ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 21/08/2561 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ใช้การประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและการพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัด ให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความแออัดของผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง รวมทั้งเป็นการเตรียมการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล จึงให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑.๑ โอนท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานตาก และท่าอากาศยานชุมพร ไปให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการโอนให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยานที่เหลืออยู่อีก ๒๔ แห่ง ให้กรมท่าอากาศยานเร่งจัดทำแผนการบริหารจัดการท่าอากาศยานแต่ละแห่งให้เหมาะสมและชัดเจนด้วย ๒.๑.๒ เร่งหาข้อสรุปจากผลการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานแห่งต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ท่าอากาศยานภูเก็ตแห่งที่ ๒ ท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ ๒ เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้เดินทางและการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต เพื่อให้มีการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวออกไปยังท่าอากาศยานต่าง ๆ ในภูมิภาคและลดการกระจุกตัวของจำนวนผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง โดยในการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ดังกล่าวให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน ครบถ้วนด้วย เช่น รูปแบบการลงทุน ผู้ลงทุน บทบาทของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบทบาทของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ทั้งนี้ ให้รายงานข้อสรุปจากผลการศึกษาดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย ๒.๒ เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ เพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลและรัฐบาลดิจิทัลตามนโยบาย ๔.๐ เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึงให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจร่วมกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุผลใน ๒ เรื่องหลักที่สำคัญ คือ (๑) สังคมไร้กระดาษ (paperless) และ (๒) สังคมไร้เงินสด (cashless) ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลกลาง ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญจากหน่วยงานของรัฐและเอกชนผ่านเลขประจำตัวประชาชน โดยมีระบบรองรับให้หน่วยงานอื่นสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลได้ เมื่อได้รับความยินยอม (consent) จากเจ้าของข้อมูล และในกรณีที่ต้องการยืนยันตัวตนก็ให้สามารถทำได้ โดยอาศัยข้อมูลทางชีวมิติ (biometrics) เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา เป็นต้น ๒.๒.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการจูงใจ เช่น มาตรการด้านภาษีและค่าธรรมเนียม เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ประกอบการซื้อขายสินค้า ชำระเงิน หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) มากยิ่งขึ้น ๒.๓ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการต่าง ๆ ภายใต้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ถูกร้องเรียนและยังไม่สามารถชี้แจงเหตุผลหรือความจำเป็นที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและไม่เกิดการบิดเบือนข้อมูล โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.๔ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐที่มีข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพของสัญญาณ และการเข้าถึงการใช้งานด้วย และรายงานให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๑ เดือน ๒.๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ ให้ทุกหน่วยงานภาครัฐสำรวจการนำดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในภารกิจของหน่วยงานและภารกิจเพื่อการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมข้อมูลจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ Big Data ของทุกหน่วยงานจัดทำเป็นภาพรวมและแผนการขับเคลื่อนและการใช้ประโยชน์ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)] และกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลด้านการเกษตรและการปศุสัตว์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตรแปลงใหญ่ การทำเกษตรแบบผสมผสาน การเพาะปลูกพืชหลัก ๖ ประเภท (ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย และข้าวโพด) โดยข้อมูลเกี่ยวกับพืชหลักดังกล่าวจะต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนด้วย เช่น พื้นที่เพาะปลูก ปริมาณการเพาะปลูก ผลผลิต ปริมาณการบริโภค และรายได้ เป็นต้น เพื่อให้สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบายด้านการเกษตร การบริหารจัดการงบประมาณระหว่างหน่วยงาน การแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน และรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการประกาศกำหนดให้ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เพื่อยกระดับความสำคัญของสถานที่ดังกล่าวที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของสถานที่ดังกล่าวต่อไป ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อสานต่อการดำเนินโครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๖๐ โดยให้ดำเนินการภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ต่อไป
|
.....