คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบรายละเอียดแผนงาน/โครงการและงบประมาณภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล วงเงิน ๓,๗๕๕,๖๔๓,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สำหรับขั้นตอนและแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการฯ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีไม่มีหนี้ผูกพัน โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (Wi-Fi Network) ไปดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยให้ก่อหนี้ผูกพันได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เนื่องจากสำนักงาน กสทช. ได้มีแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) อยู่แล้ว และจัดทำรายละเอียดเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการติดตามประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และเห็นควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาค่าใช้จ่ายในรายละเอียดก่อนการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
               ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีไม่มีหนี้ผูกพัน โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (Wi-Fi Network) ไปดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล วงเงิน ๓,๗๕๕,๖๔๓,๒๐๐ บาท โดยให้ก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ และรายการค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการเองให้เบิกจ่ายได้เสร็จสิ้นภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๙
               ๓. กรณีการดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกันและภาระที่เกิดขึ้นจากการจัดหาทรัพย์สินที่ได้จากการดำเนินงานโครงการของส่วนราชการที่รับผิดชอบจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกัน ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังโดยให้ถือปฏิบัติตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุดที่ กค ๐๔๐๙.๗/ว ๓๕๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันในระบบ GFMIS โดยส่วนราชการผู้เบิกแทนเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้าง และถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งทรัพย์สินที่ได้เป็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เว้นแต่กรณีไม่สามารถปฏิบัติได้ตามหนังสือกรมบัญชีกลางดังกล่าว ให้ขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง