เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4) 
ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองเกาะสมุย  พ.ศ. ....  ของกระทรวงมหาดไทย   ซึ่ง
ค้างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน ในวาระที่ 1 โดยเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และให้ฝ่าย 
เลขานุการ คกก.4  รับความเห็นของผู้แทนกระทรวงการคลัง (เกี่ยวกับการกำหนดรายรับของเมืองเกาะสมุยอาจ 
มีที่มาจากเงินกู้จากกระทรวง ทบวง กรม องค์การหรือนิติบุคคลต่าง ๆ ตลอดจนเงินกู้จากต่างประเทศ  องค์การ   
ต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ  โดยการกำหนดให้การกู้ยืมเงินดังกล่าวให้ออกเป็นข้อบัญญัติท้องถิ่น 
โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี นั้น  ยังแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราช 
การเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 ต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย หากเป็นเงินกู้จากต่างประเทศต้อง  
ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังด้วย) ไปพิจารณาร่วมกับผู้แทนกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย    
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  (สำนักงานคณะกรรมการกระจาย  
อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)  โดยให้เปรียบเทียบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น และกฎหมาย 
ที่เกี่ยวข้อง     แล้วนำเสนอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  (นายสรอรรถ  กลิ่นประทุม)  และรัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  (นายวราเทพ  รัตนากร)  พิจารณาและให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปได้  รวมทั้ง
ให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คกก.4 (เกี่ยวกับการศึกษาและพิจารณากำหนดแนวทาง กรอบ 
หรือหลักเกณฑ์พื้นฐานเพื่อใช้พิจารณาว่า    ท้องถิ่นลักษณะใดควรได้รับการพิจารณาจัดตั้งเป็นองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษซึ่งต้องออกเป็นกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น  โดยให้ศึกษาว่าควรมีรูปแบบบริหารจัดการ 
อย่างไร การกำกับดูแลและความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นกับจังหวัด  กระทรวงมหาดไทย  และคณะรัฐมนตรีควร
เป็นเช่นไร) ไปพิจารณา

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะในส่วนที่ต้องจัดสรรตามพระราช
บัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติจัดสรรรายได้ประเภทภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษี 
ธุรกิจเฉพาะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2534  กับให้องค์การบริหารส่วนตำบลและองค์กรปกครอง 
ส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบได้รับรายได้ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์เป็นรายได้ตามจำนวนเงิน  
รายได้ที่เกิดขึ้นจริงตามอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่รัฐบาลกำหนดให้มีการจัดเก็บโดยไม่มีความจำเป็น    
ที่จะต้องจัดหาวงเงินใดมาชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป  รวมทั้งอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามมติคณะกรรมการ 
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการบริหารงบประมาณของส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจ  สำหรับปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ - 15 พฤษภาคม 2544  มีการอนุมัติ  
เงินประจำงวดจำนวนทั้งสิ้น 835,171.4 ล้านบาท  ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ  
มีจำนวน  446,215.6  ล้านบาท  และจากรายงานการเบิกจ่ายจริงเบื้องต้นโดยกรมบัญชีกลาง ปรากฎว่า  จนถึง 
วันที่  9  พฤษภาคม  2544  มีการเบิกจ่ายจำนวน 454,344.0 ล้านบาท   นอกจากนี้  การอนุมัติเงินประจำงวด 
ของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนทั้งสิ้น 31,585.1
ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณจำนวน 32,339.6 ล้านบาท รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 เมษายน  
2544 มีจำนวน 5,222.2 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยการจัดซื้อและจัดจ้างให้เป็นอำนาจของประธานกรรมการบริหาร เฉพาะโครง 
การถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะ ฯ โดยไม่จำกัดวงเงิน  แล้วรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างให้สภาองค์การ  
บริหารส่วนตำบลทราบทุกเดือน    กับให้กำหนดเงื่อนเวลาการแจ้งตอบรับจากส่วนราชการเพื่อส่งผู้แทนเข้าร่วมใน   
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และ/หรือการควบคุมงาน  โดยให้แจ้งภายใน 20 วัน  รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งผู้ 
ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการบริหารงบประมาณ  พ.ศ. 2544  โครงการถ่ายโอน  ฯ  โดยเร็ว   และรายงานให้นายก  
รัฐมนตรีทราบผลการใช้จ่ายทุกเดือน และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้  ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 
(นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เสนอ ทั้งนี้ ปัญหาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  ล่าช้าสาเหตุหนึ่งเกิด  
จากส่วนราชการเป็นผู้ของบประมาณและจัดทำแผนงานเองซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น จึงให้คณะ 
กรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นศึกษาความเป็นไปได้ในการให้องค์กรปกครองส่วนท้อง     
ถิ่นเป็นผู้กำหนดกิจกรรมและดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการเองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545   เป็นต้นไป   นอกจากนี้  
เงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  ในส่วนของภาษีที่รัฐบาลจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำราย 
ได้ดังกล่าวไปดำเนินการตามกรอบนโยบายของคณะรัฐมนตรี นั้น อาจขัดต่อหลักการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่น 
ตามที่กฎหมายกำหนดไว้  เนื่องจากหลักการในการบริหารหรือตอบสนองการบริหารมิใช่บังคับการบริหารจนไม่   
สามารถดำเนินการในเรื่องใด ๆ ได้ ซึ่งจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหา  จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี     
(นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง)   
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสถานการณ์เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบ 
ประมาณ พ.ศ. 2544  และเห็นชอบในหลักการมาตรการเร่งรัดเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ฯ เพิ่มเติม  
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการเพิ่มเติมแนวทางในมาตรการ
ดังกล่าว  โดยการให้ปลัดกระทรวงหารือกรมต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนของโครงการปกติ 
มาตรการระยะสั้นให้เร็วขึ้น   และรายงานปัญหาอุปสรรคต่าง  ๆ   แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีประจำสำนักนายก  
รัฐมนตรี  (นายจาตุรนต์  ฉายแสง)  ภายใน  2  สัปดาห์  เพื่อพิจารณาร่วมกัน   โดยให้สำนักงบประมาณร่วม 
พิจารณาด้วย  ส่วนโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาตรการระยะ 
สั้นซึ่งให้กระทรวงมหาดไทยเร่งประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อส่งคืนโครงการให้ส่วนราชการ
เจ้าของงบประมาณดำเนินงานแทน  กรณีที่ท้องถิ่นไม่มีความพร้อมในการดำเนินโครงการ นั้น อาจมีปัญหาใน
ทางปฏิบัติ จึงมอบให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาเสนอ  
คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง     และให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจ  ฯ   ใน
การพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุขององค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2538 ด้วย 
นอกจากนี้  ให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลส่วนราชการในความรับผิดชอบให้ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ  
โดยให้ปรับปรุงแก้ไขระบบการปฏิบัติงานการเบิกจ่ายให้มีประสิทธิภาพและรัดกุม  มีความรวดเร็วและโปร่งใส 
รวมถึงให้เลือกสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพื่อปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินประมาณประจำปี)
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  จำนวน 
973,000 ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ รวมทั้งจัดสรรงบประมาณรายจ่ายที่ส่วนราชการได้เสนอขอ  
เพิ่มเติมอีกจำนวน 1,302.8 ล้านบาท  โดยใช้จากเงินงบกลางรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ทั้งนี้   
ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ทบวง ปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายที่สำนักงบประมาณ   
เสนอให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรี  และของแต่ละกระทรวง  เว้นแต่เป็นเรื่องนโยบายสำคัญที่ต้อง  
ดำเนินการเพิ่มเติม  ก็ให้พิจารณาปรับลดจากรายการที่มีลำดับความสำคัญต่ำเป็นลำดับแรก  และหากมีความ  
จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่เสนอมาให้เสนอขออนุมัติต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งส่งผล   
การพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 2 พฤษภาคม   
2544   นอกจากนี้  ให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานต่าง ๆ  จัดทำงบประมาณรายจ่ายจำแนกเป็น  
รายจังหวัดตามเรื่องที่สำคัญส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันศุกร์ที่  18  พฤษภาคม  2544   กับให้สำนักงบ 
ประมาณเสนอผลการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง 
ในวันอังคารที่ 15  พฤษภาคม 2544  เพื่อนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติและเอกสารประกอบ สำหรับ
การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณ 
กิตติ) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น    รัฐมนตรีประจำสำนักนายก   
รัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และสำนักงบประมาณ รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม  เพื่อให้  
ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีโดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2544  
