กระทรวงการคลังได้รายงานผลการดำเนินการกู้เงินจากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเซีย
รวม 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่าในวงเงินจำนวนนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชียจะให้กู้ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
แบ่งเป็น2 ส่วนคือ เงินกู้เพื่อโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการและเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 
จำนวนส่วนละ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสำหรับเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่กำหนดจะใช้ใน
2 โครงการคือ 
1.  โครงการปฏิรูปตลาดการเงิน และ 
2.  โครงการปฏิรูปภาคสังคม โครงการละ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในชั้นแรก กระทรวงการคลัง
จะกู้เงินสำหรับโครงการปฏิรูปตลาดการเงินก่อน เพราะจำเป็นจะต้องเบิกเงินโดยด่วน จึงเสนอของให้ 
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการกู้เงินดังกล่าว
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้งลงมติเห็นชอบในหลักการและอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ คือ  1.  เห็นชอบตามที่ธนาคารฃน กำหนดให้คณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการในเรื่องต่าง ๆ ที่ปรากฎในกรอบ
มาตรการด้านนโยบาย (Policy Matrix) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
2.  มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงนโยบาย
เพื่อการพัฒนา (Delelo[ment Policy Letter)  เพื่อจักได้จัดส่งให้ธนาคารพัฒนาเอเซียต่อไป
3.  อนุมัติเงื่อนไขตามร่างสัญญากู้เงินที่กระทรวงการคลังเสนอ
4.  อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามราชอาณาจักรไทยกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเซียในวงเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ ให้นับรวม
วงเงินกู้ดังกล่าวไว้ในแผนการก่อหนี้ฯ ประจำปีงบประมาณ 2541 ด้วย
5.  ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไป 
ทั้งนี้ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีรวม 2 ข้อ ไปดำเนินการ คือ
1.  ให้กระทรวงการคลังปรับข้อความในเอกสารภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกัน
2.  สำหรับเงินกู้งวดต่อๆ ไป ที่จะเกี่ยวข้องกับกระทรวง ทบวง อื่น ๆ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2541 เรื่องเงินกู้จากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเซีย ที่กำหนดให้กระทรวงการคลัง
รับไปจัดทำรายละเอียดและให้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นกำกับดูแล แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 

          รับทราบสรุปผลการพิจารณาแผนการแก้ไขฟื้นฟูฐานะกิจการของสถาบันการเงิน 
58 แห่ง ดังนี้
          1. หลักเกณฑ์การประเมินผลการพิจารณา
          2. มาตรการรองรับและการจัดการฟื้นฟูสินทรัพย์
          3. การดำเนินการต่อไปเพื่อสร้างความมั่นคงในระบบสถาบันการเงิน
          ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          เห็นชอบคำสั่ง ที่ 363/2540 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2540 แต่งตั้ง นางผาสุขนิตย์  
ปิณฑะรุจิ  เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง    
(นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล) ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไป   ตามที่กระทรวง 
การคลัง เสนอ  

           คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2540 เห็นชอบและอนุมัติให้สำนักงบประมาณ
จัดหางบอุดหนุนแก่ ปรส. ในวงเงิน 500 ล้านบาท โดยในขั้นแรกให้จัดสรรจากเงินงบกลาง
ในปีงบประมาณ 2540 จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือให้จัดสรรตามความจำเป็นภายใน 
5 ปี แต่ขณะนี้ ปรส. ได้รับจัดสรรเพียง 50 ล้านบาท  ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
          1.  กระทรวงการคลังใช้เงินคงคลังเพื่อการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ ปรส. ในส่วนที่เหลือ 
จำนวน 450 ล้านบาท แล้วให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณประจำปีต่อไป 
          2  อนุมัติให้ ปรส.  ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง   กฎ   ระเบียบ 
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป ยกเว้น  
              2.1 มติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสแก่พนักงานและลูกจ้างประจำ 
ของรัฐวิสาหกิจ
              2.2 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการ 
หรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504   
              2.3 ระเบียบกระทรวงการคลัง  ว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2528          
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          อนุมัติแต่งตั้งกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยแต่งตั้ง นายวัลลภ วิทยประพัฒน์ 
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นกรรมการผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ แทน นางสาวพีรรัตน์ อังกุรัตน์ และ 
นายปลอดประสพ  สุรัสวดี   เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  เป็นกรรมการผู้แทน   
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แทน นายสุทธิพร จีระพันธุ์   ตามที่กระทรวงการคลัง  เสนอ  
โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

