ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 275 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 5481 - 5500 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5481 | รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย (นายเปโดร สวาห์เลน) | กต. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเปโดร สวาห์เลน (Mr. Pedro Zwahlen)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (Mrs.
Helene Budliger Artieda) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5482 | สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ณ จังหวัดชลบุรี (นางสาวพจนา พะเนียงเวทย์) | กต. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ณ จังหวัดชลบุรี
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว
และตราด ๒.
การแต่งตั้ง นางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
ณ จังหวัดชลบุรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5483 | การขอความเห็นชอบการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) | คค. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา
เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
(Thailand Integrated Logistics and Intermodal
Transport Development Plan) โดยให้ทุน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓๖๐๗๔๐
ดอลลาร์สหรัฐ แก่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามในบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการฯ
ดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม
(สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากรายงานผลการศึกษาอย่างละเอียด
รอบคอบ และรัดกุมด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา
เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5484 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2565 - 2570) | ทส. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศ
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐) ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ โดยแผนปฏิบัติการฯ ได้กำหนดเป้าหมายขยะที่ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้องผ่าน
๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) การจัดการขยะที่ต้นทาง เช่น
การควบคุมป้องกันการออกแบบผลิตภัณฑ์ (๒) การเพิ่มประสิทธิภาพระบบกำจัดขยะ เช่น
กำหนดให้มีสถานที่กำจัดขยะเพิ่มขึ้นและครอบคลุมทุกภูมิภาค และ (๓)
การพัฒนาเครื่องบริหารจัดการขยะ เช่น
การพัฒนากฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ครอบคลุมการจัดการที่ต้นทาง
โดยมีกลไกการขับเคลื่อนคือ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วน และการใช้กลไกคณะกรรมการ
คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะ
อีกทั้งกำหนดการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5485 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช) | ปปง. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
ร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขานุการกรม
สำนักงานเลขานุการกรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5486 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (นายสุรเดช อุทัยรัตน์) | ทส. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นายสุรเดช อุทัยรัตน์
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
แทนนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล กรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5487 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (1. พลตรี เจียรนัย วงศ์สอาด ฯลฯ รวม 10 คน) | พม. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ รวม ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๑. พลตรี เจียรนัย
วงศ์สอาด ประธานกรรมการ ๒. นางพัชรี อาระยะกุล กรรมการ ๓. นายรณชัย จิตรวิเศษ กรรมการ ๔. นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการ ๕. นายอัครพล
ลีลาจินดามัย กรรมการ ๖. นายธีรภัทร
ประยูรสิทธิ กรรมการ ๗. นายชยงการ ภมรมาศ กรรมการ ๘. พลเอก สุวิชา
แก้วรุ่งเรือง กรรมการ ๙. นายอนุกูล ปีดแก้ว กรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑๐. นางศุกร์ศิริ
บุญญเศรษฐ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5488 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (เพิ่มเติม) | นร. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปค ครั้งที่ ๒๙ และกิจกรรมต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ
และกระทบต่อการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนให้น้อยที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเพิ่มเติมให้ชัดเจน
รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปด้วย ดังนี้ ๑. ในช่วงการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
จะมีการปิดการจราจรในเส้นทางโดยรอบศูนย์การประชุมสิริกิติ์ รวมทั้งให้งดใช้สวนเบญจกิติ ๒. การให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ในช่วงวันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เปิดให้บริการปกติแต่จะงดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารเฉพาะสถานีศูนย์การประชุมสิริกิติ์
จนกว่าการจัดการประชุมฯ จะเสร็จสิ้น ๓. ในส่วนของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปิดการจราจรให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษานั้น ๆ
พิจารณางดการจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมใด ๆ ในช่วงวันที่ ๑๖-๑๘
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ยกเว้นในกรณีที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษานั้น ๆ
มีภารกิจสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการในช่วงวันดังกล่าวอันมิอาจเหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนออกไปก่อนได้ ๔. ในช่วงค่ำของวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
จะมีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเอเปคที่หอประชุมกองทัพเรือ
ซึ่งจะมีการเดินทางไป-กลับของผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายเส้นทาง
จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย
โดยขอให้หลีกเลี่ยงหรืองดใช้รถใช้ถนนในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการสัญจรทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะมีการปิดการจราจรทางน้ำในวันที่ ๑๘
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5489 | การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน | กค. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่อัตราร้อยละ ๐.๔๖ ต่อปี ในงวดนำส่ง ปี ๒๕๖๖ เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5490 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5491 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการ
และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓
หุ้นส่วนและบริษัท เพื่อรองรับการดำเนินการทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้กฎหมายมีความทันสมัยสอดคล้องกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายนี้ การรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
การออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม
ควรเรียกเก็บเพียงเท่าที่จำเป็นและเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสม
เพื่อไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และการจัดทำตัวอย่างข้อบังคับที่มีกลไกในการแก้ปัญหาข้อพิพาทให้ผู้มาจดทะเบียนสามารถเลือกใช้ได้
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว ไปพิจารณารวมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5492 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2565) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๕) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๔
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศโดยรวมปรับดีขึ้น
และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี และ (๒) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการ
เช่น การดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี
เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การประเมินผลนโยบายสถาบันการเงินและกำกับดูแลสถาบันการเงินในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ซึ่งมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม
โดยการต่ออายุมาตรการสินเชื่อรายย่อยและปรับเงื่อนไขสินเชื่อเพื่อรองรับผู้ประกอบธุรกิจ
และการประเมินนโยบายการชำระเงิน พบว่า แนวโน้มการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า
ส่วนการให้บริการผ่าน Mobile Banking/Internet
Banking ขยายตัวสูงสุดร้อยละ ๕๐.๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5493 | รายงานผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5494 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก
ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5495 | รายงานสถานการณ์เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | รง. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ซึ่งมีสาระสำคัญ ในประเด็น ดังนี้ (๑) สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กทั่วโลก (๒)
สถานการณ์เด็กทำงานในประเทศไทย (๓) สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
(๔) ผลการประเมินจัดระดับสถานการณ์แรงงานเด็ก (๕)
การขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายของประเทศไทย
และ (๖) ข้อเสนอแนะจากการวิเคราะห์สถานการณ์และผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5496 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาและแก้ไขปัญหาประมงไทย ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5497 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ของรัฐสภา | สผ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม
พ.ศ. .... ของรัฐสภา ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ ดังนี้ ๑) การจัดทำคู่มือเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเผยแพร่ให้แก่ประชาชน
สำนักงานศาลยุติธรรม
ได้จัดทำเอกสารและแผนภูมิแสดงขั้นตอนการดำเนินงานของศาลเพื่อเผยแพร่ให้ผู้มาติดต่อราชการในบริเวณศาลทราบ
และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของศาลด้วยแล้ว ๒)
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรมีการตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
หากพบว่าขั้นตอนและระยะเวลาไม่เหมาะสมควรรีบปรับปรุงทันที
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ได้จัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
โดยให้มีรายงานผลการดำเนินการทุกเดือน ๓) หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรเพิ่มเติมข้อมูลการตรวจสอบขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงาน
และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความรวดเร็วก็สมควรระบุไว้ในรายงานประจำปีที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาด้วย
สำนักงานอัยการสูงสุด ได้จัดเก็บข้อมูลสถิติการดำเนินคดี เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของระยะเวลาในแต่ละขั้นตอน
๔)
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรร่วมกันพัฒนาและจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้มีความถูกต้องครบถ้วน
นำไปสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกัน และต้องเปิดเผยแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชน สำนักงานศาลยุติธรรม
ได้ดำเนินโครงการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลให้บริการกับหน่วยงานภายนอก เช่น
ระบบฐานข้อมูลหมายจับ ระบบฐานข้อมูลคำสั่งห้ามออกนอกประเทศ ระบบคัดถ่ายเอกสารคำพิพากษาระหว่างศาล
และระบบจัดเก็บเอกสารคำพิพากษา ๕) หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรบูรณาการการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ร่วมกัน
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องของงาน และระยะเวลาการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
สำนักงานอัยการสูงสุด ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)
ความร่วมมือเพื่อการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม
และสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5498 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกันยายน 2565 | นร.11 สศช | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
ความก้าวหน้าการปฏิรูปประเทศ (๓) การติดตาม การตรวจสอบ
และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5499 | ขอความเห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (Convention on the International Maritime Organization : IMO Convention) | คค. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
(Convention on the International Maritime
Organization : IMO Convention)
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทเกี่ยวกับองค์ประกอบ วาระการดำรงตำแหน่ง
องค์ประชุมของคณะมนตรี และภาษาที่ใช้ในการจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
ซึ่งที่ประชุมสมัชชา IMO ได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
รับรองการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าวแล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับภายใน ๑๒ เดือน
กับสมาชิกทั้งหมด หลังจากที่สมาชิก IMO มีสมาชิกรวม ๑๗๕
ประเทศ ไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓
ยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าวด้วยการนำส่งตราสารยอมรับต่อเลขาธิการ IMO
โดยไทยในฐานะรัฐภาคีจะต้องส่งตราสารยอมรับการแก้ไขซึ่งเป็นการแสดงเจตนาให้การแก้ไขเพิ่มเติมมีผลผูกพันรัฐภาคีตามเนื้อหาที่แก้ไข
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ
จัดทำตราสารยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
5500 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 16 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 กรกฎาคม 2565) | นร.04 | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑๖ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ - ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๙ ด้าน เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นคงความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม เป็นต้น และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๘
เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|