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 จำนวน 
10,666.8 ล้านบาท ซึ่งรวมรายการที่ส่วนราชการได้รับอนุมัติเงินประจำงวดไปแล้วเพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าว  
ไปใช้ในการสนองนโยบายเร่งด่วนอื่นต่อไป  รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายในส่วนที่จัดสรรโดยการถ่ายโอนให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วงเงินประมาณ 2,100 ล้านบาท  ซึ่งใช้ในการขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติที่ต้นเขิน 
โดยควรครอบคลุมถึงโครงการอื่น ๆ   ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย   และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้  
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ  ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รัฐมนตรีประจำสำนักนายก  
รัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาเพื่อทบทวนและปรับลดงบประมาณ   
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ที่ยังมีงาน/โครงการซึ่งมีการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศ หรืองาน/    
โครงการที่ไม่สร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจหรือก่อหนี้ผูกพันหลายปี   รวมถึงไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการในระยะ 
สุดท้ายลงอีก   นอกจากนี้   ให้กระทรวง   ทบวง   กรม   ที่ยังใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  
พ.ศ. 2544 เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ 
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8  และการรายงานผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล  ระยะที่ 2  ประจำปีงบประมาณ   
พ.ศ. 2543  (เดือนเมษายน - กันยายน 2543)  ของกระทรวงมหาดไทย  ประกอบด้วย  ภาพรวมงาน/โครงการ 
สำคัญที่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8 จำนวน 161 งาน/โครงการ และที่ดำเนินการ  
ตอบสนองนโยบายรัฐบาล จำนวน 132 งาน/โครงการ  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  โดยให้รับความเห็นของ 
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการดำเนินงานปี  
พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 8 โดยเร่งรัดและสนับสนุนการเสริมสร้างโอกาสการพัฒนา  
เพื่อสร้างอาชีพ   การมีงานทำให้ประชาชนในชนบท   และเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ 
สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ   รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการถ่ายโอนงบ   
ประมาณ   และภารกิจจากส่วนกลาง    ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของชุมชนในการกำกับ 
ดูแลองค์กรส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการในระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น) ไปพิจารณา  
ดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาล 
และภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 (ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการร่วมภาค
รัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัด โดยเพิ่มกรรมการ  คือ  ประธานคณะกรรมการ      
ประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น  และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควร   กับให้เพิ่ม
จำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการด้านเศรษฐกิจหรือองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ จากเดิมไม่   
เกิน  3  คน   เป็นไม่เกิน  7  คน) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ   แล้ว  
ดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ประกาศระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวในราชกิจจานุ 
เบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 117 ตอนพิเศษ 132 ง วันที่ 27 ธันวาคม 2543 แล้ว

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงิน 
งบประมาณของหน่วยงานในสังกัดตั้งแต่ต้นปีงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  
ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  รายไตรมาสที่กำหนด  โดยเฉพาะหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ  
รายจ่ายลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เร่งรัดการดำเนินการก่อ  
หนี้ผูกพันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2  เพื่อ   
ให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้ทันภายในปีงบประมาณ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนิน
งานและการใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจภายในจังหวัดให้เป็นไปตามเป้าหมายโดย 
เฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณรายจ่ายลงทุนสูง  รวมถึงกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานและการใช้ 
จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะ 
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวง ทบวง กรม รับทราบและถือ 
ปฏิบัติต่อไป
 

           รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ  
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  ของสภาผู้แทนราษฎร  ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ  ฯ  ได้พิจารณาเกี่ยว   
กับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การถ่ายโอนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การดำเนินการ 
เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ การป้องกันและปราบปรามการลักลอบการนำเข้าสินค้า  รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ใน 
กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และมอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไป   
พิจารณาว่า จะสมควรดำเนินการในเรื่องใด ได้หรือไม่ ประการใด แล้วแจ้งให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรง เพื่อให้ 
สำนักงบประมาณจัดทำความเห็นรวม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป





     

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ของวุฒิสภา  ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ  ได้พิจารณาเกี่ยวกับการตั้งงบ 
ประมาณรายจ่ายและการกู้เงินของรัฐบาล การประมาณการรายได้ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี การจัด  
สรรงบประมาณรายจ่ายโครงการถ่ายโอนงานบริการสาธารณะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  นโยบายการแปรรูป   
รัฐวิสาหกิจ  การจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ   การปฏิรูประบบงานบริหารราชการและ 
การจัดหน่วยงานภาครัฐ การจัดสรรงบประมาณแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของส่วนราชการ ประจำปี 
งบประมาณ พ.ศ. 2544 ภาระหนี้จากการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินจะเป็นข้อจำกัดของงบประมาณในอนาคต การ  
จัดสรรงบประมาณด้านการจัดบริการสาธารณสุข การจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง การ 
ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้  การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของชาติ  การพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาอารยะของประเทศ  งบประมาณโครงการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาและ   
การส่งเสริมกีฬาระดับหมู่บ้าน  งบประมาณในการบำรุงรักษาทางและสะพาน  ระบบการจัดทำงบประมาณรายจ่าย   
และโครงสร้างรายได้ของรัฐบาล   เป้าหมายสำคัญในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี   รวมทั้งการจัดสรรงบ   
ประมาณช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดภัยพิบัติ  ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ   และมอบให้ส่วนราชการที่  
เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาว่า จะสมควรดำเนินการในเรื่องใด ได้หรือไม่ ประการใด  แล้วแจ้งให้สำนักงบประมาณทราบ
โดยตรง เพื่อให้สำนักงบประมาณจัดทำความเห็นรว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการศึกษาในโครงการศึกษาแนวทางการบริหารและจัดการการท่องเที่ยว 
ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสภาตำบล (สต.) รวมทั้งอนุมัติแนวทางการบริหาร  
และจัดการการท่องเที่ยว ฯ   โดยให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย  อบต. และ สต. ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ 
ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอดิศัย โพธารามิก) ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่ง   
ประเทศไทย  (ททท.)  เสนอ  โดยให้  ททท.  รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงาน  
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการบริหารและจัดการการท่องเที่ยวในท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญกับทรัพยา  
กรแหล่งท่องเที่ยวของท้องถิ่นอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะแหล่งโบราณสถาน  โบราณวัตถุ  และแหล่งประวัติศาสตร์  
ต่าง ๆ โดยหารือกับกรมศิลปากรซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลสถานที่ดังกล่าวก่อน  นอกจากนี้  แนวทางในการดำเนิน 
การบริหารและจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ ฯ  โดยการถ่ายโอนภารกิจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  
ซึ่งองค์กรปกครอง  ฯ    สามารถจะเลือกรูปแบบในการบริหารและจัดการด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับพื้นที่ 
ได้ และให้ขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลางเช่น การสนับสนุนทางด้านงบประมาณในโครงการขนาดใหญ่ที่เกิน
ขีดความสามารถ  และการสนับสนุนทางด้านวิชาการ   การฝึกอบรมอาสาสมัครและบุคลากร) ไปประกอบการ 
พิจารณาดำเนินการด้วย
            

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้โครงการถ่ายโอนกำลังคนเพื่อสนับสนุนมาตรการเสริมการพัฒนาชนบท
และชุมชน (มพช.) ทดลองถ่ายโอนข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งในสายงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจที่มีการถ่ายโอนลง  
ไปยังท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยคงจำนวนข้าราชการที่จะไปปฏิบัติงานไว้ทั้งหมด  8,000  คน  และ  
