คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2535 เรื่อง การปรับปรุง 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  พระนคร  (เร่งด่วน)  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 
ในวโรกาสครบรอบ 100 ปี พระราชสมภพ  (8 พฤศจิกายน 2536)  มีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี    เป็น
ดังนี้    
           "อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ  โดยคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  สถานที่ตั้งปัจจุบันของ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ค่อนข้างเสี่ยงต่ออัคคีภัย จึงมอบให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดกำหนด 
แผนการย้ายสถานที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด"

          คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2535 เรื่อง การจัดเก็บ
ค่าธรรมเนียมทางด่วน การปรับอัตราค่ากระแสไฟฟ้า  และการปรับปรุงอัตราค่าโดยสารรถประจำทาง 
ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพแล้ว  มีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีในข้อ 1  ข้อความว่า  "ให้กระทรวง
มหาดไทยรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขึ้นค่าธรรมเนียมทางด่วน โดยค่อย ๆ  เพิ่มอัตรา 
ที่ละน้อยไปพิจารณาดำเนินการ   นั้น"    ให้แก้ไขเป็น    "ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของนายก
รัฐมนตรีเกี่ยวกับการขึ้นค่าธรรมเนียมทางด่วนว่า หากจำเป็นต้องขึ้นค่าธรรมเนียม  ก็ให้เพิ่มอัตราที่ละ 
น้อยไปพิจารณาดำเนินการ นั้น"  

          1. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับผู้รับทุนรัฐบาลไทย และผู้เชี่ยวชาญ
ไทยรวมทั้งอนุมัติให้ถือว่ากรณีที่ข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตามโครงการความช่วยเหลือ
ทางเศรษฐกิจและวิชาการแก่ต่างประเทศ เป็นการปฏิบัติราชการ
          2. อนุมัติให้ขยายเวลาการใช้จ่ายเงินโครงการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและวิชาการ 
แก่ต่างประเทศ ปี 2535 ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2536
          ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ  เสนอ        และโดยที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่า อัตราค่าใช้จ่าย 
สำหรับผู้รับทุนรัฐบาลไทย   และผู้เชี่ยวชาญไทยที่จะไปปฏิบัติงานต่างประเทศที่กระทรวงการต่าง
ประเทศรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามข้อเสนอนี้ยังเป็น
อัตราที่ต่ำไป จึงให้พิจารณาทบทวนอีกครั้งภายใน 3 เดือน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอผลการพิจารณาทบทวน
บทบาทและโครงสร้างในภาพรวมของกรมตำรวจ โดยได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราช
การของหน่วยที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการท่องเที่ยว  การสืบทวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ  และงานวิทยาการ
ตำรวจ รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบงานบริหารงานบุคคล งานพัสดุ และการพลาธิ
การ งานการข่าว งานนโยบาย แผนงานและงบประมาณ งานการศึกษา งานปราบปรามยาเสพติด และ
งานจราจร

          อนุมัติการพัฒนาระบบข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด ดังนี้
          1. ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2535 เรื่อง มาตรการปรับปรุงระบบราชการ
และระบบข้าราชการในประเด็นการระงับการเพิ่มอัตราตำแหน่งข้าราชการและลูกจ้าง
          2. ขอจัดจ้างลูกจ้างชั่วคราวช่วยเหลือการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2536 ไปก่อน  จำนวนทั้ง  
สิ้น 53 อัตรา แยกเป็นระดับปริญญาตรี จำนวน 25 อัตรา และระดับ ปวช. จำนวน 28 อัตรา   โดยเริ่ม  
จ้างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2535  ถึงวันที่ 30 กันยายน 2536      สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป  
ขอกำหนดตำแหน่งข้าราชรับผิดชอบงานเป็นการถาวรได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น  
          สำหรับในปีงบประมาณ 2536 วงเงินที่เสนอไว้แล้วไม่มีค่าใช้จ่าย   จึงเห็นควรให้สำนักงานปลัด  
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาปรับยอดจากวงเงินงบประมาณปี 2536    โดยตกลงกับสำนักงบประมาณ 
ก่อนการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

          คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2535 เรื่อง ขออนุมัติให้ประเทศ
ไทย เป็นที่ตั้งสำนักงานผู้แทนสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิก  และขอผ่อน 
ผันมติคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ  มีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี เป็นดังนี้
          1. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานผู้แทนสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศประจำ 
ภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิก
          2. อนุมัติให้ทำความตกลงในการจัดตั้งสำนักงานผู้แทนสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศประจำภูมิ 
ภาคเอเซียและแปซิฟิก โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้ลงนามในความตกลง
          3. อนุมัติให้ผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2528   โดยให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีเงินได้  
แก่ผู้มีสัญชาติไทยหรือผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย      ซึ่งปฏิบัติงานในสำนักงานผู้แทนสหภาพโทรคมนาคม 
ระหว่างประเทศมีฐานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ  ดังนั้น  ประเทศไทยจึงต้องปฏิบัติตามพันธ  
กรณีที่มีอยู่ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ   ปี   ค.ศ.
1974 ที่กำหนดในมาตรา 19(6)
          4. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การจะทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2528  เรื่อง  การยกเลิก   
เอกสิทธิ์ทางภาษีอากรสำหรับคนไทยในองค์การหรือสถาบันระหว่างประเทศ  โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ที่มี  
สัญชาติไทยหรือผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทยที่ทำงานในองค์การสหประชาชาติ   หรือทบวงการชำนัญพิเศษ  
แห่งสหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศที่มีข้อสัญญาหรือความตกลงนั้น สมควรต้องมีข้อมูลอื่น ๆ  ประ
กอบการพิจารณาด้วย จึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปศึกษาหาแนวทางและวิธีการของประเทศต่างๆ  
ว่า ปัจจุบันมีวิธีดำเนินการในเนื่องนี้กับคนสัญชาติของตนหรือผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศของตนอย่างใด ได้รับ 
การยกเว้นภาษีเงินได้ทั้งในระดับ Professional  Staff  หรือ  Local  Staff  หรือไม่  และองค์การหรือทบวงการ 
ชำนัญพิเศษ ฯ ต่าง ๆ มีข้อกำหนดและวิธีการในเรื่องนี้อย่างใด     และโดยที่มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวยังมีความ  
สับสนเกี่ยวกับคำว่า "องค์การระหว่างประเทศ"  เพราะการใช้คำว่า  "องค์การระหว่างประเทศ"  น่าจะหมายถึง 
องค์การระหว่างประเทศที่อยู่ภายใต้องค์การสหประชาชาติเท่านั้น   สำหรับองค์การระหว่างประเทศที่ไม่ได้อยู่  
ภายใต้องค์การสหประชาชาติควรใช้คำว่า "องค์การนานาชาติ"  จึงสมควรทบทวนการใช้คำในเรื่องนี้   แล้วนำ  
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา   โดยเสนอแนวทางการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีที่ชัดเจนเพื่อประกอบการ
พิจารณาด้วย

          คณะรัฐมนตรีได้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (12 กันยายน 2535)  เรื่อง  การปรับปรุงวิธีการปฏิบัติ
และกระบวนการพิจารณาอนุมัติการรับเหมาก่อสร้าง มีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี เป็นดังนี้
          "รับทราบปัญหาและวิธีการปฏิบัติและกระบวนการพืจารณาอนุมัติการรับเหมาก่อสร้าง   และการ  
ดำเนินการเจรจาต่อรองราคาจ้างเหมาก่อสร้างทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ    และโดยที่ยังมี
ข้อบกพร่องในวิธีการปฏิบัติและกระบวนการพิจารณอนุมัติการประมูลรับเหมาก่อสร้างทาง  ของกรมทาง 
หลวง กระทรวงคมนาคม ดังนั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ จึงมอบให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณา 
ปรับปรุงแก้ไขคู่มือการประเมินราคางานก่อสร้างทาง (เฉพาะภาคผนวก)  ซึ่งจัดทำโดยคณะอนุกรรมการ  
กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานกิจกรรมก่อสร้างงานทาง    ในคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อ 
สร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศ ปี 2533 ให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น  และให้กระทรวงคมนาคม
รับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานของกรมทางหลวงในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป"

          รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตร 
และสหกรณ์ จำนวน 8 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงาน   และให้กระทรงเกษตร
และสหกรณ์รับไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย มาตรา 24  และมาตรา 37    แล้วนำเสนอ
คณะรัฐมนตรีชุดต่อไปพิจารณา

          รับทราบปัญหาวิธีการปฏิบัติและกระนวนการพิจารณาอนุมัติการรับเหมาก่อสร้างและ 
การดำเนินการเจรจาต่อรองราคาจ้างเหมาก่อสร้างทางหลวง   ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ 
และโดยที่ยังมีข้อบกพร่องในวิธีการปฏิบัติและกระบวนการพิจารณาอนุมัติการประมูลรับเหมา   
ก่อสร้างของทุกกระทรวง ทบวง กรม ดังนั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ  จึงมอบให้กระทรวง
การคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินรับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขปัญหา  
ในทางปฏิบัติ  และกระบวนการพิจารณาดังกล่าว      รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของราคา
กลางในการก่อสร้าง และแนวทางที่จะปรับปรุงให้ทันสมัย  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา 
โดยด่วน

          1. เห็นชอบ
              1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทวิชาชีพเฉพาะ 
และประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ พ.ศ. ....
              1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับ  
สูงและประเภทบริหารระดับกลาง พ.ศ. ....
              1.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในพระองค์ พ.ศ. ....
              1.4 ร่างกฎ ก.พ. ฉบับที่ ..  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ 
พลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการรับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะ และ
ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงหรือบริหารระดับกลาง 
          ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว   และ 
ดำเนินการต่อไปได้
         2. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในพระองค์  พ.ศ. ....    ตาม
แบบที่ 2 โดยตัดร่างมาตรา 3  ร่างมาตรา 4  และร่างมาตรา 5  (บทบัญญัติกำหนดองค์ประกอบของ 
อ.ก.พ. ทำหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง และ อ.ก.พ. กรม) ออก   ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ 
พิจารณาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2535   
แต่โดยเหตุที่ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ มีลักษณะพิเศษเกี่ยวพันกับราชการในพระองค์โดยใกล้ชิด 
ดังนั้น  ในระยะยาวจึงอาจมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้เหมาะสมยิ่งขึ้น   แต่ในระยะเฉพาะหน้าให้   
หน่วยงานดังกล่าวจัดตั้งคณะกรรมการภายในหน่วยงานได้ เพื่อทำหน้าที่ทำนองเดียวกับ อ.ก.พ. กระ  
กระทรวง  และ  อ.ก.พ.  กรม    ในการกลั่นกรองหรือดำเนินงานตามความเหมาะสมและตามลักษณะ
พิเศษของหน่วยงาน

อนุมัติตามที่ คค.เสนอให้ความเห็นชอบในอัตราค่าภาระขั้นสูงและขั้นต่ำ
ตามโครงสร้างอัตราค่าภาระใหม่ของท่าเรือกรุงเทพ ซึ่ง กค.และสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เสนอความเห็นมาเพื่อประกอบการพิจารณา
ของ ครม.ด้วย

          อนุมัติให้แก้ไขหน่วยปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2534  จาก 
"การประปาส่วนภูมิภาค" เป็น "กรมการปกครอง" ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ  กับให้กระ 
ทรวงมหาดไทยกำหนดมาตรการและขั้นตอนการโอนกิจการประปาชะอำให้แก่การประปาส่วน 
ภูมิภาคและเสนอคณะรัฐมนตรี และให้การประปาส่วนภูมิภาค มีส่วนร่วมในการควบคุมการก่อ 
สร้างการปรับปรุงขยายกิจการประปาเทศบาลตำบลชะอำด้วย

