-15% กลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า  24  ปี พบประมาณ 1% กลุ่มอายุ  25-44  ปี 
พบ 6% กลุ่มอายุ 45-64 ปี พบ 15% และอายุ  65  ปีขึ้นไป พบมากที่สุดมากกว่า 50%  ส่วนสถานการณ์โรคใน
ประเทศไทย  กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งรัดเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงทั่วประเทศ  และให้มีการ
รายงานผู้ป่วยที่สงสัยโดยทันที  เพื่อการควบคุมป้องกันที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  และจนถึงวันที่  6  มิถุนายน
2546  ได้รับแจ้งผู้ป่วย  (ที่สมควรได้รับการสอบสวนโรค)  จากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ จำนวน
287 ราย และได้ติดตามสอบสวนผู้ป่วยที่เข้าได้กับนิยามโรคนี้ (Probable case) จำนวน 9 ราย  เสียชีวิต  2  ราย
ทุกรายเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค  โดยเป็นชาวต่างชาติ 3 ราย  ชาวไทย 6 ราย  และจน
ถึงขณะนี้ไม่พบผู้ป่วย SARS ที่ติดเชื้อในประเทศ และยังไม่มีการแพร่ระบาดในชุมชน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้
มีมาตรการพิเศษหลายประการในอันที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย และมีมาตรการ
สำคัญที่ได้ดำเนินงานอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด คือ การเฝ้าระวังค้นหาผู้ที่มีอาการสงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคให้ได้
โดยเร็วทั้งในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและในหมู่คนไทย ให้การดูแลผู้สงสัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่ง
ครัด และรีบรับผู้ป่วยเข้ารักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอความเห็นชอบในการลงนามรับรองกรอบอนุ
สัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2546  ณ  สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก  นคร
เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสำนักงานสหประชาชาติ  ณ
นครเจนีวา เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการลงนามในกรอบอนุสัญญาดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้ ให้รับความ
เห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า โดยทั่วไปในการลงนามสนธิสัญญาระดับพหุภาคีจะมีการจัดทำกรรมสาร
สุดท้าย  (Final  Act)  สำหรับลงนามด้วย   ในชั้นนี้  กระทรวงสาธารณสุขจึงควรตรวจสอบว่ามีกรรมสารสุดท้ายด้วย
หรือไม่  เพื่อจักได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและมอบหมายให้ผู้ที่จะลงนามกรอบอนุสัญญา ฯ  ลง
นามกรรมสารสุดท้าย (หากมี) ในคราวเดียวกัน ไปประกอบการดำเนินการด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ
พัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม ทั้งนี้ เพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการดัง
กล่าว เป็นไปอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่  และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ประกอบกับเพื่อป้องกันมิให้
เกิดปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการดังกล่าว

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวง
สาธารณสุข ดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก อุบัติเหตุ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า  จังหวัด
เพชรบูรณ์ จำนวน 1 หลัง  ในวงเงิน 30,757,200  บาท  ตามผลการประกวดราคา   สำหรับงบประมาณใน
การดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้
เบิกเหลื่อมปีแล้ว  จำนวน  10,000,000  บาท   จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ.  2546 
จำนวน 14,000,000 บาท  ผูกพันส่วนที่ยังขาดอยู่อีก จำนวน 6,757,200 บาท  ให้เสนอขอตั้งงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะทำงานวิชาการโรคทางเดินหายใจเฉียบ
พลันรุนแรง กระทรวงสาธารณสุข เสนอสรุปสถานการณ์และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและควบ
คุมโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe  Acute Respiratory Syndrome : SARS) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน
2545 ถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2546 สรุปได้ว่า ภายหลังการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรคทางเดินหาย
ใจเฉียบพลันรุนแรง และการประชุมร่วมกับผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน  โดยไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม เมื่อ
วันที่ 29 เมษายน 2546 ที่ผ่านมาได้มีการทำความตกลงร่วมกันในการดำเนินการเพื่อป้องกันและควบคุมโรคฯ และ
เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจในการเดินทาง การท่องเที่ยว และการลงทุนในภูมิภาคนี้ ส่วนการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส
เอเปค (Senior Officials Meeting) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 21-30 พฤษภาคม 2546 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค
ในวันที่ 1-3 มิถุนายน 2546  ที่จังหวัดขอนแก่น   ซึ่งหัวข้อของการประชุมที่สำคัญนอกเหนือจากความร่วมมือทาง
เศรษฐกิจการค้าในเอเชีย-แปซิฟิก   ยังมีการหารือความร่วมมือเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันโรค  SARS   ซึ่งในส่วน
ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค  ได้มีการจัดทีมแพทย์/พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข  เพื่อการ
เฝ้าระวังป้องกันโรค  SARS  รองรับการประชุมดังกล่าว   สำหรับสถานการณ์โรคในต่างประเทศ  จากรายงานของ
องค์การอนามัยโลก  ล่าสุดมีรายงานผู้ป่วยจาก 28 ประเทศ จำนวน 8,360 ราย  เสียชีวิต  764  ราย  โดยมีผู้ป่วย
ใหม่  จำนวน 44 ราย  ซึ่งมีจำนวนลดลง  ส่วนสถานการณ์โรคในประเทศไทย  ได้เร่งรัดเฝ้าระวังโรค ฯ  ทั่วประเทศ
และให้มีการรายงานผู้ป่วยที่สงสัยโดยทันทีเพื่อการควบคุมป้องกันที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  และจนถึงวันที่ 30
พฤษภาคม 2546  กระทรวงสาธารณสุขได้รับแจ้งผู้ป่วย  (ที่สมควรได้รับการสอบสวนโรค)  จากโรงพยาบาลภาค
รัฐและเอกชนทั่วประเทศ จำนวน 268 ราย และได้ติดตามสอบสวนพบผู้ป่วยที่เข้าได้กับนิยามโรคนี้ (Probable case)
จำนวน 8 ราย เสียชีวิต  2  ราย  ทุกรายเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค  โดยเป็นชาวต่างชาติ 
3 ราย ชาวไทย 5 ราย  ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการพิเศษหลายประการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่
ระบาดของโรค   จึงยังไม่ปรากฏการแพร่กระจายเชื้อ    และองค์การอนามัยโลกได้รายงานว่าประเทศไทยไม่มีการ
แพร่ระบาดของโรคภายในประเทศ  นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสำคัญที่ได้ดำเนินงานอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด  คือ
การเฝ้าระวังค้นหาผู้ที่มีอาการสงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคให้ได้โดยเร็ว ทั้งในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และในหมู่
คนไทย ให้การดูแลผู้สงสัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่งครัด และรีบรับผู้ป่วยเข้ารักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้
ป่วยยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข  ตั้งแต่วันที่  23 - 29  พฤษภาคม  2546  โดยผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟู
สมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด จากรายงานทั้งสิ้น 76 จังหวัด มีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้น 6,239 ราย  สถาน
บำบัดที่ให้การบำบัดมากที่สุด คือ ระดับโรงพยาบาลชุมชน  รองลงมา  คือ  ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่ว
ไป ในระดับ PCU/สถานีอนามัย สังกัดกรมสุขภาพจิต และสังกัดกรมการแพทย์  ตามลำดับ  ส่วนวิธีการบำบัดรักษา
แยกเป็นบำบัดรักษาในชุมชน 2,868 ราย วิธีผู้ป่วยนอก  3,108  ราย  วิธีผู้ป่วยใน 263 ราย  สถานบำบัดที่ให้การ
บำบัด โดยวิธีบำบัดในชุมชน และวิธีผู้ป่วยนอกบริการสูงสุดมากที่สุด คือ โรงพยาบาลชุมชน  และวิธีผู้ป่วยในบริการ
สูงสุด โดยสถานบริการสังกัดกรมสุขภาพจิต   สำหรับลักษณะการบำบัดของผู้มารับการบริการ  เป็นการมารับการ
บำบัดโดยสมัครใจ 5,284ราย  โดยการบังคับบำบัด  955  ราย  ทั้งนี้  การบำบัดโดยการสมัครใจบริการสูงสุด  คือ