         ตามที่ได้มีพระราชกำหนด บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน พ.ศ. 2540
นั้น  เพื่อให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.)  ดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์
และเป็นไปตามข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบ
และอนุมัติ ให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 3  ข้อ ดังนี้
1.  การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการและผู้จัดการ บบส.  ประกอบด้วย
ประธานกรรมการคนหนึ่ง และ กรรมการอื่นอีก 6 คน
2.  การจัดหาทุนประเดิม  ในขั้นต้นให้นำเงินคงคลัง มาเป็นทุนประเดิม 
250 ล้านบาท
3.  ให้ บบส.  ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรี
ที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป  ยกเว้นระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ บบส.  ถือปฏิบัติ
คือ 
3.1  มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้าง
ประจำของรัฐวิสาหกิจ
3.2  ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504
3.3  ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2528
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล) รักษาราชการแทนรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการคลังเสอนเพิ่มเติมโดยให้แต่งตั้ง นายปรีดี  บุญยัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการ 
บบส. อีก 1 คน

         คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิเชษฐ พันะวิชาติกุล)
เสนอ  เรื่อง การก่อสร้างสนามกีฬาเพื่อแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในประเทศบรูไน ซึ่งประเทศบรูไนจะเป็นเจ้าภาพ
จัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์อีก 2 ปีข้างหน้า  จึงจำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง  รวมทั้งคนงาน
เป็นจำนวนมาก    ประเทศไทยสมควรใช้โอกาสนี้ขอความร่วมมือให้ประเทศบรูไนสนับสนุนการใช้สินค้า
ประเภทวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง    รวมทั้งแรงงานไทยเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ    โดยมอบให้กระทรวง
การต่างประเทศรับไปประสานงานในเรื่องนี้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

         ตามที่รัฐมนตรีมีมติ 6 มิถุนายน 2538 รับทราบการแก้ไขตารางข้อผูกพัน
การค้าบริการด้านการเงิน เพื่อเสนอต่อองคืการการค้าโลก และอนุมัติให้กระทรวง-
การคลัง ดำเนินการยื่นตารางข้อเสนอผูกพันที่แก้ไขปรับปรุงต่อองค์การค้าโลก และ
มติ 16 เมษายน 2539  อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การค้า
-โลก  เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการลงนามในพิธีสารฉบับที่สอง และ  ได้ลงนามใน
ความตกลง เมื่อ 28 มิถุนายน 2538  ความตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม
2540  องค์การค้าโลกจึงจัดให้มีการเจรจาการค้าบริการด้านการเงินรอบใหม่ โดย
มีเป้าหมายจะปิดรอบในวันที่ 12 ธันวาคม 2540  ประเทศไทยจึงได้ทำการปรับปรุง
ตารางข้อผูกพันด้านการเงิน ฉบับปี 2538  โดยมีสาระสำคัญ  คือ 
1.  ถอน List of Ar6icle II  (MFN) Exemptuon) บนเงื่อนไขที่ประเทศ
สมาชิกอื่นให้การปฏิบัติเช่นเดียวกัน
2.  การผูกพัน สาขาเต็มรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศได้เปิด
ดำเนินการอยู่ก่อนเดือนกรกฎาคม 2538 จำนวน 14 ราย ยกฐานะกิจการวิเทศธนกิจ 7 ราย 
3.  การผูกพันกิจการวิเทศสหกิจ ของธนาคารต่างประเทศทั้งในกรุงเทพฯ
และส่วนภูมิภาค รวม 68 ราย
4.  การอนุญาตให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีอยู่เดิม มีสาขา
เพิ่มเติมได้ไม่เกิน 2 สาขา
5.  การอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไทยใหม่ ไม่เกิน 5 แห่ง แต่ไม่มี
ผู้สนใจรายใด ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ จึงสมควรตัดข้อความนี้ออกจากตาราง ที่ยื่นไว้ 
ปี 2538
6.  การปรับปรุงตารางข้อผูกพันในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ จักการกองทุนรวม
เนื่องจากมีการออกไบอนุญาตใหม่ไปแล้ว
ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตารางข้อเสนอผูกพันด้านการเงินฉบับ
ปรังปรุง  และมอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การค้าโลก
และมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปรับปรุงตารางข้อผูกพันด้านการเงิน 
ในกรอบของการฟื้นฟูระบบการเงินของประเทศ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ 

