คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้เพิ่ม
เติมมติคณรัฐมนตรีในข้อ  3  ดังนี้ "3. สำหรับโครงการปลูกป่าซึ่งรวมทั้งโครงการอนุรักษ์ป่ากับการป้อง
กันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ให้ ออป. มีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลใน
เรื่องนี้  และให้ ออป. จ่ายเงินให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในวงเงิน  20  ล้านบาท
เพื่อดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย"

      คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2518 ส่วนการขึ้นอัตรา
ค่าระวางขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้พิจารณาพร้อมกับปรับปรุงราคาน้ำมัน
ครั้งต่อไป โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ

      คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2520   และให้สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย
การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเว้นภาษีเงินได้แก่ผู้จัดหาเงินบริจาคเพื่อจัดสร้างโรงพยาบาล
สมเด็จพระยุพราช)   ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงมติรับหลักการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2520 ต่อไป

      คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติ ให้กระทรวงการต่างประเทศทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย
กับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันเกี่ยวกับความร่วมมือทางการเงินเพื่อโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โดยยกเว้น ไม่ต้องปฎิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2516   และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
คมนาคมอนุมัติผ่อนผันให้เรือของรัฐวิสาหกิจขนส่งตามที่ระบุไว้ในร่างความตกลง   ข้อ  4  บรรทุกของเข้ามาใน
ราชอาณาจักร ได้เป็นกรณีพิเศษ   โดยมอบให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนของรัฐบาลลงนาม ในความ
ตกลงเรื่องนี้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

       คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการฝึกอบรมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผสร.)
โดยมีข้อสังเกตว่า ควรจะได้เปลี่ยนชื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริง กับควรมีโครงการประสานการปฏิบัติ
ระหว่างกำนันผู้ใหญ่บ้าน กับนายอำเภอและสารวัตรใหญ่ตามอำเภอต่าง ๆ ให้มีความใกล้ชิดกันด้วยและ
ให้ส่งสำนักงบประมาณพิจารณาในเรื่องการเงินต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และอนุมัติตามความเห็นของคณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ  
แห่งชาติ ให้การเคหะแห่งชาติ  จัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมได้ตามที่เสนอมา  เว้นแต่บริเวณใกล้แหล่งงาน ประมาณ 50   
ไร่ ๆ ละประมาณ 100,000-600,000 บาท  และการพิจารณาความเหมาะสมของที่ดินที่จะจัดซื้อแต่ละแปลง  
นั้น การเคหะฯ ควรเชิญผู้แทนนิคมอุตสากรรมเข้าร่วมพิจารณาด้วย  เพื่อปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่  
18 พฤษภาคม 2519 และเพื่อให้การกำหนดย่านที่อยู่อาศัยและย่านอุตสาหกรรมสอดคล้องกัน เนื่องจากการ 
จัดซื้อที่ดินแต่ละแปลงต้องผ่านกรรมวิธีที่ใช้เวลามาก   เห็นสมควรให้ใช้วิธีจัดซื้อที่ดินที่เป็นภาระแก่การเคหะฯ  
น้อยที่สุด เห็นสมควรอนุมัติงบลงทุนเพื่อการจัดซื้อที่ดิน จำนวนประมาณ 3,000 ไร่ ในวงเงินไม่เกิน 170 ล้าน 
บาท สำหรับงบประมาณปี 2520 เห็นควรให้มีการผูกพันงบประมาณลงทุนจำนวนดังกล่าวต่อไปจนถึงสิ้นปีงบ
ประมาณ 2521 ด้วย

      คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และอนุมัติตามความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในการ  
ขออนุมติว่าจ้างบริษัท-สำนักงานสถาปนิกเพิ่มเติมจากที่อนุมัติไว้เดิม  โดยกำหนดหลักเกณฑ์ 2 ข้อ ตามความ  
เห็นของคณะกรรมการพิจารณาปรับระบบการก่อสร้างและสถานที่ของราชการ คือ สำหรับงานก่อสร้างที่มีค่า  
งานไม่เกิน 2 ล้านบาท ควรให้อยู่ในดุลพินิจของมหาวิทยาลัย ฯ  ที่จะคัดเลือกสำนักงานสถาปนิกวิศวกร หรือ  
เอกชนที่มีคุณสมบัติในการประกอบอาชีพสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมตามกฎหมาย   เป็นผู้ดำเนินการโดยไม่  
ต้องคัดเลือกจาก 8 ราย สำหรับงานก่อสร้างที่มีค่างานตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป   จึงให้เลือกจ้างสำนักงานใด  
สำนักงานหนึ่งจากที่คัดเลือกไว้ทั้ง 8 เว้นแต่อยู่ในเกณฑ์ ที่ต้องประกวดแบบ  สำหรับการประกวดแบบเห็นควร  
ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ถือปฏิบัติไปพลางก่อน และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี  เดิมที่อนุมัติให้ไว้เป็นการ 
เฉพาะราย สำหรับการออกแบบคุมงานของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

      คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามข้อเสนอของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาว่าควรใช้ที่ดิน
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อไป   และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงอาคาร
สถานที่ให้ต่อไป

     คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสอบข้อเท็จจริง  ในเรื่องการรับหนังสือเวียนแจ้ง
มติคณะรัฐมนตรีที่ให้แก้ไขสัญญาซื้อขายท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2498 ซึ่ง
กรุงเทพมหานครรายงานว่าได้รับหนังสือเวียนแจ้งมติคณะรัฐมนตรีให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบด้วยและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอเพิ่มเติม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2516 ที่ว่า "คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการเปิดป่าสงวนข้างทาง
หลวงหมายเลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง เข้าไปข้าละไม่เกิน  1  กิโลเมตร นับจากเขตทางที่ได้กันไว้
ข้างละ 100 เมตร  แต่ถ้าปรากฏว่า เป็นป่าสงวนต้นน้ำลำธาร หรือป่าสัมปทาน ก็ให้ระงับการเปิดป่า
บริเวณดังกล่าว"  โดยขอเพิ่มเติมเป็น  "คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการเปิดป่าสงวนข้างทางหลวง หมาย
เลข 1090 สายแม่สอด-อุ้มผาง เข้าไปข้าละไม่เกิน 1 กิโลเมตร  นับจากเขตทางที่ได้กันไว้ข้างละ 100
เมตร  แต่ถ้าปรากฎว่า  เป็นป่าสงวนต้นน้ำลำธาร  หรือป่าสัมปทาน  ก็ให้ระงับการเปิดป่าบริเวณดัง
กล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องตัดฟันไม้ในบริเวณป่าสงวนตนน้ำลำธาร หรือป่าสัมปทานเพื่อการ
ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ หรือเพื่อการจัดสรรที่ดินให้ราษฎร กให้ได้รับการยกเว้น แต่ให้
แจ้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบก่อนทุกครั้ง"

      คณะรัฐมนตรีมีมติว่า สำหรับกรณีเงิน จำนวน 173 ล้านบาท นั้น ตามข้อเท็จจริงจำนวนเงินที่
แน่นอนจะเป็น 108,463 ล้านบาท จึงอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงิน จำนวน 108.463 ล้านบาท 
จากเงินงบกลางให้กระทรวง  คมนาคม  เพื่อนำไปจ่ายสมทบกับเงินค่าหุ้นที่ตั้งไว้แล้วในงบประมาณรายจ่าย
ประจำปี  2520   ของกระทรวงคมนาคม  จำนวน 30 ล้านบาท เป็นค่าซื้อหุ้นคืนตามสัญญาจากบริษัท 
เอส.เอ.เอส. ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2520 และให้กระทรวงการคลังโอนหุ้นของบริษัทการบินไทย จำนวน
100 ล้านบาท ให้กระทรวงคมนาคมเสนอ

      คณะรัฐมนตรีมีมติในที่ประชุมว่า เนื่องจากบริษัทไทยแอนด์สเมลติ้งแวนด์รีไฟนิ่ง จำกัด  ซึ่งได้รับ  
ความคุ้มครองพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2506 ได้สละสิทธิ์ในเรื่องโรงถลุงดีบุกแล้ว  
จึงอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมอนุญาตให้ตั้งโรงถลุงแร่ดีบุกเพิ่มขึ้นได้ภายในเงื่อนไข    ตามที่กระทรวง  
อุตสาหกรรมจะได้กำหนดตามที่เห็นสมควร

     คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเดิม เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2518  ที่ห้ามมิให้   
กำหนดไม้ไผ่เป็นไม้หวงห้าม    และให้ระงับการพิจารณาคำขอรับสัมปทานทำไม้ไผ่ของบริษัทเยื่อไทย   จำกัด   
และอนุมัติในหลักการที่จะกำหนดไม้ไผ่เป็นไม้หวงห้ามเฉพาะในท้องที่อำเภอไทรโยค อำเภอบ่อพลอย อำเภอ  
ศรีสวัสดิ์ และอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา  และอนุมัติในหลัก  
การ สำหรับเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ไผ่ของบริษัทเยื่อไทย จำกัด   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่างตามหลัก  
การแห่งข้อตกลงของที่ประชุม เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2519 แล้วเสนอไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 
พิจารณากำหนดเป็นแบบสัมปทานต่อไป  ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

      คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินงบประมาณปี  2520  จำนวน  25  ล้านบาท  ไปก่อสร้างทาง ดังนี้ 
สายปอน - น้ำเลี้ยง - สบปืน - ห้วยโก๋น สายบ้านน้ำยาว - บ้านหลักลาย - ห้วยโก๋น สายอำเภอศรีเชียงใหม่ - 
กิ่งอำเภอสังคม - ปากชม  สายด่านซ้าย - เหมืองแพร่  สายปาย - แม่ฮ่องสอน    ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 
สำหรับทางสายอำเภอศรีเชียงใหม่ - กิ่งอำเภอสังคม - ปากชม ไม่รวมถึงงบประมาณค่าจ้างเหมาก่อสร้างสะพาน  
และท่อเหลี่ยมคอนกรีต  ซึ่งได้รับงบประมาณพิเศษปี  2520    ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2520 
เป็นต้นไป

      คณะรัฐมนตรีมีมติว่าการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวงเป็นการประกวดราคา
นานาชาติ ซึ่งได้  รับการยกเว้นโดยไม่ต้องต่อรองราคา ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือที่ สร.0203/ว. 29 
ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 อยู่แล้วซึ่งไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว

      คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รับโครงการสร้างศาลทางหลวงไปพิจารณาใหม่ได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังเสนอ

        คณะรัฐมนตรีมีมติให้งดหักเงินเดือนของข้าราชการไว้เป็นเงินสะสม  ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2520 
เป็นต้นไป        และอนุมัติให้กระทรวงการคลังแก้ไขระเบียบการหักเงินเดือนข้าราชการไว้เป็นเงินสะสม 
พ.ศ. 2518  ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วดำเนินการประกาศใช้เป็นระเบียบปฏิบัติต่อไป
โดยด่วน  

       คณะรัฐมนตรีมีมติยืนยันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2519 เกี่ยวกับเรื่อง การพิจารณาชดใช้
ค่าเสียหายและทรัพย์สินของประชาชนอันสืบเนื่องมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ปราบปรามที่ จังหวัดสุราษฎร์
ธานี และอนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายในเรื่องนี้ รวม 3 ประการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 
17 สิงหาคม 2519 และอนุมัติให้แต่งตั้งนายประพจน์ เรขะรุจิ อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ เป็นตัวแทนรัฐบาลไป
ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน   อันเนื่องมา
จากการกระทำของเจ้าหน้าที่ปราบปรามที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

      คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการอ่างเก็บน้ำมาบประชัน 
อีกครั้งหนึ่ง โดยให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมาบประชันได้ไปพลางก่อน ส่วนงบประมาณที่  
จะดำเนินการในปี 2520 นี้ ให้เจียดจ่ายจากงบประมาณของกรมชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2519  โดยให้ 
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  พิจารณาร่วมกับแต่ละกระทรวงกำหนดหน้าที่และความ 
รับผิดชอบของตำแหน่งประจำกระทรวง และให้มีจำนวนตำแหน่งประจำกระทรวงตามความจำเป็นของ 
แต่ละกระทรวงด้วย