ระดับ PCU/สถานีอนามัยและการบังคับมารับบริการสูงสุด คือ ระดับโรงพยาบาลชุมชน

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ
ผู้ป่วยยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 16-22 พฤษภาคม 2546  โดยผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟู
สมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด  จากรายงานทั้งสิ้น 76 จังหวัด  ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษา 
ทั้งสิ้น 6,900 ราย  โดยสถานบำบัดที่ให้การบำบัดมากที่สุด คือ ในระดับโรงพยาบาลชุมชน  รองลงมา คือ ระดับ
PCU/สถานีอนามัย ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และสังกัดกรมการแพทย์  ตามลำดับ  ส่วนวิธีการ
บำบัดรักษาแยกเป็นบำบัดรักษาในชุมชน  2,958  ราย  วิธีผู้ป่วยนอก  3,647  ราย  และวิธีผู้ป่วยใน  295  ราย
สถานบำบัดที่ให้การบำบัดโดยวิธีบำบัดในชุมชนสูงสุด คือ ระดับ PCU/สถานีอนามัย  วิธีผู้ป่วยนอกบริการสูงสุด
มากที่สุด คือ ระดับโรงพยาบาลชุมชน และวิธีผู้ป่วยในบริการสูงสุดโดยสถานบริการสังกัดกรมสุขภาพจิต สำหรับ
ลักษณะการบำบัดของผู้มารับการบริการ เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจ 6,227 ราย โดยการบังคับบำบัด
673  ราย   ทั้งนี้  การบำบัดโดยการสมัครใจบริการสูงสุด  คือ  ระดับ  PCU/สถานีอนามัย  และการบังคับมารับ
บริการสูงสุด คือ ระดับโรงพยาบาลชุมชน

           คณะรัฐมนตรีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะทำงานวิชาการโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน
รุนแรง เสนอสรุปสถานการณ์และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคทางเดินหายใจเฉียบ
พลันรุนแรง  (Severe  Acute  Respiratory  Syndrome  :  SARS)  ตั้งแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2545   ถึงวันที่  22 
พฤษภาคม 2546 สรุปได้ว่า ภายหลังการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 
และการประชุมร่วมกับผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2546   ซึ่งที่ประชุมได้มีการทำความ
ตกลงร่วมกันในการดำเนินการเพื่อป้องกันและควบคุมโรค SARS และฟื้นฟูความมั่นใจในการเดินทาง การท่องเที่ยว
และการลงทุนในภูมิภาคนี้  ส่วนการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสเอเปค  ครั้งที่ 2  ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่  21 - 30
พฤษภาคม 2546 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ระหว่างวันที่ 1 - 3 มิถุนายน 2546 ที่จังหวัดขอนแก่น  กระทรวง
สาธารณสุข  โดยกรมควบคุมโรค  ได้จัดทีมแพทย์/พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข  เพื่อการเฝ้าระวังป้องกันโรค
SARS ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว   สำหรับสถานการณ์โรคในต่างประเทศ  จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
มีรายงานผู้ป่วยจาก 28 ประเทศ จำนวน 8,117 ราย  เสียชีวิต 689 ราย  ซึ่งจำนวนของผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตเริ่ม
ลดลง  โดยมีผู้ป่วยใหม่ จำนวน  77  ราย  และเสียชีวิตเพิ่มเพียง  7  ราย  รวมทั้งการแจ้งพื้นที่ที่มีการแพร่ติดต่อโรค
ในชุมชน  โดยแบ่งตามระดับของการแพร่ติดต่อออกเป็น 4 กลุ่ม คือ  กลุ่ม C  มีการแพร่ติดต่อโรคสูง  กลุ่ม B  มีการ
แพร่ติดต่อโรคปานกลาง  และกลุ่ม A  มีการแพร่ติดต่อโรคต่ำ   ส่วนสถานการณ์โรคในประเทศ  ได้รับแจ้งผู้ป่วยโรค
ระบบทางเดินหายใจ (ที่สมควรได้รับการสอบสวนโรค) จากโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ จำนวน 259
รายได้ติดตามสอบสวนพบผู้ป่วยที่เข้าได้กับนิยามโรคนี้  (Probable  case)  จำนวน  8  ราย  เสียชีวิต  2  ราย  ทุก
รายเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค  เป็นชาวต่างชาติ  3  ราย  ชาวไทย  5  ราย  และมีผู้ป่วยที่
สงสัย  (Suspected  case)  อีกจำนวน  23  ราย  ไม่มีผู้เสียชีวิต  สรุปจนถึงขณะนี้  ไม่พบผู้ป่วย SARS  ที่ติดเชื้อใน
ประเทศ  และยังไม่มีการแพร่ระบาดในชุมชน   และเพื่อเป็นการป้องกันประชาชนในประเทศให้ปลอดภัยจากโรคดัง
กล่าว  กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการพิเศษหลายประการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด  โดยมาตรการ
สำคัญที่ได้มีการดำเนินงานอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด คือ  การเฝ้าระวังค้นหาผู้ที่มีอาการสงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรค
ให้ได้โดยเร็วทั้งในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและในหมู่คนไทย   ให้การดูแลผู้สงสัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่าง
เคร่งครัด  และรีบรับผู้ป่วยเข้ารักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 56
ระหว่างวันที่ 18-24 พฤษภาคม 2546 ณ Palais des Nations นครเจนีวา  สมาพันธรัฐสวิส  โดยมีรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงสาธารณสุข (นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ฯ โดยสาระสำคัญ
ของการประชุมในครั้งนี้ได้มีการลงนามในข้อตกลงความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนเอดส์โลก ระหว่างรองปลัด
กระทรวงสาธารณสุข   (ศ.ดร.  ภักดี  โพธิศิริ)   กับผู้อำนวยการกองทุนเอดส์โลก    ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุขของไทยได้กล่าวปราศรัยในที่ประชุม  ฯ    โดยชี้แจงถึงนโยบายและกิจกรรมของรัฐบาลไทยในการสร้าง
เสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเด็กและความพยายามในการออกมาตรการป้องกันและควบคุมโรคซาร์ส ซึ่งทำให้ประเทศ
ไทยปลอดจากโรคซาร์สโดยไม่มีการติดเชื้อในประเทศ พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกช่วยเผยแพร่ข้อ
มูลดังกล่าวกับประเทศต่าง ๆ ด้วย  และได้นำเสนอร่างมติสมัชชาอนามัยโลก เกี่ยวกับโรคซาร์ส  ที่ประเทศไทยได้จัด
ทำขึ้นใหม่  ตามมติที่ประชุมผู้แทน จาก  10  ประเทศ  สมาชิกองค์การอนามัยโลก  ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
(SEAR) เมื่อวันที่ 18  พฤษภาคม  2546   ที่เห็นชอบในหลักการร่างมติดังกล่าว  และมอบให้ประเทศไทยร่วมกับผู้
แทนมัลดีฟส์ปรับปรุงร่างมติดังกล่าว โดยประเด็นสำคัญของร่างมตินี้ คือ การที่ประเทศสมาชิกและองค์การอนามัย
โลกจะต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจว่า มาตรการควบคุมโรคต่าง ๆ ที่นำมาใช้ จะต้องวางบนพื้นฐานของหลักฐานทาง
ระบาดวิทยาที่เชื่อถือได้    และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ต่าง ๆ  ให้น้อยที่สุด  นอกจากนี้   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับ Dr. David  Heymann, Executive  
Director  ของ  CDS  ขององค์การอนามัยโลกเพื่อให้ดำเนินการติดต่อกับกระทรวงสาธารณสุขของสมาพันธรัฐสวิส
ในการถอดชื่อประเทศไทยจากประเทศกลุ่มเสี่ยงโดยด่วน     รวมทั้งได้เข้าพบและหารือในระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรี
สาธารณสุขประเทศต่าง ๆ และผู้บริหารระดับสูงขององค์การระหว่างประเทศด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งให้ นายธีระ ลีลานันทกิจ ดำรงตำแหน่ง
นายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์ 
สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

                              อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 4  ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา     โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการกำหนดให้สถาบัน
พระบรมราชชนก  กระทรวงสาธารณสุข  เป็นสถาบันอุดมศึกษา และอยู่ในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข  โดยให้
แก้ไขในประเด็นต่าง  ๆ  ดังนี้  (1)  การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่สถาบัน ควรบัญญัติให้รัฐจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่
สถาบันตามความจำเป็น   เหมาะสม   และสอดคล้องกับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศในขณะนั้น ๆ  (2)
การพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุน ซึ่งต้องมีข้อมูลทางการเงินเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา บัญญัติเพิ่มเติมให้สถาบัน
ส่งงบการเงินที่รับรองแล้วให้แก่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางทราบภายในสาม
สิบวันนับแต่วันที่สภาสถาบันได้รับรายงานการเงิน  (3)  บัญญัติเพิ่มเติมให้สถาบันวางระบบบัญชีให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานและนโยบายบัญชีภาครัฐที่กรมบัญชีกลางกำหนด  (4)  บัญญัติให้มีการกำหนดอัตราเงินเดือนของพนัก
งานของสถาบันให้อยู่ในบัญชีที่มีฐานเดียวกับอัตราเงินเดือนข้าราชการทั่วไป      โดยให้มีบัญชีเงินเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง
แยกต่างหากจากเงินเดือน  (5) กำหนดวัตถุประสงค์ของสถาบันในร่างมาตรา 7(4) ให้ชัดแจ้ง  (6) อำนาจในการ
ให้ความเห็นชอบในการกู้ยืมเงิน การให้กู้ยืมเงิน  การร่วมลงทุนหรือการลงทุนตามมาตรา 10(4) วรรค 2 ให้ใช้คำ
ว่า "จำนวนเงินทุน" แทนคำว่า "จำนวนทรัพย์สิน" (7) ร่างมาตรา  13  และ  14  ที่กำหนดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของ
เงินที่ใช้ในการดำเนินกิจการ ให้เพิ่มข้อความให้ครอบคลุมถึงการนำเงินที่ได้จากการกู้ยืมไปใช้ในการดำเนินกิจการ
ของสถาบันได้ด้วย  (8)  ในร่างมาตรา 13  ให้ตัด  (2)  เงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิมออก    รวมทั้งแก้ไขข้อ
ความ (3) จากเดิม  เป็น "(3) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้" และแก้ไขข้อความวรรคท้ายเงินทุนประเดิมตาม (2)
และเงินอุดหนุนตาม (3) จากเดิม เป็น  "รัฐบาลพึงจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินให้แก่สถาบันตามความจำเป็นใน
การดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน  และเพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาโดยเหมาะสมกับกำลังเงิน
ของแผ่นดิน"  (9)  ปรับปรุงร่างมาตรา  35  ให้มีการประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันทุกปี เพื่อประโยชน์ใน
การพิจารณาจัดสรรงบประมาณและด้านอื่น ๆ  (10)  แก้ไขร่างมาตรา  51  ในส่วนของหมวดเงินเดือนและค่าจ้าง
ประจำ   และตัดวรรคท้ายออก  เนื่องจากตัดร่างมาตรา  13(2)  ออกแล้ว  (11) แก้ไขร่างมาตรา  56  วรรคท้าย 
จาก"หมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำ" เป็น "งบบุคลากร" และ  (12)  ตัดข้อความในร่างมาตรา 57 วรรคหกออก 
ทั้งนี้ ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  6  ที่มีมติอนุมัติ
ในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความ
รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539  (ฉบับที่  ..)  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการกำหนดให้สำนักงานหลัก
ประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้
ป่วยยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 9-15 พฤษภาคม 2546 และผลการดำเนินการกรณีเจ้าหน้าที่
ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข โดยผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
ยาเสพติดทั่วประเทศ มีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้น  8,268  ราย  โดยสถานบำบัดที่ให้การบำบัดมากที่สุด
คือ ระดับ PCU/สถานีอนามัย  รองลงมา คือ  ระดับโรงพยาบาลชุมชน  ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
สังกัดกรมสุขภาพจิต และสังกัดกรมการแพทย์  ตามลำดับ  วิธีการบำบัดรักษาแยกเป็นการบำบัดในชุมชน 5,275 
ราย  วิธีผู้ป่วยนอก  2,700  ราย  วิธีผู้ป่วยใน  293  ราย  สถานบำบัดที่ให้การบำบัดรักษาโดยวิธีบำบัดในชุมชน
บริการสูงสุด คือ ระดับ PCU/สถานีอนามัย   วิธีผู้ป่วยนอกบริการสูงสุด คือ  ระดับ PCU/สถานีอนามัย   และวิธีผู้
ป่วยในบริการสูงสุดโดยสถานบริการสังกัดกรมสุขภาพจิต ลักษณะการบำบัดของผู้มารับการบริการเป็นการมารับ
การบำบัดโดยสมัครใจ 7,574 ราย โดยการบังคับบำบัด 694 ราย  ทั้งนี้ การบำบัดโดยการสมัครใจบริการสูงสุด 
คือ ระดับ PCU/สถานีอนามัย  และการบังคับมารับบริการสูงสุด คือ ระดับโรงพยาบาลชุมชน   ส่วนผลการดำเนิน
การกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (ครั้งที่  11) มีจำนวน 22 ราย
เป็นข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย 14 ราย  สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด  รายงานเพิ่มเติม  10  ราย  เสียชีวิต  1
ราย  และไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข 1 ราย  ซึ่งผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องกับยา
