ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 (COP 21) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 (CMP 11) | ทส | 24/11/2558 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๑ (The 21st Session of the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP 21) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๑ (The 11th session of the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP 11) โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขออนุมัติองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยให้เป็นไปตามนัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การเสนอองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศ) ต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบกรอบท่าทีการเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๑ (COP 21) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๑ (CMP 11) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเน้นย้ำท่าทีในการเจรจาฯ ว่า ไทยไม่สามารถสนับสนุนพันธกรณีในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเด็นเกี่ยวกับก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้นจากภาคการเกษตรได้ เนื่องจากภาคการเกษตรของไทยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การพัฒนาชนบท การลดความยากจน และเป็นวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ๓. กรณีมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย หากไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไปแล้ว ให้เป็นดุลยพินิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้พิจารณาจนสิ้นสุดการประชุมฯ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกอย่างยั่งยืน ควรพิจารณาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ส่งผลต่อความเชื่อมโยงระหว่างมิติความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ อาหาร และพลังงาน (Water-Food-Energy Security Nexus) รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อม ซักซ้อมความเข้าใจ และกำหนดท่าทีการเจรจาในการประชุมในเวทีต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้การเข้าร่วมประชุมดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นอกจากนี้ หากในการประชุมจะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐภาคี ก็จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศก็จะเข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....