ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การขอความเห็นชอบต่อเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ | กต | 13/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ หรือปฏิญญาซิดนีย์ (Joint Statement of the ASEAN-Australia Special Summit : The Sydney Declaration) เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนและออสเตรเลียเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในมิติการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยผลักดันให้อาเซียนและออสเตรเลียทำงานร่วมกันใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านความมั่งคั่ง และประชาชน ๑.๑.๒ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล [Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asia Nations (ASEAN) and the Government of Australia on Co-operation to Counter International Terrorism] เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของอาเซียนและออสเตรเลียที่ร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายสากลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวกรอง เป็นต้น รวมถึงการป้องกันแนวคิดหัวรุนแรงและสุดโต่งที่อาจนำไปสู่การก่อการร้าย โดยใช้ประโยชน์จากกลไกที่มีอยู่ภายในกรอบอาเซียน-ออสเตรเลีย ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๑.๓ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ หรือในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงภายหลังโดยให้รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นผู้ลงนาม ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงนัยทางกฎหมายแต่อย่างใด ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
.....