ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 256 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 5101 - 5120 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5101 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566) | ปสส. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันอังคารที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๖ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๖
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5102 | ขอความเห็นชอบการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ CTBTO On - site Inspection Regional Introductory Course (OSI-RIC24) | อว. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติในฐานะตัวแทนของประเทศไทยซึ่งเป็นสมาชิกของ CTBTO On-site Inspection Regional
Introductory Course (OSI-RIC24) ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่
๑๕-๒๑ มกราคม ๒๕๖๖ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการประชุมดังกล่าว
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมดังกล่าวไปยัง CTBTO PrepCom ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ
CTBTO On-site Inspection Regional Introductory Course (OSI-RIC24) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นสมควรให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5103 | ผลการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship: STEER) ครั้งที่ 6 และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์
(Singapore-Thailand
Enhanced Economic Relationship: STEER) ครั้งที่ ๖ และกิจกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมคนที่สองของสาธารณรัฐสิงคโปร์เป็นประธานร่วม โดยมีผลการประชุมฯ
และประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น ด้านการเกษตร ด้านการลงทุน ด้านการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม และด้านพลังงาน
เป็นต้น และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม STEER
ครั้งที่ ๖
เพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ตามตารางติดตามการดำเนินการตามผลการประชุมฯ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5104 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ | สผ. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กับคณะ รวม ๑๓๕ คน
ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี
โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๒ นั้น
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ตั้งแต่วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เป็นต้นไป จึงได้ลงมติ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
รับไปประสานประธานสภาสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปแถลงหรือชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ๒.
มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นประกอบการชี้แจงดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5105 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน (โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กรมเจ้าท่าในการขุดลอกและบำรุงรักษาความลึกของร่องน้ำสงขลา | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามนัยมาตรา ๔๑
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ตรวจสอบความถูกต้องในสัญญาและเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ รวมทั้งความถูกต้องเหมาะสมด้านเทคนิค ด้านการเงิน และการกำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับตามที่ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาและในเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ ก่อนลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่
อส ๐๐๐๗/๒๒๗๔ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเป็นไปตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำท่าเรือสงขลานั้น
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เร่งรัดดำเนินการให้ได้ความลึกที่ระดับ ๙ เมตร
จากระดับน้ำลงต่ำสุดตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนการขุดลอกร่องน้ำท่าเรือสงขลาในกรอบระยะเวลา
๒๕ ปี อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้งานร่องน้ำสงขลาในการคมนาคมขนส่งได้ตลอดเวลา
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการขุดลอกคูคลองและบำรุงรักษาร่องน้ำสงขลา
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5106 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. 2559 | ทส. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไปอีกสองปี
นับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรแก้ไขข้อความในข้อ ๔ (๓) (ก) ๑) ของประกาศเดิม
จากเดิมที่กำหนดห้ามทำการประมงโดยใช้ “เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุง
และเครื่องมืออวนรุน ละวะ ซิบ หรือรุนกุ้ง หรืออวนถุง ทุกชนิดและทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมง”
เป็น “เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุงและเครื่องมืออวนรุน ละวะ ซิบ หรือรุนกุ้ง
หรืออวนถุง ทุกชนิดและทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมง
เว้นแต่เป็นอวนรุนเคย”
และควรเร่งดดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... (ฉบับใหม่) และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5107 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 4/2565 | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ และเห็นชอบการกำหนดมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5108 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของที่ประชุม
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5109 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2566 | นร. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ
ประจำปี ๒๕๖๖ แล้ว ลงมติว่า ๑.
รับทราบภาพรวมวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๖ จำนวน ๑๘ วัน
และเห็นชอบการกำหนดให้วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี ๒๕๖๖ ๒.
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการบริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญ ในวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษดังกล่าวที่ได้กำหนดและนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5110 | การขอขยายระยะเวลาในการออกกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในหมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำแห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 3 ฉบับ | นร.14 | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในหมวด
๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวม ๓ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมในอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สาม
พ..ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่สองและการใช้น้ำประเภทที่
๓ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าใช้น้ำ พ.ศ.
.... ออกไปอีกหนึ่งปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5111 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. .... | ยธ. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการพิจารณาและจัดทำรายงานจำแนกลักษณะนักโทษเด็ดขาดที่เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุ้มขังภายหลังพ้นโทษ หรือมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องกันไป
และการกระทำความเห็นของพนักงานคุมประพฤติที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องไป
หรือสั่งคุมขังฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการกำหนดกลไกในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ
ก่อนปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดในความผิดเหล่านี้
เพื่อเป็นการป้องกันสังคมและผู้เสียหายจากการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นอีก ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีข้อสังเกตว่า
ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังมิได้กำหนดวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับจึงควรกำหนดไว้ให้ชัดเจน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5112 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 9 มกราคม 2566 | นร 05 | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5113 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑๑๔,๙๗๐,๔๐๓,๔๑๙ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ตามกรอบวงเงินดังกล่าว
และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๓๑,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของภารกิจในความรับผิดชอบเพื่อดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมตามห้วงระยะเวลาที่กำหนดไว้
โดยในส่วนของการพัฒนากำลังคน หลักสูตรระยะสั้น None Degree (Re-Skills, Up
Skills, New Skills) นั้น
ให้พิจารณาปรับเพิ่มจำนวนนักศึกษาเป้าหมายจากเดิม ๒๕,๐๐๐ คน
ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า สุจริต
โปร่งใส และตรวจสอบได้เป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณต่อไป
ควรเน้นกลุ่มที่ต้องการพัฒนาทักษะระดับสูงและความรู้ใหม่ ๆ
เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานอื่น
และให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และความคิดเชิงนวัตกรรมควบคู่ความรู้เชิงวิชาการเพื่อการประกอบอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป
และภาครัฐควรออกแบบมาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research)
ที่ต้องอาศัยระยะเวลาและองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
รวมถึงเงินทุนสนับสนุนจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5114 | รัฐบาลสาธารณรัฐไลบีเรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทย (นายบลาโมห์ เนลสัน) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบลาโมห์ เนลสัน (Mr. Blamoh Nelson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไลบีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นางสาวยังเกอ เทเลโวดา (Ms Youngor Telewoda) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5115 | รัฐบาลสาธารณรัฐบอตสวานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบอตสวานาประจำประเทศไทย (พลตรี โกตซีเลเน มอราเค) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลตรี โกตซีเลเน มอราเค (Major General (Retired) Gotsileene Morake) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณารัฐบอตสวานาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นายอึนโคลอย อึนโคลอย (Mr. Nkoloi Nkoloi)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5116 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก คนใหม่ (นางปิยะกมล ลิมปะพันธุ์) | กต. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายเอร์เนสโต กานาเลส
ซันโตส (Mr. Ernesto Canales Santos) กงสุลกิตติมศักดิ์
ณ เมืองมอนเตร์เรย์ สหรัฐเม็กซิโก ซึ่งพ้นจากหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐
เนื่องจากไม่ได้รับการต่ออายุการดำรงตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5117 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคมและใบแทนบัตรประกันสังคม พ.ศ. .... | รง. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคมและใบแทนบัตรประกันสังคม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนประกันสังคม และค่าธรรมเนียมใบแทนบัตรประกันสังคม
ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นระยะเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรมีแผนการรองรับผลกระทบดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
และสำนักงานประกันสังคมควรเร่งพิจารณาแนวทางการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาให้บริการดังกล่าวแทน
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับรวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสมในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบด้วย
และหากไม่ประสงค์จะจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้อีกต่อไป ควรพิจารณายกเลิกรายการค่าธรรมเนียมดังกล่าวในพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ
ในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5118 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5119 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎร
มีข้อสังเกตว่าเนื่องจากสถานะขององค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีความสำคัญในกระบวนการยุติธรรมเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ควรมีการพิจารณาให้องค์กรอัยการบัญญัติไว้เช่นเดียวกับมาตรา ๑๘๐ หรือมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
มีข้อสังเกตว่าเห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
และสำนักงานอัยการสูงสุดควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๕ วรรคสาม รวมทั้งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐ วรรคสาม
ว่ายังคงมีความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามหลักการของกฎหมายเดิม
หรือไม่ ตลอดจนรัฐบาลควรมีนโยบายให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการระดับสูงว่ากฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ของวุฒิสภาเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา ในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใด
แล้วให้ส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ๔.
ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5120 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 17 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565) | นร.11 สศช | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๗ (เดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปภาพรวมการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ สศช.
ได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการดำเนินการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน ประกอบด้วย
กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock)
รวมทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่จัดทำ/ปรับปรุงใหม่ รวม ๔๕ ฉบับ สำหรับรายงานความคืบหน้าฯ
รอบเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๕
มีสถานะการดำเนินการของกิจกรรม Big Rock เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock ร้อยละ ๘๘.๗๑ โดยมีความคืบหน้ามากกว่ารอบที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำหรับกิจกรรม Big Rock ที่ยังมีความล่าช้า
หน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการจะได้เร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้ต่อไป ๒. ความคืบหน้ากฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ณ
สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๕ รวม ๔๕ ฉบับ ประกอบด้วย และ (๑)
กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๙ ฉบับ และ (๒) กฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ๓๖
ฉบับ (ซึ่งมีความคืบหน้ากว่ารอบที่ผ่านมา) ๓. ความคืบหน้าของประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ สศช.
ได้สรุปรายงานตามประเด็น ในคราวประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
รับทราบรายงานความคืบหน้าการเนินการตาแผนการฏิรูปประเทศ ตามมมาตรา ๒๗๐
ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๕) พร้อมทั้งได้สรุปรายงานสถานะความคืบหน้าของกฎหมายที่วุฒิสภาเห็นควรให้ความสำคัญในการเร่งรัด
ทั้ง ๑๐ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. การดำเนินการในระยะต่อไป สศช.
จะประสานหน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานร่วมดำเนินการเพื่อเร่งรัดการขับเคลื่อน
การดำเนินการติดตามกิจกรรม Big Rock ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง)
ทั้ง ๑๓ ด้าน ให้แล้วเสร็จและบรรลุเป้าหมายภายในกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้
|