ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก 2 และภาคผนวก 5 ของความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย | พณ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก ๒ และภาคผนวก ๕ ของความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปริมาณสินค้าที่มีการใช้มาตรการโควตาภาษี (Tariff Rate Quota : TRQ) ตามบัญชีแนบท้ายภาคผนวก ๒ โดยเพิ่มปริมาณโควตานมผงขาดมันเนย ร้อยละ ๑๐ และแก้ไขปริมาณการนำเข้าสินค้าที่มีการใช้ปกป้องพิเศษ (Special Safeguard : SSG) ตามบัญชีแนบท้ายภาคผนวก ๕ โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้า (Tigger Volume) ของสินค้า ๓ รายการ (๖ พิกัดสินค้า) ของไทย ได้แก่ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง โดยมีผลในทางปฏิบัติภายในปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารฯ และกระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่าได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เสร็จสิ้นแล้ว ๕. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการส่งเสริมอุตสาหกรรมนมไทยเพื่อลดปริมาณการนำเข้า และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมไทย ซึ่งฝ่ายออสเตรเลียจะเสนอความร่วมมือให้กับฝ่ายไทยนั้น ควรระบุรายละเอียดโครงการให้เป็นรูปธรรมและชัดเจน และควรประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการผู้มีส่วนได้เสียรับทราบถึงการดำเนินการจากการทบทวนพันธกรณีการเปิดตลาดสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นตามความตกลง TAFTA อย่างทั่วถึง รวมทั้งติดตามประเมินผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากมาตรการที่มีอยู่ของหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ และเชื่อมโยงเครือข่ายเกษตรกรและสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อรองรับการแข่งขันจากการเปิดเสรีทางการค้าในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๖. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสินค้าที่มีการใช้มาตรการโควตาภาษี (TRQ) จำนวน ๘ รายการ โควตาภาษีดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๖ รายการ ได้แก่ มั่นฝรั่ง (สดและแช่แข็ง) เมล็ดกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป ชา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) และจะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ นมดิบและนมพร้อมดื่ม นมผงขาดมันเนย และสินค้าที่มีการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) กำหนดเพดานปริมาณ Tigger Volume โดยเก็บภาษีนำเข้าในอัตราต่ำ ส่วนปริมาณที่นำเข้าเกินกำหนดจะเก็บภาษีในอัตราสูงกว่า จำนวน ๑๗ รายการ เช่น ไขมันเนย หางนม และเนยแข็ง จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ หลังจากนั้นจะไม่กำหนดเพดานนำเข้าและอัตราภาษีนำเข้าจะเป็นร้อยละ ๐ จึงเห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรดังกล่าวภายในประเทศ ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
.....