          เห็นชอบและอนุมัติการปรับปรุงค่าภาคหลวงแร่ทองคำ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอ
ดังนี้
          1. ลดค่าภาคหลวงแร่ทองคำลง จากอัตราร้อยละ 10 ของราคาที่อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
ประกาศ เป็นอัตราร้อยละ 2.5 ของราคาโลหะทองคำที่อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีประกาศ   โดยใช้
ราคาตลาดทองคำลอนดอน (London Gold Marker) เป็นมาตรฐาน
           2. แก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติพิกัดอัตรา
ค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. 2509 
           โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปยกร่างกฎกระทรวง ฯ    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

          1. อนุมัติหลักการโครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อเป็นพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสครบรอบ 100 ปี พระราชสมภพ
          2. จัดสรรงบประมาณตามโครงการ โดยให้เป็นไปตามฐานะการเงินของประเทศ
          3. ให้ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร  รวมทั้งบุคลากร  โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานกำหนดของ
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) 
          ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ     โดยคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่าสถานที่ตั้งปัจจุบันของ 
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ค่อนข้างเสี่ยงต่ออัคคีภัย  จึงควรเร่งย้ายไปสถานที่แห่งใหม่โดย 
ด่วน

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเรื่อง ความสามารถในการแข่งขันของโรงกลั่น
น้ำมันภายในประเทศกับโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสิงคโปร์ โดยแก้ไขจากเดิมเป็นดังนี้ 
          "1. ให้รีบพิจารณานโยบายด้านกำลังการกลั่นปิโตรเลียม   โดยการให้ตั้งและขยายโรงกลั่นโดย  
เสรีโดยเร็ว ภายในปี 2536
            2. ในกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้ตั้งและขยายโรงกลั่นน้ำมันโดยเสรีแล้ว       ให้พิจารณาแก้ไข  
สัญญากับเอสโซ่  เชลล์  และคาลเท็กซ์  เพื่อยกเลิกการเก็บเงินค่าธรรมเนียมพิเศษ  2%  ของยอดขาย 
และแก้ไขสัญญากับไทยออยล์ ยกเลิกการเก็บเงินผลประโยชน์พิเศษ 35%  ของกำไรสุทธิก่อนเสียภาษี
และยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ของโรงกลั่นน้ำมันบางจากที่นำเข้ามาเพื่อขยายกำลังกลั่น 
ด้วย
            3. เห็นชอบการปรับปรุงวิธีการกำหนดปริมาณน้ำมันสำรองตามกฎหมาย      โดยให้ดำเนิน 
การดังนี้
               (1) เปลี่ยนวิธีการสำรองจากปัจจุบันที่กำหนดให้โรงกลั่นสำรองน้ำมันดิบเท่ากับ    55%     
ของกำลังกลั่น และผู้ค้าสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเท่ากับ 5%   ของปริมาณการขายมาเป็นการสำรองน้ำ  
มัน 8% (และอาจเพิ่มเป็น 10% ในช่วงต่อไป) ของปริมาณการขาย โดยถือว่าน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำ  
มันดิบเป็นส่วนหนึ่งของการสำรองน้ำมันไม่ว่าจะเก็บไว้ที่คลังของผู้ค้าหรือที่โรงกลั่นก็ตาม    โดยผู้ค้า  
สามารถนำปริมาณน้ำมันดิบที่โรงกลั่นมาเป็นปริมาณสำรองของตนได้ด้วย    ตามข้อเสนอนี้ปริมาณ 
สำรองน้ำมันตามกฎหมายจะเท่ากับปัจจุบัน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัตินั้นสมควรมอบหมาย
ให้คณะกรรมการนโยบายปิโตรเลียมรับไปพิจารณา
               (2) เมื่อดำเนินการตามข้อ 3(1) แล้ว ให้ลดอากรขาเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป    โดย 
กลับไปใช้อากรขาเข้าอัตราเดิม (1 สต.ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน ก๊าด  และดีเซล และ 0.01 สต.
ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเตา)
            4. ให้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น  เรื่อง  ความสามารถในการแข่งขันของโรงกลั่นน้ำมันภายในประ
เทศ" 
          ตามที่นายกรัฐมนตรี เสนอ

          เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคใหม่เป็น 2 โครงสร้าง
ดังนี้
          1. พื้นที่ที่พัฒนาแล้ว   หรือเมืองขนาดใหญ่   ที่มีปริมาณน้ำจำหน่ายตั้งแต่ 2.5 ล้านลูกบาศก์ 
เมตร/ปีขึ้นไป โดยจะใช้โครงสร้างอัตราค่าน้ำ ซึ่งจะมีค่าน้ำเฉลี่ย 9.51 บาท/ลูกบาศก์เมตร
          2. พื้นที่ที่เหลือ จะใช้โครงสร้างอัตราค่าน้ำ ซึ่งจะมีค่าน้ำเฉลี่ย 8.98 บาท/ลูกบาศก์เมตร
          โดยให้มีผลตั้งแต่ค่าน้ำประจำเดือนตุลาคม 2535 เป็นต้นไป
          ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ  

         คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการปรับปรุงอัตราเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูงของผู้อำนวยการองค์การสุรา 
กรมสรรพสามิต  ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

          รับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ  เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลัง 
ความร้อนอ่าวไผ่      โดยเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะทำงานเฉพาะกิจ  ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี  
(หม่อมราชวงศ์เกษมสโมสร เกษมศรี) เป็นประธาน ดังนี้
          1. ให้ชะลอการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอ่าวไผ่ไว้ก่อนและให้จัดตั้งคณะ
ทำงานชุดหนึ่งโดยมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเจ้าของ  
เรื่องและประกอบด้วยผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  และสำนักงานนโยบายและ  
แผนสิ่งแวดล้อม  โดยให้คณะทำงานชุดนี้จัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมของการ 
เลือกสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง  ทั้งนี้  ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับภาระ 
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น      และให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ร่วมจัดทำขอบเขตการ  
ศึกษา (Terms  of  Reference)  โดยให้พิจารณาถึงสถานที่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้ทำการศึกษาไว้แล้วด้วย   โดยเฉพาะการเปรียบเทียบระหว่างอ่าวไผ่กับมาบตาพุด  และศึกษา 
ผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมในกรณีที่มีการผลิตเต็มรูปแบบของโครงการ   หรือเมื่อมีกำลังการ  
ผลิตติดตั้ง 4200 เมกะวัตต์  รวมทั้งพิจารณาถึงความเหมาะสมของการใช้เชื่อเพลิงระหว่างน้ำมัน 
เตาและถ่านหิน และผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากการเลือกใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวด้วย
          2. การเสนอเปลี่ยนประเภทเชื่อเพลิงที่ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอ่าวไผ่  จากถ่านหิน 
เป็นน้ำมันเตา  นั้น  ถือว่าเป็นการเปลี่ยนโครงการ  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้อง 
นำเรื่องเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะ  
รัฐมนตรีใหม่
          3. มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายไฟฟ้ารับไปพิจารณาโดยด่วน  ว่าการชะลอโครง  
การโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอ่าวไผ่จะต้องมีการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าอย่างไรเพื่อ
ให้มีไฟฟ้าเพียงพอตอบสนองความต้องการใช้ในอนาคต

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับปรุงคณะกรรมการส่งเสริมแรงงานไทยไปต่างประเทศ โดยเพิ่มผู้
แทนกระทรวงสาธารณสุขเป็นกรรมการอีก 1 คน  และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการให้สามา
รถทำหน้าที่พิจารณาและเสนอแนวทางการพัฒนาระบบจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน    รวมทั้งเสนอ 
ความเห็นต่อรัฐบาลเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการในการจัดหางานและคุ้มครองคนหางานอย่างเป็น
ระบบและต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