เสพติด 8 ราย มีหลักฐานไม่เพียงพอแต่สงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 2 ราย  ไม่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยา
เสพติด 2 ราย และไม่พบพฤติกรรมว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 9 ราย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติจำนวนเจ็ดคน  และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตร
ฐานบริการสาธารณสุขจำนวนหกคน ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545  โดยให้แต่งตั้ง
ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 พฤษภาคม 2546) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคติดต่อ
รายงานสถานการณ์โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome-SARs) ตั้งแต่
วันที่ 11 มีนาคม 2546-17 พฤษภาคม 2546 โดยพบผู้ที่มีอาการไข้ได้กับนิยามว่าน่าจะเป็นผู้ป่วย (Probable
SARs Cases) 8 ราย  เสียชีวิต  2  ราย  เป็นชาวต่างชาติ  3  ราย  อีก  5  ราย   เป็นชาวไทยที่เดินทางมาจาก
ประเทศที่มีการระบาดของโรค  (ไม่มีผู้เสียชีวิต)  และทุกรายได้รับการรักษาอาการทุเลา  โดยมีผู้ป่วยรักษาตัว
อยู่ในโรงพยาบาล 1 ราย  ส่วนการปฏิบัติงานเฝ้าระวัง  ณ ด่านควบคุมโรคทั่วประเทศ มีการตรวจผู้โดยสารทั้ง
ชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคทั้งทางเครื่องบิน  เรือ รถยนต์ รถไฟ  และ
เดินเท้า  รวมจำนวนผู้ผ่านด่านที่ได้รับการตรวจทั้งหมด  275,397  คน  เป็นชาวต่างชาติ  212,601  คน และ
คนไทย  62,765  คน  โดยพบผู้ที่ต้องสังเกตอาการที่ด่าน ฯ  79  คน   มีอาการสงสัยเป็นโรคซาร์สต้องส่งเข้า
สังเกตอาการในโรงพยาบาล  30  คน  ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง การเกิดโรคระบาดทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ฉบับที่ 5/2546  เพื่อปรับมาตรการป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคให้เหมาะสมกับองค์ความรู้ที่เพิ่มขึ้น   และโดยสรุป  ไม่พบผู้ป่วย  SARs  ที่ติดเชื้อในประเทศไทย
และยังไม่มีการแพร่ระบาดในชุมชน

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการแต่งตั้งผู้แทนไทยเข้าร่วมรับ
รองกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ และให้ดำเนินการต่อไปได้  โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการ
ตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ  ประกอบด้วย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
กรรมการ และกรรมการอื่นอีก 34 คน  โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นกรรมการและเลขานุการ  เพื่อพิจารณา
ร่างกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ  ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เกี่ยวกับรายละเอียดบางประการ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการ
ดำเนินงานของโรงงานยาสูบ ไปพิจารณาด้วย ดังนี้ (1) การห้ามขายในร้านค้าปลอดภาษี  ทำให้สูญเสียโอกาส
ทางการค้า (2) การห้ามแบ่งขายปลีกเป็นมวน กระทบต่อการขายปลีกในกลุ่มผู้บริโภคระดับล่าง (3) การพิมพ์
คำเตือนบนกระดาษห่อ 10 ซอง ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกทำลายทิ้ง  เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้านต้นทุน (4) การจ่ายเงินเข้า
กองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นตามกรอบอนุสัญญา ฯ  ซ้ำซ้อนกับกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพของประเทศไทย
ที่ได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 (5) การลดพื้นที่การเพาะปลูกใบยา  กระทบต่อรายได้ในภาคเกษตรกร 
(6)  การห้ามใช้คำว่า  MILD LOW  อาจมีปัญหาในเรื่องเครื่องหมายการค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญา  และ  (7) 
การแจ้งแหล่งที่จะนำไปขายไว้ข้างหีบห่อ  เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี   ควรใช้กับบุหรี่ส่งออกหรือการนำเข้า
จากต่างประเทศ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  ดังนี้  (1)  รับทราบกำหนดการ
ประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 (XV International AIDS Conference  2004) ในวันที่ 11-16 กรกฎาคม
2547 และ (2) อนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดประชุม ฯ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (ที่ปฏิบัติ
หน้าที่ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์) เป็น ประธานกรรมการ  และกรรม
การอื่นอีก  26  คน   โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรค  เป็นกรรมการและเลขานุการ  มีอำนาจหน้าที่  กำหนดนโยบาย
ในการจัดประชุม ฯ  เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย  พิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการเตรียมการจัด
ประชุม ฯ  ประสานความร่วมมือระหว่างผู้จัดการประชุม  และหน่วยงานต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งส่งเสริมและสนับ
สนุนการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ  มีความรู้  ความเข้าใจ  และมีทัศนคติที่ดีต่อผู้ติดเชื้อ
เอดส์   และผู้ป่วยโรคเอดส์     และคณะกรรมการดำเนินงานจัดประชุม  ฯ  ประกอบด้วย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ  และกรรมการอีก 50 คน โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นกรรมการและเลขา
นุการ   มีอำนาจหน้าที่กำหนดรูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการการประชุม   ประสานความร่วมมือกับหน่วย
งานและองค์กรต่าง  ๆ   ทั้งในและต่างประเทศ   ประสานงานและบริหารจัดการงบประมาณสำหรับการจัดประชุม
ประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ สนับสนุนให้มีกิจกรรมทางวัฒนธรรม กำกับการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  รายงานผล
การดำเนินงาน แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานต่าง ๆ ตามความเหมาะสม

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานโครงการจัดตั้งศูนย์เทค
โนโลยีชีวภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2545  ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการโครงการ ฯ ดังกล่าว  โดยให้ทำความตกลงเรื่องงบประมาณกับสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง
ต่อไป และให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมกับเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเชิญ
รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพิจารณารายละเอียดการเชื่อมโยงในภาพรวม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ซึ่งผลการดำเนินงานในส่วนของงบประมาณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงบประมาณและ
กระทรวงการคลังได้ประชุมเพื่อทำความตกลงด้านงบประมาณ  โดยได้ข้อสรุปเรื่องงบประมาณของโครงการ ฯ  ใน
ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2545-2549) ในวงเงินทั้งสิ้น 1,626.80 ล้านบาท จากแหล่งงบประมาณ 2 แหล่ง คือ  เงิน
กู้และเงินงบประมาณแผ่นดิน  โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงแหล่งงบประมาณเป็นงบประมาณ
แผ่นดินเพียงแหล่งเดียว  และขออนุมัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2546  เพิ่มเติม  เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแหล่ง
งบประมาณ จำนวนเงินทั้งสิ้น  215.44  ล้านบาท  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง
เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 6  สำหรับผลการประชุม  ฯ  ได้มีการประชุมศักยภาพการวิจัยและพัฒนาและแนว
ทางการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของไทย   ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข   โดยกรมวิทยาศาสตร์
การแพทย์ จัดให้มีการประชุมผู้เกี่ยวข้อง  เพื่อจัดทำแผนภูมิโครงสร้างและเครือข่ายการดำเนินงานด้านเทคโนโลยี
ชีวภาพด้านการแพทย์เพื่อให้มีความชัดเจนในภาพรวมของประเทศต่อไป   ซึ่งผลการจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องที่ประชุม
ได้ร่วมกันจัดทำแผนภูมิโครงสร้างและเครือข่ายงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพด้านการแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว   และ
ได้นำเสนอนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว