ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 5 | พณ | 24/11/2558 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าสำหรับการหารือกับกัมพูชา ซึ่งมีประเด็นที่จะผลักดัน คือ (๑) การตั้งเป้าหมายการค้าสองฝ่ายให้ขยายตัวร้อยละ ๓๐ ต่อปี (ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓) (๒) ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองหน้าด่านชายแดนไทยและกัมพูชา (๓) ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในสินค้าเกษตร (๔) ความร่วมมือในการเชื่อมโยงระหว่างกัน (๕) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน (๖) การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (๗) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และ (๘) ความร่วมมือด้านวิชาการ การพัฒนาบุคลากร และอื่น ๆ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๕ ในระหว่างวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาประเด็นการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือในการเชื่อมโยงระหว่างกันโดยการเปิดด่านชายแดนด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ๒. หากในการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อ ๑ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา ให้กระทรวงพาณิชย์และคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการเพิ่มเติมดังกล่าวด้วย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองผลการประชุม JTC ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๕ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากในการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ก็จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศก็จะเข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญฯ ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....