          อนุมัติให้ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล และ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่อาจ
ปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ   และให้การมอบหมายดังกล่าวมีผลครอบคลุม
ถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย

        ตามที่กระทรวงการคลัง รายงานว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2540 
อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กู้เงินจาก The Export - Import Bank of Japan  
เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินการ  ตามโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี เครื่องที่ 1 และ 2 
ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี และให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าวในนาม 
ราชอาณาจักรไทย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ลงนามในสัญญาค้ำประกัน
นั้น บัดนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ลงนามในสัญญากู้เงิน และ  รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง ได้ลงนามในสัญญาค้ำประกัน เรียบร้อยแล้ว  เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2540
โดยมีสาระสำคัญอยู่ ภายในขอบเขตเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ

          รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2540 ไตรมาสที่ 4
(กรกฎาคม - กันยายน 2540 (การเบิกจ่ายเงินงบประมาณในภาพรวม, การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  
แยกตามประเภทรายจ่าย      และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการที่ได้รับจัดสรรเงินงบ
ประมาณเกินกว่า 10,000 ล้านบาท)  ตามที่กระทรวงการคลัง  รายงาน

          รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2541  ตั้งแต่  
ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม 2540 ตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน

          รับทราบคำสั่ง  ที่ 353/2540    ลงวันที่  19  พฤศจิกายน  2540    แต่งตั้ง 
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล  เป็นข้าราชการการเมือง  ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2540 
เป็นต้นไป  ตามที่กระทรวงการคลัง  เสนอ 

          รับทราบคำสั่ง ที่ 352/2540 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2540  แต่งตั้ง นายสมศักดิ์ แสงเจริญรัตน์ 
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 19 
พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไป   ตามที่กระทรวงการคลัง  เสนอ