งบประมาณดำเนินการ  577,000,00  บาท ตามเป้าหมายเดิม  โดยให้มีเวลาปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ 
คัดเลือกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544  และมีสถานภาพ  รวมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2543  โดยถือว่าโครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความเข้มแข็ง  
ของท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งมอบให้คณะทำงานการถ่าย  
โอนบุคลากรและอำนาจหน้าที่พิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่รัฐมนตรี  
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เสนอ  โดยให้กระทรวงมหาดไทยยกร่างระเบียบกระทรวง 
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2535   และว่าด้วยการพัสดุ 
ขององค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2538 โดยให้มีระบบควบคุมและตรวจสอบในระดับจังหวัดด้วย  แล้วให้เสนอ 
คณะอนุกรรมการด้านการเงิน การคลัง งบประมาณ และบุคลากร ตลอดจนคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานตามระเบียบใน  
เรื่องนี้ด้วย  กับให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดทำระบบในการควบคุมตรวจผู้มีอำนาจเกี่ยวกับการเงินการคลัง    
นอกจากนี้   เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรูปธรรม   เห็นควรให้ผู้แทนหน่วยงานที่จะต้องถ่ายโอนกำลังคน
และภารกิจร่วมชี้แจงรายละเอียดในแต่ละหน่วยงานด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติ
โรงงาน พ.ศ. 2535 (เพิ่มประเภทหรือชนิดของโรงงาน ลำดับที่ 105 และ 106 ได้แก่ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับ
การคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากการประกอบกิจการของโรงงาน       และการนำผลิตภัณฑ์ 
อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว   และ/หรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์อุสาหกรรม  โดยการผ่าน 
กรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในทางเชิงกลหรือทางเคมี   โดยให้โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงาน  
จำพวกที่ 3    ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนประกอบกิจการ) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม  
เสนอ    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา     โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม   (เกี่ยวกับการจำกัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยซึ่งเป็นอำนาจหน้า    
ที่ของส่วนราชการส่วนท้องถิ่นโดยตรง  นั้น   จะขัดต่อหลักการและนโยบายการกระจายอำนาจของรัฐหรือไม่   ส่วน     
กรณีการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยโดยการฝั่งกลบ     รวมทั้งการนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ใหม่    หรือมอบให้  
ผู้อื่นดำเนินการแทนภายใต้การควบคุมของส่วนราชการส่วนท้องถิ่น   ต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม  
หรือไม่   นอกจากนี้    การกำหนดลักษณะการประกอบการในแต่ละประเภทและชนิดของโรงงาน   และการกำหนด   
ขนาดของโรงงานที่จัดให้เป็นโรงงานจำพวกที่   3   ยังขาดความชัดเจน     และไม่สอดคล้องกับเขตอำนาจหน้าที่ของ 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)  ไปพิจารณาด้วย  แล้วดำเนินการต่อไปได้
 

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) 
ครั้งที่ 2/2543  วันที่ 21 สิงหาคม 2543   เกี่ยวกับการสนับสนุนการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544 เพื่อเตรียมรับการถ่ายโอนภารกิจและการปรับระบบบริหารงานพัฒนาภูมิภาคและท้องถิ่น
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเสนอ     โดยให้เพิ่มสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น     สำนักงาน  
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี    ในการดำเนินงานร่วมกับสำนักงบประมาณ  กระทรวงการคลัง      กระทรวงเกษตรและ  
สหกรณ์  กระทรวงมหาดไทย  เพื่อพิจารณาและประสานกับหน่วยงานที่มีการถ่ายโอนงบประมาณ และภารกิจให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น   จัดทำแนวทางปฏิบัติในการถ่ายโอนภารกิจให้เป็นแนวทางเดียวกันทุกหน่วยงานต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2543  วันที่  
8 พฤษภาคม 2543 เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการตั้งถิ่นฐานมนุษย์  (Habitat  Agenda) 
เป็นไปอย่างต่อเนื่อง    และแนวทางการนำนโยบายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน :  เมืองน่าอยู่และชุมชนน่า  
อยู่ไปสู่การปฏิบัติ    และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้     รวมทั้งเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  
ว่าด้วยการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  พ.ศ. ....  (ให้มีคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ (กมช.) มีอำนาจหน้าที่  
กำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน : เมืองน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ กำหนด   
หลักเกณฑ์วิธีดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินการ กลั่นกรองแผนงานโครงการกำกับ เร่งรัด  และติด    
ตามการดำเนินงาน  แก้ไขปัญหา  อุปสรรค  จัดทำข้อมูล  ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่   กับให้มีสำนักงาน  
คณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  (ส.กมช.)  เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของสำนักงานพัฒนาเมืองแห่งชาติ) ตามที่  
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกต  
ของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ  กมช.  และ  ส.กมช.  มีส่วนคาบเกี่ยวหรือเหลื่อมล้ำซ้ำซ้อน  
กับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น        และสำนักงาน
คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น      ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและ 
ขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2542  ซึ่งควรพิจารณาให้มีลักษณะที่
ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน) ไปพิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2543  วันที่  
8 พฤษภาคม 2543 เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการตั้งถิ่นฐานมนุษย์  (Habitat  Agenda) 
เป็นไปอย่างต่อเนื่อง    และแนวทางการนำนโยบายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน :  เมืองน่าอยู่และชุมชนน่า  
อยู่ไปสู่การปฏิบัติ    และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้     รวมทั้งเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  
ว่าด้วยการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  พ.ศ. ....  (ให้มีคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ (กมช.) มีอำนาจหน้าที่  
กำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน : เมืองน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ กำหนด   
หลักเกณฑ์วิธีดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินการ กลั่นกรองแผนงานโครงการกำกับ เร่งรัด  และติด    
ตามการดำเนินงาน  แก้ไขปัญหา  อุปสรรค  จัดทำข้อมูล  ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่   กับให้มีสำนักงาน  
คณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  (ส.กมช.)  เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของสำนักงานพัฒนาเมืองแห่งชาติ) ตามที่  
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกต  
ของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ  กมช.  และ  ส.กมช.  มีส่วนคาบเกี่ยวหรือเหลื่อมล้ำซ้ำซ้อน  
กับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น        และสำนักงาน
คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น      ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและ 
ขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2542  ซึ่งควรพิจารณาให้มีลักษณะที่
ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน) ไปพิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู 
ผู้นำชุมชน  และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  และให้กระทรวง  ทบวง  กรม  สถาบันผลิตครูและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามโครงการ       โดยมีสำนักงานปฏิรูปการศึกษาทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ  กับให้   
มีการประสานการใช้งบประมาณเพื่อการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ  ที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ  
พ.ศ.  2543  และ  2544  เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน  รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ  
ทำหน้าที่ประสานและส่งเสริมการดำเนินการ  ตลอดจนการให้คำปรึกษา  ติดตาม ประเมินผลในการดำเนินงาน
ดังกล่าว   และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้  ตามมติคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาตามที่  
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ  
ที่ให้สิทธิพิเศษแก่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)  ในการให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ของ  ทศท.     
แก่หน่วยราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของรัฐ  เว้นแต่กรณีที่ไม่อาจให้บริการได้ในระยะเวลาอันสั้น  
โดยให้ลดและยกเว้นค่าบริการสำหรับโทรศัพท์พื้นฐานร้อยละ  5   สำหรับค่าติดตั้ง  ค่าทางสายเกิน    และ  
ค่าเดินสายภายใน ค่าเช่าประจำเดือน ค่าใช้บริการประจำเดือน ค่าทางไกลภายในประเทศประจำเดือน และ 
ค่าบริการพิเศษชุมสาย  SPC  โดยให้มีผลนับแต่วันที่  26 กันยายน 2543  จนกว่า ทศท. จะดำเนินการแปรรูป
แล้วเสร็จ  ทั้งนี้  ให้ ทศท. ปฏิบัติตามเงื่อนไข  โดยลดและยกเว้นค่าบริการบางรายการให้กับลูกค้า    และให้  
ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติตามมติดังกล่าว  รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย
ขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อถือปฏิบัติด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