          รับทราบคำสั่ง  ที่  356/2540  ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2540  แต่งตั้งข้าราชการการเมือง  
จำนวน 2 ราย  ได้แก่ นายจุติ  ไกรฤกษ์  เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นาย 
สุวโรช พะลัง เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน
2540 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ และ  เงื่อนไขการขอความช่วยเหลือ
จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ตามหนังสือแจ้งความจำนงขอรับความช่วยเหลือ  
ทางวิชาการและการเงิน ฉบับที่ 2 และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งความจำนง ฯ ฉบับที่ 2
ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1.  การปรับตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค ที่สำคัญ คือ ปรับอัตราการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจจากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 0.6 ในปี 2540 และ จากร้อยละ
3.5 เป็นร้อยละ 0-1 ในปี 2541 ปรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ณ สิ้นปี จากร้อยละ 9.5
เป็นร้อยละ 10 ในปี 2540 และร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 6 ในปี 2541 เงินสำรองระหว่าง
ประเทศ ในปี 2540 อยู่ที่ 23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2541 ปรับจาก 24.5 พันล้าน
เหรียญสหรัฐเป็น 24.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
2.  นโยบายการคลัง รัฐบาลไทยจะรักษาการเกินดุลฐานะการคลังภาครัฐบาล
ร้อยละ 1 ของ GDP  ในปีงบประมาณ 2541     และได้ดำเนินการตัดลดวงเงินรายจ่าย 
งบประมาณปี 2541 และรายจ่ายเหลื่อมปีเพิ่มขึ้นและเสริมมาตรการด้านภาษี เพื่อเพิ่ม
รายได้ 
3.  นโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องดำเนินนโยบายการเงิน
ที่เข้มงวด  และกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพ
อัตราแลกเปลี่ยน และรักษาความเชื่อมั่นที่มีต่อสินทรัพย์ทางการเงินของไทย
4.  นโยบายด้านต่างประเทศ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ขยายเพดาน
การกู้ยืมหรือค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากเดิม 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ
2541 เพิ่มเป็น 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  นอกจากนี้รัฐบาลจะยกเลิกข้อจำกัดในการซื้อ
ขาย และกู้ยืมเงินบาท โดยชาวต่างประเทศ และการขายตราสารหนี้และหลักทรัพย์เงินบาท 
5.  มาตรการฟื้นฟูภาคการเงิน กำหนดให้องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 
เสนอผลการพิจารณาแผนการฟื้นฟูของ 58 สถาบันการเงิน ที่ถูกระงับกิจการแก่รัฐมนตรีว่าการ
-กระทรวงการคลัง  ภายในวันที่ 25 - 30 พฤศจิกายน 2540 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศเปิดหรือปิด 58 สถาบันการเงินภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2540 และให้บรรษัทบริหาร
สินทรัพย์สถาบันการเงิน แต่งตั้งคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2540
สำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ถูกระงับกิจการ จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎเกณฑ์การจัดชั้นสินเชื่อ 
และจะทยอยเพิ่มความเข้มงวดให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ภายในปี 2543 และทำตารางการเพิ่มทุน
ของสถาบันการเงินที่มีทุนต่ำกว่ากำหนด ให้เสร็จในปี 2541 รวมทั้งปรับปรุงพระราชบัญญัติล้มละลาย
ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2541 
รัฐบาลได้ประกาศการเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในสถาบันการเงินได้โดยให้ต่างชาติ
ถือหุ้นข้างมากในสถาบันการเงินไทยได้เป็นเวลา 10 ปี หลังจาก 10 ปี แล้ว ผู้ถือหุ้น จะไม่ถูกบังคับให้ 
ขายหุ้นที่มีอยู่ แต่ไม่สามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้ ถ้าสัดส่วนการถือหุ้นยังเกินกว่าร้อยละ 49
6. การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การบริการสังคมและกรอบกฎหมาย
รัฐบาลได้ร่างแผนงานในการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในสาขาพลังงาน สาธารณูปโภค การสื่อสาร
และการขนส่ง โดยจะประกาศแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ภายในเดือนมิถุนายน 2541 รัฐวิสาหกิจที่แปรรูป
เป็นบริษัทจำกัดแล้ว แต่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ จะถูกแปรรูปก่อนรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ทั้งนี้จะเสนอให้รัฐสภา
พิจารณากฎหมายที่จำเป็นในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ยังไม่ได้แปรรูปเป็นบริษัทจำกัด ภายในเดือนมิถุนายน 2541

          อนุมัติคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 332/2540 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 เรื่อง แต่งตั้ง
ที่ปรึกษารัฐมนตรี โดยแต่งตั้งให้ นายระวี กิ่งคำวงศ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง   
การคลัง (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) นายสุรินทร์ ตุลย์วัฒนจิต   เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการ  
กระทรวงการคลัง (นายสุรศักดิ์ นานานุกูล) และนางวีนัส เกตกะโกมล   เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี  
ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายมารวย ผดุงสิทธิ์ )  ทั้งนี้   ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2540 
เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          รับทราบคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 321/2540 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2540 เรื่อง แต่งตั้ง
เลขานุการรัฐมนตรีและผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ตามที่กระทรวงการ 
คลัง เสนอ

          รับทราบผลการลงนามในสัญญากู้เงินสำหรับดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อเตรียมการปรับ  
โครงสร้าง ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาของระบบการเงิน  โดยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎี  
กาดำเนินการจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับการกู้เงินดังกล่าว  และลงประกาศกระทรวง  
การคลังในราชกิจจานุเบกษา ภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2540 ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          อนุมัติแต่งตั้ง นายสุธี เอกะหิตานนท์  และนางจันทรา อาชวนันทกูล เป็นกรรมการผู้ทรง 
คุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน     ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